ในการนำเสนอผลการวิจัยของผู้เข้ารับการอบรมในหลักสูตรการออกแบบนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รุ่นที่ ๒ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ มีการนำเสนอเรื่อง Public-Private Partnership เพื่อส่งเสริมการพัฒนา Pilot Plant ในภาคอุตสาหกรรมอาหาร นำไปสู่การเสวนาในเรื่อง public – private partnership และเรื่อง pilot plant ว่าจะใช้พลังของ ๒ เรื่องนี้ให้เกิดประโยชน์ต่อการ transform อุตสาหกรรมไทยอย่างไร
ผมนั่งฟังด้วยความรู้สึกว่า ผมได้เปิดกะโหลกอย่างแรง ด้วยความรู้ว่า ประเทศไทยมีการลงทุนสร้าง (ซื้อ) โรงงานต้นแบบมาก แต่ได้ผลน้อย บางโรงงานราคาถึง ๓ พันล้านบาท เพิ่งตัดสินใจซื้อ เป็นโรงงานด้าน bio-refinery
ทีมวิจัยเสนอว่า เพื่อให้ผลงานวิจัยและพัฒนาออกจากหิ้งสู่ห้างได้ ก็ต้องมีการผลิตจากระดับห้องปฏิบัติการ สู่ระดับก่อนอุตสาหกรรม ซึ่งต้องใช้โรงงานต้นแบบ ทีมวิจัยต้องการเสนอ business model ของการจัดการโรงงานต้นแบบอย่างเหมาะสม ซึ่งต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
เป้าหมายของโรงงานต้นแบบคือ เพื่อเป็นกลไกแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับภาควิชาการ และเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ภาคอุตสาหกรรม แต่บางโรงงานต้นแบบก็รับจ้างผลิต (OEM pilot plant) ได้ด้วย
ทีมวิจัยศึกษาโรงงานต้นแบบด้านอาหารของไทย และของต่างประเทศ โดยของไทยศึกษา ๑๖ โรงงาน อยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ๑๓ ในจำนวน ๑๓ โรงงานนี้ผลิตสินค้าออกขายถึง ๙ โรงงาน โดยทำงานร่วมกับ OTOP, Startup, และ SME เป็นหลัก ส่วนโรงงานต้นแบบอีก ๑ แห่ง อยู่ใน วว., สถาบันอาหาร, และ Food Innopolis ร่วมมือกับบริษัทขนาดใหญ่ด้วย
ทีมวิจัยได้วิเคราะห์ SWOT ของโรงงานต้นแบบไว้อย่างน่าสนใจ สรุปได้ว่าเวลานี้เลี้ยงตัวไม่ได้ แต่ก็ยังจัดการให้มีคุณค่าเพิ่มอีกได้ โดยต้องให้ความคล่องตัวมากขึ้น
เขาศึกษาโรงงานต้นแบบด้านอาหารต่างประเทศมา ๓ แห่ง จากประเทศเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และนิวซีแลนด์
แล้วให้ข้อเสนอแนะแก่โรงงานต้นแบบที่มีอยู่แล้ว และที่จะตั้งใหม่ เพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวได้ ผลงานนี้คุณภาพดีทีเดียว
วิจารณ์ พานิช
๑๕ ส.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น