ผมได้ความคิดเอามาเขียนบันทึกนี้จากการทำหน้าที่เป็นกรรมการอำนวยการโครงการประเทศไทยในอนาคต(Future Thailand) ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งมีการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และจะประชุมครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ บันทึกนี้เริ่มขียนวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๓ เมื่อผมเตรียมตัวอ่านเอกสารข้อเสนอโครงการวิจัย และจากการสื่อสารจากเจ้าหน้าที่ของ วช. ทำให้ผมตระหนักว่า ผมน่าจะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้กว้างกว่าหน้าที่กรรมการอำนวยการของชุดโครงการวิจัยชุด ประเทศไทยในอนาคต ชุดนี้ คือในบันทึกนี้ผมจะใช้ข้อมูลความรู้จากงานนี้ของ วช. ผสมผสานกับประสบการณ์ในช่วงเวลากว่า ๓๐ ปี ที่ผมมีโอกาสทำงานจัดการงานวิจัยในหลากหลายบริบท
สาระสำคัญที่สุดที่ต้องการสื่อสารในบันทึกนี้คือ ประเทศไทยต้องการการพัฒนาระบบการจัดการ (management) งาน ววน. (วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) และพัฒนาทักษะของผู้ทำงานด้านนี้ (ด้านการจัดการ) ทั้งระดับผู้บริหารองค์กร และระดับเจ้าหน้าที่
โดยขอเสนอประเด็นสำคัญยิ่ง ในการทำหน้าที่จัดการงานวิจัย (หรือทุนวิจัย) ดังต่อไปนี้
- ความรับผิดรับชอบ (accountability) หรือที่วิกิพีเดียเสนอให้ใช้คำว่า ภาระรับผิดชอบ ต่อชุดวิจัย หรืองานวิจัยแต่ละชิ้น ในฐานะที่ใช้เงินภาษีอากรของประชาชน อยู่ที่ใคร คำตอบของผมคือ หน่วยงานจัดการงานวิจัยเป็นผู้รับผิดรับชอบ ต้องไม่โยนไปให้คณะกรรมการอำนวยการ หรือให้ reviewer
- การพัฒนาระบบใช้บุคคลภายนอกช่วยให้การจัดการงานวิจัยเกิดประสิทธิผล และประสิทธิภาพ ดังกรณีชุดโครงการประเทศไทยในอนาคต เจ้าหน้าที่แจ้งให้กรรมการอำนวยการ review ข้อเสนอของแต่ละโครงการ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย และผมคิดว่าเป็นอาการของความไม่สันทัดด้านการจัดการงานวิจัย ผมคิดว่าต้องแยกภารกิจด้านการประเมินข้อเสนอโครงการวิจัย (ซึ่งต้องเน้นประเด็นเชิงเทคนิค หรือภาพเชิงลึก) ออกจากภารกิจด้านการมองและให้ข้อเสนอแนะภาพใหญ่ของชุดโครงการ (ซึ่งต้องเน้นประเด็นเชิงกว้างและเชื่อมโยง) ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการ
- การมีระบบเรียนรู้สำหรับเจ้าหน้าที่ ให้มีทักษะในการสื่อสารประสานงานกับนักวิจัยหรือหน่วยวิจัย (เน้นการสื่อสารแนวราบ) และมีทักษะในการวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลความเห็นของ reviewer และของกรรมการอำนวยการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อน และคนที่เติบโตมาในระบบราชการมักไม่ได้รับการฝึก เรื่องนี้ผมเขียนไว้มากในหนังสือ การบริหารงานวิจัย แนวคิดจากประสบการณ์
- การจัดการให้งานวิจัยก่อผลกระทบต่อกิจการบ้านเมือง นี่คือประเด็นที่ฝ่ายจัดการต้องจ้องครุ่นคิดและจ้องหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา และคณะกรรมการอำนวยการต้องช่วยชี้แนะ อย่างกรณีของชุดโครงการประเทศไทยในอนาคต ผมมองประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ ๓ ประเด็นคือ (๑) การพัฒนาสถาบัน/หน่วย วิจัยเชิงระบบ ของระบบต่างๆ เช่นระบบ พลังงาน ระบบคมนาคม ระบบการศึกษา เป็นต้น โดยที่เวลานี้หน่วยงานของการวิจัยเชิงระบบของไทยก้าวหน้าที่สุดในระบบสุขภาพ (๒) การเชื่อมโยงหน่วยปฏิบัติด้านนั้นๆ เข้ามาร่วมเป็น “เจ้าของ” โครงการวิจัย (๓) การสื่อสารสู่สาธารณชนในวงกว้าง เพื่อให้ประชาชนมีข้อมูลหลักฐานในการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในเรื่องนั้นๆ (๔) การร่วมกันหาทางปกป้องคุ้มครองสิทธิทางปัญญาให้ตกอยู่ในประเทศ
- การจัดการด้านการสื่อสารสาธารณะ เพื่อนำเอาความรู้ที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง จุดสำคัญคือสื่อสารเพื่อประโยชน์ของสังคมเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อประชาสัมพันธ์องค์กรเป็นหลัก
ระบบการจัดการงานวิจัยในยุคกระทรวง อว. ต้องก้าวสู่การจัดการนวัตกรรม ที่ PMU ทั้ง ๗ ของประเทศจะต้องรีบเรียนรู้ และหาทางพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผมเข้าใจว่าประเทศจีนไปไกลมาก ผมไปเห็นมานิดหน่อยและเล่าไว้ที่ (๑) และ (๒)
วิจารณ์ พานิช
๑๒ ม.ค. ๖๓ และ ๘ ก.พ. ๖๓