ผมเขียนความเห็น (เพื่อสร้างสรรค์ด้านการจัดการงานวิจัย) เกี่ยวกับโครงการ Future Thailand ไว้ที่ (๑) (๒) (๓) (๔) เป็นการเขียนจากประสบการณ์การทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการอำนวยการโครงการ
มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการประเทศไทยในอนาคต ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ ในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์๒๕๖๔ เวลา ๑๔.๓๐-๑๗.๓๐ น. ดูจากกำหนดการประชุม เป็นการพิจารณารายงานผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์ของปีแรก
เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่นัดหมายการประชุมไม่ได้บอกว่า การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายอะไร แต่ก่อนการประชุมครึ่งชั่วโมงก็ได้รับวาระการประชุม และทราบว่าต้องการให้คณะกรรมการอำนวยการอนุมัติการดำเนินการในปีที่ ๒
กว่าจะได้เริ่มประชุมก็เวลา ๑๕.๓๐ น. เพราะรอประธาน ลงท้ายต้องเริ่มประชุมโดยกรรมการท่านหนึ่งทำหน้าที่ประธานแทน ผมเข้าร่วมผ่านซูมจึงไม่เดือดร้อนนัก แต่ก็รู้สึกถึงความไม่ professional ด้านการจัดการ
เป็นการนำเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ของแต่ละโครงการรวม ๙ โครงการ ให้เวลานำเสนอโครงการละ ๕ - ๗ นาที ตามด้วยการถามตอบหรือให้ความเห็นอีก ๕ นาที แต่บางโครงการก็เสนอยืดยาว สรุปรวมโดย ศ. ดร. มิ่งสรรพ์ ว่าในภาพรวมผลงานสมบูรณ์ราวๆ ร้อยละ ๗๐ ต้องมีการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมอีก
การได้ฟังรายงานก็ประเทืองปัญญายิ่ง เพราะเป็นผลงานเชิงมองอนาคต แต่ผมบอกไม่ได้เลยว่าผลงานแต่ละโครงการมีคุณภาพน่าพอใจหรือไม่ เพราะไม่ใช่ด้านที่ผมมีความรู้จริง นอกจากนั้น ไม่เคยมีการทบทวน TOR ของแต่ละโครงการเลย
ผมเสนอต่อที่ประชุม ๔ ข้อ หลังจาก ๙ โครงการนำเสนอเสร็จคือ
ที่ประชุมมีมติว่า แม้ว่าจะได้อนุมัติหลักการให้ทุนปีที่ ๒ ไปในการประชุมครั้งที่แล้ว การทำสัญญาต้องมีการจัดการให้ดีกว่าเดิม เพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพสูง
วิจารณ์ พานิช
๒๔ ก.พ. ๖๔
ประชุมมาสาย ๓๐ นาที ผมว่าเป็น norm ของป.ไทยไปแล้ว ผมเยเป็นประธานการประชุมระดับมหาลัยหลายประการ คกก. ประกอบด้วย คณบดี และเทียบเท่าจำนวนสัก ๑๐ คน .สิบนาทีผ่านไป กก.ยังมาไม่ครบองค์ประชุม ผมเลยยกเลิกการประชุม จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว.ผมเคยเขียนบทความท้าทายมาแล้วว่า ประเทศไทยอยากยิ่งใหญ่ เป็นมหาอำนาจโลก ทำได้ไม่ยาก ขอเพียงอย่างเดียว คือมาประชุมให้ตรงเวลา.รายงานวิจัยมี peer review นั้น ที่มทส. ทำเป็นกิจวัตรครับ แม้งบประมาณเพียง ๓ แสน น่าแปลกที่งานวิจัยระดับชาติ งบ ๓ ล้าน ไม่มี peer review.—คนถางทาง..๑๒มีค.๖๔