ตอนที่ ๑ ตอนที่ ๒ ตอนที่ ๓ ตอนที่ ๔ ตอนที่ ๕ ตอนที่ ๖
ตอนที่ ๗ ตอนที่ ๘ ตอนที่ ๙ ตอนที่ ๑๐ ตอนที่ ๑๑ ตอนที่ ๑๒
ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองแผนงานภายใต้แผนบูรณาการการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ ที่ สวทน. เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๑ มีวาระเรื่อง แนวทางการจัดทำประเด็นวิจัยและนวัตกรรมเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ ฑ.ศ. ๒๕๖๓ ผมได้ชี้ให้ที่ประชุมเห็นว่า โจทย์วิจัยที่เราสนใจกันโดยทั่วไปเป็นการวิจัยเพื่อเป้าหมายเพิ่มรายได้ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ฯลฯ เน้นที่ “การวิจัยเพื่อเพิ่ม …” เราไม่ได้สนใจ “การวิจัยเพื่อลด ....” ซึ่งในที่นี้หมายถึงการลดความสูญเปล่าของประเทศ
ผมได้ชี้ว่า ระบบต่างๆ ของประเทศเดินผิดทางมากมายหลายระบบ เช่น ระบบการศึกษา ระบบคมนาคมและขนส่ง ระบบการใช้ที่ดิน ระบบพลังงาน ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง และอื่นๆ
หากเรามีการวิจัยเชิงระบบ เชิงทางเลือกนโยบาย ของระบบเหล่านี้ เราจะสามารถลดความสูญเปล่าของทรัพยากรของบ้านเมืองได้มากมาย
เปรียบเทียบกับระบบสุขภาพของไทย ที่เรามีระบบที่เป็นที่ยกย่องทั่วโลก ว่าเรามีระบบคุ้มครองสุขภาพถ้วนหน้า ที่ใช้งบประมาณแผ่นดินไม่สูงเกิน คือประมาณร้อยละ ๖ ของ จีดีพี เนื่องจากเรามีระบบวิจัยป้องกันความสูญเปล่า ที่สนับสนุนโดย สวรส. และทำวิจัยโดยหลากหลายหน่วยงานวิจัย โดยมีหน่วยวิจัยหลักคือ IHPP และ HITAP
แต่กระนั้นก็ตาม ก็ยังมีผู้ประมาณว่า ความสูญเปล่าของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของไทยตกราวๆ ร้อยละ ๒๕ – ๔๐ ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
งานวิจัยเพื่อลดความสูญเปล่านี้ นอกจากในวงการสุขภาพแล้ว ประเทศไทยไม่มีขีดความสามารถทำวิจัยในระบบอื่นๆ เลย จึงต้องการการสร้างขีดความสามารถโดยการสร้างนักวิจัย และสร้างหน่วยงานวิจัย โดยสนับสนุนการวิจัยแบบที่เรียกว่า evidence synthesis เพื่อใช้ตัดสินใจเชิงนโยบาย และเพื่อการจัดการตามนโยบายให้บรรลุผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ ซึ่งอาจต้องมีการวิจัยปฐมภูมิสนับสนุนด้วย
ระบบที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งในการวิจัยแบบนี้อย่างเร่งด่วนคือ ระบบการศึกษา
วิจารณ์ พานิช
๓ เม.ย. ๖๑
ไม่มีความเห็น