วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ผมไปร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีข้อสังเกตจากคณะกรรมการตรวจสอบ มาเสนอในที่ประชุม ทำให้ผมเสนอที่ประชุมว่า รัฐบาลนายกประยุทธ์ทั้งสองรัฐบาล ต้องการพัฒนาประเทศในระดับ transform ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ แต่ระบบ governance กิจการสาธารณะที่ดำเนินโดยภาครัฐยังใช้ชุดความคิดที่เน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบแบบเถรตรง ตรวจสอบตามตัวอักษร ซึ่งเป็นวิถีปฏิบัติที่ไม่เอื้อต่อการทำงานสร้างสรรค์
ผมจึงเสนอว่า คณะกรรมการบริหาร กสศ. น่าจะร่วมกันคิดระบบ governance สำหรับใช้กำกับหน่วยงานที่ทำงานริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ ไม่ใช่ทำงานประจำตามปกติ
พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ (๑) มาตรา ๖๙ ระบุให้มี sandbox ด้านการอุดมศึกษาได้ แต่ก็ระบุเฉพาะการจัดหลักสูตรเท่านั้น และไม่ครอบคลุมมาถึง กสศ.
วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ผมไปประชุม Research and Innovation Advisory Committee ของ SiCORE-M คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ผมมองว่าเป็นการริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมในการบริหารสถาบันอุดมศึกษา ตามที่ พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ต้องการให้ดำเนินการ แต่การดำเนินการริเริ่มสร้างสรรค์กิจกรรมด้านการวิจัยและนวัตกรรม ที่เรียกชื่อว่า SiCRES (Siriraj Clinical Research Excellence Service) พบกับความยากลำบากจากระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ
เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่บอกว่า ประเทศไทยต้องการระบบกำกับดูแลกิจกรรมเพื่อการสร้างสรรค์อีกระบบหนึ่ง ที่มีการตรวจสอบรัดกุมป้องกันการทุจริต ไปพร้อมๆ กันกับเอื้อความคล่องตัวในการทำงานสร้างสรรค์
วิจารณ์ พานิช
๑๑ พ.ย. ๖๒
เห็นด้วยครับ ระบบวิจัยของเราขาดผู้นำที่เข้มแข็งและมองภาพรวมที่ชัดเจนระบบราชการที่เน้นกฏหมายและระเบียบเป็นอุปสรรคที่สำคัญ