ตติยภาค


เบญจเพส เป็นวัยที่ต้องมีเรื่องราวสำคัญในชีวิต ตามคติความเชื่อของคนไทย ส่วนใหญ่มีคติว่าจะเกิดเภทภัยอันตรายอาจถึงตายหรือไม่ก็เจ็บหนัก แต่โดยส่วนตัวในเบญจเพสก็หวั่นใจอยู่บ้างเกรงจะเกิดเรื่องไม่ดีแก่ตน จึงเป็นปีที่ตั้งใจว่าจะมีสติกำกับกาย ปัญญากำกับใจให้มาก เพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย จนแล้วจนรอดก็ปลอดภัยดี คงมีบ้างเรื่องของการเปลี่ยนย้ายงานหลังรับพระราชทานปริญญาบัตรมหาบัณฑิต ไปกราบไหว้พระหรือขอพรเจ้าพ่อมอดินแดง ก็ได้แต่ขอพรว่า ให้ดลบันดาลให้คิด พูด ทำ เรื่องดีด้วยสติที่สมบูรณ์ ปัญญาที่เข้มแข็ง

ระหว่างที่ทำงานก็มีเรื่องราวให้ได้เรียนรู้มาโดยลำดับ เห็นความจริงใจจากกัลยาณมิตร และเห็นความดำมิดจากใจของผู้ริษยา เห็นเรื่องราวความงามที่ประจักษ์ด้วยใจตา เห็นท้องฟ้างามพราวเช้าค่ำคืน ทั้งนอนตื่นหลับฝันขวัญผวา ทั้งต่อหน้าลับหลังครั้งพลั้งเผลอ ทั้งมีสติกำกับกายใจไม่ละเมอ ทั้งพร่ำเพ้อหรือสงบครบถ้วนความ ... จึงเห็นดี เห็นชั่วทั่วเขตขัณฑ์ เห็นความงามแสงตะวันพระจันทร์เสี้ยว เห็นมิตรแท้มิตรเทียมมิตรครู่เดียว เห็นเศษเสี้ยวสัจธรรมกลับงามวาว

ในห้วงเบญจเพสจนครบ 3 รอบนักษัตร มีเรื่องราวที่เข้มข้นกว่าการเป็นนักเรียนนักศึกษาอยู่มาก เป็นบททดสอบความเข้มแข็งของจิตใจใฝ่ชั่วดีมากโข มีจังหวะของการเผลอพลั้งใฝ่ชั่วดำถลำตน มีจังหวะของกมลที่คิดใฝ่ดี แต่ด้วยอานิสงส์บารมีแห่งการมีกัลยาณมิตรที่ดี มีกัลป์ยาณธรรมที่งดงาม เรื่องราวทั้งสามคือดี ชั่ว ไม่ดีไม่ชั่ว ก็เริ่มกระจ่างใจ

เรื่องที่ล้มเหลวในรอบนี้มีเรื่องเรียนปริญญาตรีที่ มสธ. รหัส 53 จนแล้วจน(ไม่)รอด ก็ไม่จบ เพราะสับสนในการจัดการชีวิต ไม่ผ่าน 1 วิชา เพราะไม่ไปสอบ ลืมลงทะเบียนซ่อม ลงทะเบียนสอบซ่อมก็ลืมไปสอบ ต่าง ๆ นานา จนทำให้ครบกำหนด 8 ปีที่ต้องพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา เสียดายความวิริยะที่พยายามอ่านหนังสือแล้วไปสอบจนผ่านมาหลายวิชา  แต่หากมองหาแง่งามของการศึกษา ก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่มีอะไรเป็นไปดั่งใจหวังเสียทุกเรื่อง  เรียนไม่จบ ชีวิตก็ไม่จบเช่นกัน ยังต้องดิ้นรนเรียนรู้ต่อไป และเมื่อยังมีลมหายใจ ก็ยังมีกำลังกายกำลังใจทำความดีแห่งตนเพื่อส่งผลต่อส่วนรวมบ้างก็ยัง “ดี”

 เหตุการณ์ที่บั่นทอนจิตใจ นอกจากเรื่องงานและเพื่อนร่วมงาน (บางคน) ก็เห็นจะเป็นตอนเพื่อนรักต้องจากไป  “ไอแซก” เพื่อนรักจากไปด้วยอาการเจ็บป่วยรอนแรมมาหลายปี ดูแลกันเท่าที่ดูแลได้ จนถึงวินาทีสุดท้ายที่เพื่อนได้จากเราไป ความอาลัยก็คงเป็นธรรมดาแห่งปุถุชนที่ต้องสูญเสียคนใกล้ชิดไป ทำใจได้บ้างว่าเพื่อนคงเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ไม่รู้ว่าไปที่ไหน แต่คงไปที่ที่เขาอยากไป ที่ชอบ ที่ชอบ ... ไม่นานนักเพื่อนอีกคนก็จากไป “เสี่ยวเอ้อ” ผู้ที่ขาดการติดต่อจากมิตรสหาย นานทีปีหนจะติดต่อเพื่อน ๆ จนได้ข่าวจากสหายว่าเสี่ยวเอ้อจากไปด้วยอาการสงบจากการเจ็บป่วยมาสักระยะ ความเศร้าใจนั้นก็พลันบั่นทอนความรู้สึกนึกคิดอยู่ครู่ใหญ่ แม้เวลาล่วงเลยไปนานหลายปี ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายความคิดถึง เพียงแค่เก็บอาการไว้ให้ก้าวไปข้างหน้า และคิดเพียงว่า เพื่อนเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ในเส้นทางคู่ขนาน... ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเราจะได้พบกัน หรือไม่มีโอกาสจะได้พบกันอีกเลย

12 ปีนี้มีบางช่วงจังหวะที่โหมงานอย่างหนัก ด้วยสนุกและรักในบางเรื่อง ทำงานจนไม่ลืมหูลืมตาดูโลก และบางครั้งก็เหนื่อยอ่อนไปกับการหมดพลังกาย แต่กระนั้นนอนพักผ่อนก็หายแล้วลุกขึ้นสู้อีกครั้ง มีบางจังหวะที่พลังใจดูถดถอยจนแทบไม่เหลือเยื่อใย กัดฟันทนไว้แล้วก็พักผ่อน แต่ไม่ทิ้งธรรม(ทำ)  ถอยทัพกลับลำไปทำเรื่องที่สร้างสุข เพื่อปลุกพลังแห่งความดีให้มาสู่วิถีของงานผสานประโยชน์ ไตร่ตรองคุณโทษเพื่อประโยชน์แห่งธรรม...

เรื่องที่ภูมิใจก็พอมีบ้าง ได้สอนหนังสือและลูกศิษย์เรียนจบ  ได้ช่วยดูแลนักศึกษาจำนวนหนึ่งให้จบ ได้เป็นส่วนสนับสนุนให้นักเรียนและนักศึกษาได้พัฒนาตนเองผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายรูปแบบ ได้ทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมอย่างหลากหลาย สุดท้ายตนเองก็ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองไปพร้อมด้วย “สุนทรพจน์” ก็เป็นอีกเวทีหนึ่งที่ได้พัฒนาตนเอง พร้อม ๆ กับการดูแลน้อง ๆ หลายคน จนเป็นผลให้ได้เรียนรู้เรื่องราวของภาษาและวัฒนธรรม

กว่า 3 ปีที่ได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสำนัก/ศูนย์วัฒนธรรม มข. เป็นอีกจังหวะหนึ่งของชีวิตที่ได้เรียนรู้ การทำงานบนข้อจำกัดและการใช้พลังอันมหาศาลทั้งกำลังกายและกำลังใจ หากเสียขวัญเมื่อใด งานก็ไม่ราบรื่น ด้วยเหตุปัจจัยที่ยากจะอธิบายขยายความ แต่ก็ต้องขอบคุณบทเรียนราคาแพงเหล่านั้น

การทำหน้าที่กับผู้นำนักศึกษาที่เสมอตัวและขาดทุน แต่เมื่อเวลาล่วงเลยกลับได้กำไร การศึกษาค่อย ๆ ออกดอกผล “กล้วยไม้ออกดอกช้าฉันใด”

ระยะเวลา 12 ปี ทำหน้าที่ที่ปรึกษาองค์กรกิจกรรม ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการมาอย่างสม่ำเสมอ จนหลายคนมักจะถามว่า “นี่ไปรู้จักกับนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยเลยเหรอ”  หรือมีคนมักพูดว่า “ไม่มีใครไม่รู้จักยอด”  ซึ่งแท้จริงแล้วก็ไม่จริง เพราะต้องยอมรับว่านักศึกษา มข. มีจำนวนปีละกว่า 30,000 คน มีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่รู้จักกัน และมีเพียงจำนวนไม่มากนักที่สนิทสนมกัน บางจังหวะก็เสียมิตรไปเป็นคนที่ไม่ชอบพอ

อาสาทำหน้าที่ในองค์กรต่าง ๆ  สมาคมศิษย์เก่า มข. สมาคมศิษย์เก่าคณะ ชมรมศิษย์เก่าคณะ สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียน เหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็ได้กัลยาณมิตรเพิ่ม

เริ่มทำกิจกรรมจิตอาสาเล็ก ๆ กับกัลยาณมิตร เพื่อผ่อนคลายจิต เพาะกล้ากาลพฤกษ์ และปลูกป่าร่วมกัน “น้องเพาะกล้าพี่ปลูกป่าที่มอดินแดง”

วิ่งสร้าง(สุข)ภาพ ก็เป็นอีกวิถีที่เกิดขึ้น ทำให้ได้เรียนรู้ใจตนเอง แล้วแบ่งปันกัลยาณมิตร วิ่งยาวขึ้น วิ่งไวขึ้น และวิ่งหลากหลายรูปแบบขึ้น จนบางคนคงคิดว่าเราบ้าวิ่ง  

อยากจะกล่าวขอบคุณทั้งคนที่เกื้อหนุนให้ชีวิตมีสุข และขอบคุณคนที่พยายามมาบั่นทอนจิตใจ เพื่อให้เห็นสัจธรรมในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา และทุกข์

รอบต่อ ๆ ไป คงได้เรียนรู้เรื่องราวร่องรอยของชีวิต ว่าจะเดินบนทางราบ ไหล่เขา หน้าผา ป่าหญ้า หรือทางวิบากขนาดไหนในวัยที่ล่วงเลยไป “ตามศรัทธา”

คำสำคัญ (Tags): #ชีวิต
หมายเลขบันทึก: 674309เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2020 17:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม 2020 17:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท