วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๔ ผมเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยเฉพาะด้าน ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ โดยคณะกรรมการชุดนี้เริ่มทำงานในปี ๒๕๖๓ มีการประชุมไปแล้ว ๔ ครั้ง
หน่วยจัดสรรทุนวิจัยเฉพาะด้าน มี ๓ หน่วย ตั้งขึ้นโดยข้อลังคับคณะกรรมการอำนวยการสำนักงานสภานโยบาย อววน. ว่าด้วยหน่วยบริหารและจัดการทุน พ.ศ. ๒๕๖๒ (๑) ได้แก่
ทั้ง ๓ หน่วยจัดสรรทุนวิจัยเฉพาะด้าน มีสถานะเป็นหน่วยงานอิสระอยู่ภายใค้ สอวช. ไปพลางก่อน เริ่มทำงานในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และในสายตาของผม ทำงานได้ดีทีเดียว ทั้งๆ ที่แต่ละหน่วยมีคนจำนวนน้อยมาก เช่น ๘ คน หรืออย่างมาก ๓๐ คน เปรียบเทียบกับ สวช. ที่มีเจ้าหน้าที่ราวๆ ๕ ร้อยคน
ขณะนี้ในประเทศไทยมีหน่วยจัดสรรทุนวิจัยรวม ๗ หน่วยงานคือ (๑) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (สวช.) (๒) สวก. - สำนักงานวิจัยการพัฒนาการเกษตร (องค์การมหาชน) (๓) สวรส. - สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (๔) สนช. - สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (๕) บพท. (๖) บพค. (๗) บพข.
มองจากภาพใหญ่ของระบบจัดการทุนวิจัยของประเทศ ทั้งสามหน่วยจัดสรรทุนวิจัยเฉพาะด้าน ทำหน้าที่จัดการทุนวิจัยชนิดมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ (strategic research) และมีนโยบายระดับประเทศว่า ทุน ววน. เชิงยุทธศาสตร์ต้องมีสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ในการประชุมครั้งนี้มีข้อมูลว่า สัดส่วนราวๆ ร้อยละ ๗๐
การมีกลไกสนับสนุนให้ทั้งสาม PMU ทำงานได้ผลอย่างแท้จริง จึงมีความสำคัญยิ่ง ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยเฉพาะด้าน ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ (ซึ่งผมไม่ได้เข้าประชุม) ได้ตกลงกันว่า จะจัดตั้งหน่วยงานนิติบุคคล ที่เป็นองค์การมหาชน ขึ้นมาเป็นร่มให้แก่ทั้ง ๓ PMU เรียกชื่อว่า สบวน. - สำนักงานบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม โดยข้อเป็นห่วงสำคัญที่สุดคือ ต้องไม่เป็นการสร้างขั้นตอนการบริหารงานเพิ่มขึ้นอีก ๑ ขั้นตอน ทำให้งานช้าและไม่คล่องตัว และทำให้ ความเป็นอิสระในการทำงานของ PMU หายไป
ฝ่ายเลขานุการกลับไปทำการบ้านมาอย่างดี และเสนอหลักการ ๕ ข้อคือ
ที่ประชุมมีมติให้ PMU และ สบวน. อยู่ในระดับชั้นการบังคับบัญชาระดับเดียวกัน และให้ระบุในกฎหมายให้ ผอ. PMU เป็นผู้บริหารสูงสุดของ PMU ผมมาคิดทีหลังว่า ต้องระบุให้ ผอ. PMU ทำสัญญาทางกฎหมายได้ ไม่ใช่ไปทำสัญญาให้ทุน หรือสัญญาอื่นๆ ในระดับ สบวน. เรื่องนี้ผมต้องตามไปย้ำในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูป อววน. ในวันที่ ๒๕ ม.ค. ๖๔
มีอีก ๒ เรื่องที่มีการย้ำกัน คือ สบวน. ต้องเป็นกลไกเชื่อมภาพใหญ่ของระบบการจัดการงานวิจัยกับ ecosystems ภายนอก หรือเชื่อมโยงกับสังคม ดังนั้น ทิศทางของการจัดลำดับความสำคัญของประเด็น ววน. ต้องไม่ใช่แค่รับลูกมาจากเบื้องบน ไม่ใช่คิดกันเองในหมู่ สบวน. และ 3 PMU ต้องมี stakeholders’ forum เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสังคมมีส่วนเป็นเจ้าของโจทย์วิจัย และในทำนองเดียวกัน ต้องจัดการปลายทางของผลงานวิจัย ทั้งไปสู่ตลาด และสู่นโยบายประเทศ ผ่านกลไกสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา
อีกประเด็นหนึ่งที่ผมเสนอต่อที่ประชุมคือ การเขียนขอบเขตภารกิจของแต่ละ PMU ควรเขียนให้ชัดเจนว่า ครอบคลุมงานวิจัยและนวัตกรรมด้านศิลปะ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ด้วย คือเราไม่มอง ววน. ในความหมายที่แคบ แต่ตีความคำว่าวิทยาศาสตร์ว่า “วิทยาการ” ดังนั้นในที่นี้ sciences ครอบคลุม arts, social sciences และ humanities ด้วย แบบเดียวกับที่ US NSF ตีความ
วิจารณ์ พานิช
๖ ม.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น