ใน ppt ของเอกสาร (๑) หน้า ๘ ระบุแนวทางการดำเนินการเพื่อปรับระบบ ว. และ น. ของประเทศ ในส่วนนโยบาย ดังนี้
ผมดีใจที่เห็น ppt นี้ แต่ก็เห็นว่า ยังเป็นเรื่องเชิงนโยบายเท่านั้น ยังไม่เห็นกลไกเชิงปฏิบัติที่เป็น จุดคานงัดที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ของระบบ ว. และ น. ซึ่งในความเห็นของผมคือ ที่มาของโจทย์วิจัย
ดังกล่าวแล้วในบันทึกชุด วิพากษ์ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ตอนที่ ๑ ว่า เพื่อผลักดัน ประเทศไทย ๔.๐ สัดส่วนของระบบวิจัย ระบบที่ ๑ : ระบบที่ ๒ ต้องเคลื่อนสู่สัดส่วน ๒๐ : ๘๐
ดังนั้น หน่วยจัดการงานวิจัยต้องมีการจัดการเชิงรุก ที่จะให้ได้โจทย์วิจัยจาก real sector ในประเด็นที่อยู่ในลำดับความสำคัญสูงของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และ real sector นั้นๆ ก็พร้อมที่จะร่วมลงทุน ซึ่งอาจเป็นการลงทุน in cash หรือ in kind หรือทั้งสองอย่าง
ที่จริงงานวิจัยตามความต้องการของฝ่ายชีวิตจริง เป็นการวิจัยเชิงประยุกต์ใช้ความรู้ มากกว่างานวิจัย สร้างความรู้ใหม่ การจัดการงานวิจัยเพื่อ ปทท. ๔.๐ จึงต้องปรับเปลี่ยนมาเน้น application research ไม่ใช่ inquiry/discovery research
จึงนำไปสู่การเปลี่ยนระบบให้คุณ (reward system) ต่อนักวิจัย จากการนับ international publication ในวารสารที่มี impact factor สูง มาสู่การนับผลงานที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะต้องมีการ พัฒนาระบบวัดและตรวจสอบยืนยัน ต่อยอดจากการที่ กพอ. ได้ออก ประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2556 กำหนดผลงานวิชาการรับใช้สังคมไว้ในรายการผลงานวิชาการ ที่ใช้ยื่นขอตำแหน่งวิชาการได้ แต่จนถึงบัดนี้ ๔ ปีให้หลัง ก็ยังเกิดผลในทางปฏิบัติน้อย เพราะขาดการจัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
หัวใจของการปรับระบบ ว. และ น. เพื่อ ปทท. ๔.๐ (ว.น. ๔.๐) คือการ สร้างระบบวิจัย ระบบที่ ๒ และสร้างระบบให้คุณแก่นักวิจัยในระบบที่ ๒ ที่เป็นรูปธรรม
จึงมีคำถามต่อว่า เวลานี้เรามีหน่วยงานทำ “วิจัย ๔.๐” เพียงพอแล้วหรือยัง ที่เวลานี้นักวิจัยส่วนใหญ่ อยู่ในมหาวิทยาลัย เป็นสภาพที่เหมาะสมต่อการขับเคลื่อน ว.น. ๔.๐ หรือไม่ ผมขอเสนอความเห็นว่าไม่ เรายังต้องการสร้างหน่วยงานวิจัยที่แอบอิงอยู่กับ real sector เป็นหน่วยงานวิจัยระบบที่ ๒ เต็มรูป แต่เชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยงานวิจัยในมหาวิทยาลัย และหน่วยงานวิจัยอื่นๆ ในลักษณะ “ภาคียุทธศาสตร์”
การสร้าง “หน่วยงานวิจัย ๔.๐” จึงเป็นความท้าทาย เพื่อการบรรลุ ปทท. ๔.๐
วิจารณ์ พานิช
๑๗ ก.ย. ๖๐
เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าเป้าหมายต้องชัดเจนในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในreal sectors
มิใช่คำพูดลอยๆ ตัวอย่างของประเทศจีนเห็นชัดเจน ผมว่าทุกวันนี้มหาวิทยาลัยยังงงๆ กกอ. ต้องชัดเจนด้วย