ตอนที่ ๑ ตอนที่ ๒ ตอนที่ ๓ ตอนที่ ๔ ตอนที่ ๕
ตอนที่ ๖ ตอนที่ ๗ ตอนที่ ๘ ตอนที่ ๙ ตอนที่ ๑๐
ตอนที่ ๑๑ ตอนที่ ๑๒ ตอนที่ ๑๓ ตอนที่ ๑๔ ตอนที่ ๑๕
ตอนที่ ๑๖ ตอนที่ ๑๗ ตอนที่ ๑๘ ตอนที่ ๑๙ ตอนที่ ๒๐
ตอนที่ ๒๑ ตอนที่ ๒๒ ตอนที่ ๒๓ ตอนที่ ๒๔ ตอนที่ ๒๕
บ่ายวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ผมไปประชุม ทีมจัดการ SiCORE-M ของศิริราช ได้ฟัง รศ. พญ. อรณี แสนมณีชัย เล่าเรื่องการไปดูงานจัดการงานวิจัยของมหาวิทยาลัย กลาสโกว์ แห่งสหราชอาณาจักร เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๖๒ ผมจึงตีความนำมาเล่า เพื่อให้เห็นนวัตกรรมของการจัดการงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร
ที่จริง อ. หมออรณี ไปดูงานการจัดการงานวิจัยที่คณะแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (College of Medical, Veterinary & Life Sciences) มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ และได้เรียนรู้ว่า คณะนี้มีหน่วยสนับสนุนการวิจัยถึง ๓ หน่วยงาน ที่ทำงานประสานงานกัน เพื่อสนองนโยบายทำงานวิจัยที่มี impact ต่อโลก ที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ในวิสัยทัศน์ ได้แก่
ทีมงานของหน่วยงานนี้ทำหน้าที่ด้านการจัดการ ให้แก่ทีมวิจัย ได้แก่ grant application รับรู้เรื่องทุนวิจัย และแจ้งอาจารย์ให้เขียนโครงการสมัครรับทุน และดำเนินการสมัครให้ เป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ระบบวิจัย แต่ละภารกิจมี “ผู้เชี่ยวชาญ” เฉพาะเรื่องรับผิดชอบทั้งสิ้น โดยนักวิจัยมุ่งทำงานวิจัย ไม่ต้องเสียเวลากับงานธุรการ เพราะหน่วย TRMO ช่วยทำงานธุรการเชิงรุกให้ ผลงานใน ๓ ปีคือเพิ่มทุนวิจัยของมหาวิทยาลัยขึ้น ๖๐๐ ล้านปอนด์
เป็นหน่วยงานที่ช่วยเพิ่ม quality ranking ของมหาวิทยาลัย เพราะได้รับทุนวิจัยเพิ่มขึ้น ผลงานวิจัยคุณภาพสูงขึ้น มี impact เพิ่มขึ้น เพราะทีมงานของ TRMO ช่วยเพิ่มความสามารถของ GU สู่การทำงานเป็น global research player เป็นข้อเรียนรู้ที่ดียิ่งสำหรับมหาวิทยาลัยวิจัยไทย
ที่น่าสนใจคือ หน่วยงานที่เรียกว่า SiCRES ของศิริราช ที่มี ศ. พญ. กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ก็คิดให้มีหน่วยงานนี้อยู่ภายใต้ SiCRES ทำหน้าที่พัฒนาโครงการ (protocol development) และหาทุน (grant hunting)
ผลงานอยู่ในสาขา sensor & imaging ด้านการแพทย์, precision medicine, urban big data, quantum technologies มีรายละเอียดมากมาย เกิดบริษัท start-up อยู่ภายใต้ GU Holdings Ltd. กว่า ๒๐ บริษัท บางบริษัทมีบริษัทใหญ่มาซื้อไป ผลงานส่วนใหญ่เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยสาขาชีวการแพทย์และวิศวกรรมศาสตร์
ผมฟังรู้เรื่องไม่ถึงครึ่ง จับคุณค่าได้ว่า นี่คือวิธีที่มหาวิทยาลัยทำงานเป็น engagement partner หรือ development partner กับเมือง กับประเทศ และกับโลก
หากประเทศไทยจะพัฒนาเป็น ปทท. ๔.๐ (อย่าลืมว่าโลกเขากำลังไปที่ ๕.๐ กันแล้ว) เราต้องพัฒนากลไกทำนองนี้ และพัฒนาคนที่มีสมรรถนะทำงานจัดการงานวิจัยในลักษณะดังกล่าว หากกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่กำลังอยู่ระหว่างจัดตั้ง และวิ่งกันฝุ่นตลบในขณะนี้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนี้ไม่ได้ภายใน ๕ ปี การตั้งกระทรวงนี้ก็ไร้คุณค่า
วิจารณ์ พานิช
๑๔ ก.พ. ๖๒
ไม่มีความเห็น