วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ มีการประชุม คณะกรรมการที่ปรึกษาพัฒนาระบบ ววน. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ โดยมีรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การติดตามและประเมินขีดความสามารถผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร และวาระการประชุมครั้งนี้เรื่อง การติดตามและประเมินขีดความสามารถ ของฝ่ายผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ช่วยกระตุ้นให้ผมตระหนักว่า ประเทศที่ต้องการยกระดับรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน จากประเทศรายได้ปานกลาง (อย่างประเทศไทย) สู่ความเป็นประเทศรายได้สูงและสังคมดี ต้องมีการจัดการการยกระดับขีดความสามารถ (capability) ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
การประชุมทั้งสองวาระนี้ ก็เพื่อขอคำแนะนำว่าประเทศไทยเราควรมีระบบการจัดการอย่างไร ที่ทำมาแล้ว หรือที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร การประชุมนี้จึงมีความสำคัญมาก ต่อการทำหน้าที่ของ สอวช. และ สกสว. ในการสร้างความเข้มแข็ง (capability) ให้แก่ระบบ ววน. ของประเทศ
ในการประชุมครั้งที่แล้ว มีการเสนอเรื่องอุตสาหกรรมอาหาร ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมไก่เนื้อ และไก่พื้นเมือง
ในการประชุมครั้งนี้ ยกตัวอย่างอุตสหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
การนำเสนอนี้มีเป้าหมายขอคำแนะนำสองด้าน คือด้านวิธีการประเมิน กับด้านสาระหรือ content ของการประเมิน เรากำลังดำเนินการยกระดับความสามารถด้านเทคโนโลยีของประเทศ โดยใช้การประเมินเป็น feedback ให้แก่การกำหนดนโยบาย และการ implement นโยบายของประเทศ หรืออาจกล่าวใหม่ว่า เรากำลังพัฒนา learning loop ด้านนโยบาย ววน. ของประเทศ
เราไม่ตั้งสมมติฐานว่า นโยบาย ววน. ของประเทศในขณะนี้ ดีหรือสมบูรณ์แล้ว แต่มีสมมติฐานว่า ยังพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นได้อีก และ สอวช. ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการพัฒนานี้ โดยมีคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ เป็นกลไกหนึ่ง
ผมชื่นชมที่ สอวช. มีวิธีใช้คณะกรรมการที่ปรึกษาอย่างชาญฉลาด เพื่อให้กรรมการได้ออกความเห็นได้เต็มที่ มีทีมวิชาการไปค้นคว้าเรื่องนั้นๆ มาเสนอ ให้คณะกรรมการให้ความเห็นเพิ่มเติม แก้ไข หรือต่อยอด ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีพลังมาก
ทำให้ผมเสนอต่อที่ประชุมว่า ควรมองการทำงานของคณะกรรมการที่ปรึกษา คณะทีมวิชาการ และการนำไปดำเนินการ เกิดเป็น learning loop ใหญ่ น่าจะวางแผนนำเรื่องเดิมกลับเข้ามาคุยกัน พร้อมข้อมูลใหม่ เพื่อให้เกิด Double Learning Loop ของการดำเนินการยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศ
วิจารณ์ พานิช
๒ พ.ย. ๖๓
ไม่มีความเห็น