วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ ผมไปร่วมประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูป อววน. มีวาระสำคัญคือ ข้อเสนอกลไกนวัตกรรมการอุดมศึกษา (Higher Education Sandbox) เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนให้ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ โดยผมตีความว่า sandbox เป็นเครื่องมือให้มีการทดลองรูปแบบใหม่ วิธีการใหม่ สำหรับนำไปใช้เปลี่ยนระบบใหญ่ของประเทศ
ภายใต้การตีความของผมข้างบน พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาดูจะส่ออาการล้มเหลว ผมจึงหาทางไปเสนอมาตรการดำเนินการให้นวัตกรรมอุดมศึกษาไม่ตกหลุมพรางเดียวกัน
ในกรณีนี้ นวัตกรรมการอุดมศึกษาตามความหมายของที่ประชุม จึงมีสภาพเป็น โครงการทดลองสร้างต้นแบบ สำหรับนำไปเปลี่ยนหรือปฏิรูประบบใหญ่ ไม่ใช่การสร้างระบบคู่ขนาน ตามท่าทีของระบบการศึกษาไทยต่อพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
นี่คือยุทธศาสตร์การทำให้เป้าหมายชัดเจน จะทำอะไร เป้าหมายต้องชัดเจน
สินค้าหรือบริการที่เป็นนวัตกรรม มี ๒ แบบ คือแบบ parallel innovation กับแบบ disruptive innovation แล้วแต่ว่าสินค้าและบริการนั้นเป็นที่พอใจของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการแค่ไหน หรือหมายความว่า ลูกค้าเป็นผู้ตัดสิน คือใช้พลังของกลไกตลาด
แล้วนวัตกรรมอุดมศึกษาจะเป็นแบบไหน ใครตัดสิน เพราะนวัตกรรมอุดมศึกษามีกลไกที่ทำให้ตลาดไม่ทำงาน หรือทำงานได้น้อย คือระเบียบราชการ และเงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ผมจึงเสนอว่า ต้องเพิ่มเติมผลที่คาดว่าจะได้รับ ว่าผลของนวัตกรรมอุดมศึกษา ต้องถูกใช้เป็นข้อมูลป้อนแก่สภาปฏิรูป อววน. เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปอุดมศึกษาทั้งระบบ
การประชุมคณะกรรมการชุดนี้ประเทืองปัญญามาก เพราะคณะเลขานุการกิจทำการบ้านมาดีมาก และเสนอวิธีการที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ผมคิดข้างบน แต่เขาเสนอแบบนุ่มๆ ทำให้ไม่ค่อยชัดเจน ผมจึงเตรียมไปฟันธงให้จะจะ
ผมชอบที่เขาเสนอให้มีกลไกการจัดการที่ชัดเจน มีคณะทำงาน sandbox อุดมศึกษา และคณะผู้ประเมินผลอิสระ ผมเตรียมไปเสนอว่า น่าจะเน้นการประเมินแบบ DE เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันของ stakeholders ของการอุดมศึกษา เป็นการปูทางสู่เป้าหมายการปฏิรูปอุดมศึกษาทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับ HE governance systems ลงมาที่ระดับการจัดการศึกษา คือสถาบันอุดมศึกษา ระดับผู้ใช้บัณฑิต/ผู้จ้างงาน และระดับผู้ปกครองและผู้เรียน
อย่าลืมว่า การปฏิรูปอุดมศึกษา ต้องฟังเสียงผู้เรียนด้วย และต้องคิดถึงสภาพที่อุดมศึกษาทำหน้าที่หลายด้าน (multi-function) ด้วย โดยผมมองว่า ที่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมอุดมศึกษาคือ การพัฒนารูปแบบการทำหน้าที่สถาบันอุดมศึกษาแบบ holistic ทำกิจกรรมเดียว ได้ผลทั้งด้านผลิตบัณฑิต วิจัย บริการ และทำนุบำรุงความงามและความดี
ผมมีความเห็นว่า หัวใจความสำเร็จของการปฏิรูปอุดมศึกษาอยู่ที่การ disrupt ระบบ HE Governance จากการกำกับที่ input ที่เรียกว่า Input Governance เปลี่ยนเป็น Output หรือ Impact Governance ซึ่ง สกอ. จะต้องถูก disrupt และเจ้าหน้าที่ สกอ. ต้องได้รับการ reskill
ผมจึงเตรียมเสนอข้อคิดเห็น ๓ ประเด็นคือ (๑) เป้าหมายต้องชัด ชัดที่การใช้เป็นกลไกเปลี่ยนโฉมอุดมศึกษาทั้งระบบ ในลักษณะ disruptive change (๒) การประเมิน ควรเน้นประเมินแบบ DE เพื่อหนุนเป้าหมายข้อแรก (๓) ควรมีนวัตกรรมสร้างรูปแบบสถาบันอุดมศึกษาที่ทำหน้าที่แบบ holistic ทำภารกิจแบบ 4 = 1
ข้างบนนั้น เขียนก่อนประชุม
ในการประชุมจริงสนุกมาก ผมได้ความรู้จาก ศ. ดร. บวรศักดิ์ อุวรรโณ ว่า ต้องกลับไปอ่าน พรบ. การอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้ละเอียด เพราะมีระบุให้สามารถทำหน้าที่สถาบันอุดมศึกษาในเชิงนวัตกรรมได้ไม่น้อย แต่เมื่ผมกลับมาอ่าน พรบ. โดยละเอียด ก็พบว่า มีมาตราที่ให้อำนาจฝ่ายกำกับดูแลสูงมาก การมี sandbox จึงมีความจำเป็นต่อการทำงานอุดมศึกษาแนวนวัตกรรมจริงๆ
ในที่ประชุม กรรมการมีความเห็นพ้องกันว่า ส่วนที่ต้องเปลี่ยนคือ ให้เป็นนวัตกรรมอุดมศึกษาแนวที่ฝ่ายผู้ต้องการใช้บัณฑิตเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ ไม่ใช่ฝ่ายผู้ผลิต และมีผู้เสนอว่า ข้อเสนอของฝ่ายเลขานุการกิจยังเน้นนวัตกรรมเฉพาะส่วนหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน น่าจะมีนวัตกรรมแบบครอบคลุมทุกภารกิจของอุดมศึกษา
ทำให้ผมเสนอว่า ต้องคิดถึงนวัตกรรมแบบสุดๆ เช่นการทำหน้าที่อุดมศึกษา ในลักษณะที่บูรณาการภารกิจหลักทั้ง ๔ เข้าด้วยกัน และเปลี่ยนมุมมองต่อนักศึกษา ให้เป็น co-creator เป็นหลัก ไม่ใช่เป็นผู้เข้ามารับการถ่ายทอดความรู้
ผมเสนอว่า ในขณะนี้ก็มีมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการอย่างมีนวัตกรรมอยู่แล้ว ควรวิจัยว่าผลของการดำเนินการแนวนวัตกรรมนั้นให้ผลลัพธ์และผลกระทบแตกต่างจากวิธีเดิมๆ อย่างไรบ้าง ใช้เป็นข้อมูลเสนอต่อสังคม และต่อหน่วยกำกับดูแลการอุดมศึกษา ให้ปรับกฎเกณฑ์กติกาให้เอื้อต่อการทำหน้าที่อุดมศึกษาที่ก่อผลดีต่อประเทศยิ่งขึ้น
น่าเสียดายที่ในการประชุมนี้ ไม่มีคนจาก สป.อว. ซึ่งรับผิดชอบเรื่องอุดมศึกษาโดยตรง เข้าร่วมประชุมเลย
วิจารณ์ พานิช
๑๔ ธ.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น