วันที่ ๕ - ๖ ธันวาคม ๒๕๖๓ ผมไปร่วมกิจกรรม รีทรีต ของศูนย์จัดการงานวิจัย (SiCORE-M) ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่อัมพวา ที่ทำหน้าที่หนุน SiCORE (Siriraj Center of Research Excellence) ที่ ทำวิจัยในลักษณะ translational research ได้รู้ว่าบาง CORE หัวหน้าทีมได้จดทะเบียนตั้งบริษัทเพื่อนำผลงานวิจัยออกสู่ตลาด
SiCORE-M เป็นนวัตกรรมของการจัดการงานวิจัยระดับคณะอีกลักษณะหนึ่งที่คณบดี คือ ศ. ดร. นพ. ประสิทธิ์ วัฒนาภา คิดขึ้น ดังเล่าไว้ที่ (๑) โดยใน ๓ ปีที่ผ่านมา ผมได้เขียน บล็อก เล่าเรื่องของ SiCORE-M ไว้มากมายที่ (๒) โดยได้ย้ำว่า SiCORE-M เป็นนวัตกรรมการจัดการงานวิจัยระดับคณะ ที่จะส่งผลกระทบสร้าง research management platform ใหม่ให้แก่ประเทศ
Impact ระดับประเทศ จะค่อยๆ พัฒนาขึ้น จากปฏิสัมพันธ์ระหว่างทีมศิริราชกับส่วนอื่นๆ ของระบบจัดการงานวิจัยระดับประเทศ ดังที่ทีม SiCORE-M ไปคุยกับ สกสว. และ PMU ต่างๆ
ฟังการเปิดใจของทีม SiCORE-M และของคณบดี แล้วก็เห็นภาพการเดินทางของนวัตกรรมการจัดการงานวิจัย ที่เส้นทางมีหลุมบ่อขรุขระ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และยิ่งกว่านั้น เกณฑ์บอกความสำเร็จของ SiCORE-M ก็ไม่ชัดเจน หรือจริงๆ แล้วเป็นเป้าหมายระยะยาว เพราะ translational research สู่ผลิตภัณฑ์หรือบริการในตลาด ต้องพัฒนาต่อเนื่องอีกหลายขั้นตอน โดยที่มหาวิทยาลัมหิดลดูเหมือนจะมีกลไกเหล่านั้น แต่มันไม่แข็งแรง หรือกล่าวได้ว่า มหาวิทยาลัยไทยยังไม่ก้าวหน้า ในเรื่องการจัดการงานวิจัยสู่ตลาด
ท่านคณบดีอุปมาอุปมัยดี บอกว่าตั้ง SiCORE-M ขึ้นมาให้เป็นอะมีบา คือเปลี่ยนรูปร่างได้ตลอด ซึ่งหมายความว่า ให้ความยืดหยุ่นเต็มที่ มีกลไกให้เรียนรู้และปรับตัวสูง คำถามของท่านคือ ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนจากอะมีบาเป็น neurone (เซลล์ประสาท) หรือยัง ซึ่งหมายความว่า หาบทบาทหรือตัวตนของ SiCORE-M พบหรือยัง
ผมได้เรียนรู้ว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้สร้างรูปแบบใหม่ๆ ของการบริหารงานวิจัยเรื่อยมา เช่นเมื่อราวๆ ๒๐ ปีมาแล้ว มีการตั้งสถานวิจัย เพื่อเป็นหน่วยสนับสนุนการวิจัยให้แก่ส่วนต่างๆ ของคณะ แต่การบริหารไปอีกทางหนึ่ง คือสถานวิจัยทำวิจัยเอง เป็นการเดินสู่ที่แคบ และในที่สุดก็มีการยุบไป ตอนนี้จึงเกิดคำถามว่า SiCORE-M จะพัฒนาไปเป็นสถานวิจัยตามเป้าหมายดั้งเดิมหรือไม่
คำตอบคือไม่ เพราะสถานการณ์ของคณะและของระบบวิจัยของประเทศใน ๒๐ ปี มีการพัฒนาไปมาก ผมตีความว่า ศิริราชกำลังคลำหาวิธีการทำงานสร้างผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ผ่านงานวิจัย
งานวิจัยที่ SiCORE-M สนับสนุนจึงมีธรรมชาติเป็น strategic research คือมีเป้าหมายทิศทางชัดเจน และสอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศในระยะยาว เน้นเอาผลการวิจัยไปใช้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือสังคม โดยที่ในมหาวิทยาลัยไทย เราคุ้นเคยกันแต่งานวิจัยแบบ researcher-initiated research ทำตามความสนใจของนักวิจัย เน้นเป้าหมายเพื่อตีพิมพ์ผลงานวิจัย เวลานี้ยุทธศาสตร์การจัดการงานวิจัยระดับประเทศคือหาทางสร้างวัฒนธรรมวิจัยแบบ strategic research ในสัดส่วนที่สูงกว่า researcher-initiated research
SiCORE-M ไม่มีเงินสนับสนุนการวิจัย แต่งานวิจัยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น SiCORE (Siriraj Center of Research Excellence) ก็มีโอกาสได้รับเงินสนับสนุนจากคณะผ่านงบยุทธศาสตร์
การสนับสนุนที่ SiCORE ได้รับจาก SiCORE-M คือ (๑) กลไก IAC – International Advisory Committee ที่ช่วยแนะ SiCORE ทั้งหมด ให้มีเป้าที่เหมาะสมและชัดเจน รวมทั้งแนะยุทธศาสตร์ให้ทำงานสำเร็จ (๒) กลไก SAB – Scientific Advisory Board สองสามคนจากต่างประเทศ ที่เป็นนักวิจัยในสาขาเดียวกันกับ SiCORE นั้น ช่วยแนะนำลงรายละเอียดเชิงเทคนิค (๓) RED – Research Excellence Development เป็นเงินเพิ่มรายเดือนแก่นักวิจัยใน SiCORE และเงินจ้างนักวิจัยเพิ่ม
ความท้าทายอยู่ที่ (๑) การโฟกัสงานวิจัยของบาง SiCORE ไปที่การพัฒนา product / process มากกว่าวิจัยเพื่อตีพิมพ์ (๒) downstream development ของบาง SiCORE สู่ตลาด ซึ่งมีหลายขั้นตอนและต้องการประสบการณ์การจัดการ มีคำถามว่า SiCORE-M ต้องพัฒนาตนเองไปทำหน้าที่นี้ไหม เพราะกลไกระดับมหาวิทยาลัยไม่แข็งแรง
หัวใจของ retreat ครั้งนี้คือ ทำความชัดเจนว่า ในช่วงที่ผ่านมา SiCORE-M และ SiCORE อยู่ใน sandbox ของศิริราชเอง ใช้เงินของศิริราชมูลนิธิ ในการดำรงชีพและทำหน้าที่แบบ อะมีบา ตกลงกันว่า SiCORE-M จะยังคงเป็นอะมีบาอย่างเดิมไปอีกระยะหนึ่ง แต่ SiCORE จะพัฒนาไปเป็น neurone คือเข้าสู่ระบบการจัดการงานวิจัยของคณะ
อย่างไรก็ตาม การจัดการงานวิจัยในภาพรวมของคณะมีการพัฒนาส่วนอื่นๆ อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Flagship Research ที่ท่านรองคณบดีฝ่ายวิจัยกำลังพัฒนาขึ้น ทีมบริหาร SiCORE-M ๔ คนจึงอยู่ในฐานะ change agent ของการบริหารงานวิจัย สองในสี่ท่านได้เข้าไปช่วยรองคณบดีฝ่ายวิจัยในการจัดการนวัตกรรมของคณะด้วย
ผลผลิตสำคัญของ SiCORE-M ในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา คือข้อเรียนรู้ด้านการบริหารงานวิจัยแบบมีเป้าหมายให้ครบวงจร
วิจารณ์ พานิช
๒ ม.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น