เที่ยงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๔ มีการประชุมตณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ มีวาระการประชุมเรื่องเดียวคือ ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ ที่ผมไม่ได้เข้าร่วมประชุม ข้อเขียนข้างล่างจึงได้จากเอกสารประกอบการประชุม
มีผลการวิจัยนำเสนออย่างชัดเจนคือ “สมุดปกขาวฉบับนี้มีขอบเขตครอบคลุม (๑) เหตุผล ความจําเป็น และความสําคัญของระบบโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ (๒) การวิเคราะห์สถานภาพปัจจุบันของโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของ ประเทศไทย โดยอ้างอิงกับแนวทางการบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพระดับสากล และประเทศเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่เทียบให้แก่ประเทศไทย (๓) ข้อเสนอแนวทางบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ รวมถึงข้อสังเกตเกี่ยวกับเงื่อนไขในการดําเนินการให้บรรลุผล และ (๔) กรอบระยะเวลาดําเนินการและผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง”
เป้าหมายของสมุดปกขาวนี้ เพื่อนำไปสู่ร่าง พรบ. โครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ พ.ศ. ....
รายงานให้นิยามโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศตาม UNIDO ดังนี้ “โครงสร้างพื้นฐานทาง คุณภาพ เป็นระบบที่ประกอบขึ้นจากองค์กร ทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน โดยมีนโยบาย กฎหมายและ กรอบการกํากับดูแล และแนวปฏิบัติร่วมกัน โดยพึ่งพากระบวนการ ๕ ด้าน ได้แก่ มาตรวิทยา, การกําหนดมาตรฐาน, การรับรองระบบงาน, การตรวจสอบและรับรอง, และการกํากับดูแลตลาด โดยหลักการแล้วการดําเนินการทั้ง ๕ ด้านควรเป็นอิสระจากกันในทางวิชาการ แต่มีการประสานทิศทางและนโยบายให้สอดคล้องกัน เพื่อให้องค์ประกอบทั้งหมดทํางานร่วมกันอย่างเป็นระบบ มีทิศทางและเป้าหมายเดียวกัน”
อ่านเอกสาร ๔๐ หน้านี้แล้ว ผมทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กับข้อเสนอนี้ เห็นด้วยกับ โครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรม ๕ ระบบที่เชื่อมโยงกัน แต่ไม่เห็นด้วยว่าเรื่องคุณภาพของประเทศมีเพียงเท่านี้ ส่วนที่รายงานไม่ได้แตะอาจเรียกว่า Foundation of National Quality Systems คือเป็นฐานรองรับ infrastructure อีกทีหนึ่ง เป็นเรื่องของวัฒนธรรมคุณภาพ (Quality Culture) ที่อยู่ในคนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนจนเป็นวัฒนธรรม ตัวอย่างสำคัญอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นและเยอรมนี
พื้นฐานดังกล่าวมาจากการศึกษาฝึกอบรม และจากวิถีชีวิตผู้คน
อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ได้เขียนชัดเจนคือ ระบบนี้มีไว้เพื่ออะไรในเชิงยุทธศาสตร์ หากไม่คิดให้ลึก ระบบนี้จะเป็นระบบรองรับบริษัทอุตสาหกรรมที่มาทำงานใช้ประโยชน์จากประเทศไทย ไม่เป็นกลไกส่งเสริมนวัตกรรมภายในประเทศ เพื่อยกระดับประเทศสู่สภาพ ๔.๐ ดูจากร่าง พรบ. เน้นเพื่อ “ให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากล” ซึ่งผมมองว่าน่าจะมีเป้าหมายที่มีคุณค่าต่อประเทศมากกว่านี้ และมีมิติเชิงรุกมากกว่านี้
ประเด็นที่สาม ที่ผมไม่เห็นจากข้อเสนอนี้ คือการชี้ให้เห็นชัด ว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการนั้นจริงๆ แล้วเกิดจากภาคการผลิตและภาคบริการ กลไกที่เสนอเป็นตัวช่วยหรือส่งเสริมเท่านั้น
ประเด็นที่สี่ ผมไม่เห็นมุมมองเชิงพลวัต และซับซ้อน (complexity) เรื่องคุณภาพ
วิจารณ์ พานิช
๙ มี.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น