ตอนที่ ๑ ตอนที่ ๒ ตอนที่ ๓ ตอนที่ ๔ ตอนที่ ๕
ตอนที่ ๖ ตอนที่ ๗ ตอนที่ ๘ ตอนที่ ๙ ตอนที่ ๑๐
หนังสือ ดัชนีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙ – ๒๕๖๐ (๑) จัดทำโดย ๑๖ หน่วยงาน นำโดย สวทน. หากอ่านจับประเด็นให้ดีๆ จะเห็นโอกาสพัฒนา วทน. (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี และนวัตกรรม) ของประเทศ มากมายหลากหลายด้าน
ด้านหนึ่งคือมิติด้านคุณภาพ ข้อมูลตัวเลขในรายงานดัชนีดังกล่าวยังเป็นตัวเลขในภาพรวมของประเทศเป็นหลัก ยังขาดการวิเคราะห์แยกแยะให้เห็นว่าการลงทุนส่วนใด กิจกรรมส่วนใด ที่ให้ผลตอบแทนสูง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ลำดับความสำคัญ ในการสนับสนุน และในทางตรงกันข้าม การลงทุนส่วนใด กิจกรรมส่วนใด ที่การดำเนินการมีผลฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าของประเทศ จึงควรยุติการสนับสนุน
หากเราไม่กล้าวิเคราะห์ในลักษณะนี้ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ก็อย่าหวังเลยว่า ประเทศไทย ๔.๐ จะบรรลุได้
ที่จริงในหนังสือดังกล่าวหน้า ๓๐ – ๓๗ เป็น บทความนโยบาย เรื่อง ความสามารถของภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ที่เป็นประโยชน์มาก อ่านแล้วได้ความรู้มาก มีการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับประเทศ เยอรมนี สวีเดน ญี่ปุ่น จีน และมาเลเซีย โดยใช้ข้อมูลจาก Oslo Manual และ UNESCO Institute of Statistics
จะเห็นว่า การสร้างนวัตกรรมเป็นเรื่องซับซ้อน ต้องเข้าใจสภาพที่เราเป็นอยู่ และเข้าใจอย่างแยกแยะ ดังกรณีนวัตกรรมมี ๔ ประเภท ตามในบทความ ซึ่งผมไม่เคนรู้มาก่อน และสงสัยว่ามีคนระดับนโยบายนี้ในบ้านเมืองของเราเข้าใจเรื่องนี้สักกี่คน
ที่จริงไม่เข้าใจในเบื้องต้นก็ไม่เป็นไร หากเอาใจใส่ ทำความเข้าใจ หรือซักถามจากผู้รู้ แล้วนำความรู้นั้นไปใช้
อ่านแล้วผมนึกถึงชีวิตตนเองเมื่อ ๒๕ ปีก่อน ตอนเริ่มทำงานเป็นผู้อำนวยการ สกว. ต้องอ่านหาความรู้เรื่องการสนับสนุนการวิจัยมากมาย และหวนคิดว่า หากผมทำหน้าที่ทำนองเดียวกันในสมัยนี้ หนังสือ ดัชนีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙ – ๒๕๖๐ จะเป็นอาหารสมองอันโอชะที่ผมอ่านแล้วอ่านอีก และ “เคี้ยวเอื้อง” (ย่อย / ไตร่ตรองสะท้อนคิด) หาช่องทางนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างการดำเนินการระดับ “high end” เพื่อฉุดดึงระบบขึ้น แต่ตอนนี้ผมเป็นเพียงกองเชียร์ จึงไม่ได้ลงทุนอ่านจริงจัง ได้แต่อ่านผ่านๆ แล้วนำมาเสนอ
ดัชนีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย นี้ จัดทำทุกปี มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ และหาอ่านหรือดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของ สวทน. หากมีคนอ่านแล้วสังเคราะห์ภาพการเปลี่ยนแปลงในช่วง ๑๒ ปีที่ผ่านมา เชื่อมโยงกับกิจกรรมและมาตรการต่างๆ จะได้ความรู้เชิงการจัดการนโยบายเป็นอันมาก ที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อน ประเทศไทย ๔.๐
น่าเสียดายที่วงการนโยบายไทยขับเคลื่อนกันด้วยกิจกรรมการเมืองแบบพวกพ้อง มากกว่าจะใช้ข้อมูลหลักฐาน จึงไม่เห็นกิจกรรมวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูล เอามาใช้ประโยชน์อย่างที่ผมอยากเห็น หรืออาจจะมี แต่ไม่ออกมาสู่สาธารณชน
วิจารณ์ พานิช
๖ มี.ค. ๖๑
ไม่มีความเห็น