เช้าวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ ผมเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกำกับทิศของโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเองของ กสศ. ทางซูม ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโควิด ๑๙ ระลอกสามที่กำลังรุนแรง มีผู้ติดเชื้อใหม่วันละกว่า ๒ พันคน แต่เรื่องราวที่นำมารายงานจากทีมวิจัยติดตามผล นำโดย รศ. ดร. พิณสุดา สิริธรังศรี และจากทีม DE นำโดยคุณเปา ปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ให้ความชุ่มชื่นในหัวใจ
เพราะฟังแล้วกรรมการทุกคนเห็นความหวังของการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย
เมื่อ ๔ เดือนที่แล้ว ผมเล่าข้อสังเกตว่าเริ่มเห็นผลสำเร็จของโครงการนี้ไว้ที่ (๑)
ในการประชุมวันนี้ ผมสรุปตอนจบในฐานะประธานที่ประชุมว่า ข้อสรุปในภาพใหญ่ของการประชุมวันนี้คือ โรงเรียนไทยและครูไทยพัฒนาได้ หากได้รับการเอื้ออำนาจ (empowerment) และการสนับสนุนวิชาการเชิงปฏิบัติอย่างถูกทาง อย่างที่ทำในโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง
ที่สำคัญคือ ครูและผู้บริหารในโครงการมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างชัดเจน ที่สำคัญที่สุดคือ มีเป้าหมายการทำงานเพื่อผลลัพธ์การเรียนรู้ของศิษย์ ผ่านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (active learning) เอาใจใส่ผลลัพธ์การเรียนรู้ครบด้านตามหลักการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ ๒๑
และที่สำคัญยิ่งคือ ครูและผู้บริหารตระหนักว่า ครูต้องเรียนรู้ร่วมกันจากการปฏิบัติหน้าที่ครู ในกระบวนการที่เรียกว่า PLC ที่เอาประสบการณ์จากห้องเรียนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ว่าต้องการให้นักเรียนบรรลุผลการเรียนรู้อะไร วางแผนการเรียนการสอนไว้อย่างไร ดำเนินการในห้องเรียนอย่างไร เกิดอะไรบ้างในห้องเรียน ร่วมกันตั้งคำถามว่า หากต้องการให้ผลออกมาดีกว่านี้ ต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง
หน้าที่สำคัญยิ่งของครูคือเรียนรู้ เพื่อทำหน้าที่ครูให้ดียิ่งขึ้น เป็นการเรียนรู้ต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
การเปลี่ยนแปลงที่น่าชื่นใจคือ ผู้อำนวยการโรงเรียน ๗๒๗ โรงเรียนในโครงการ หันมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการเรียนรู้ในโรงเรียนของตน ทั้งการเรียนรู้ของนักเรียนและของครู ผู้อำนวยการหาทางยกระดับการเรียนรู้ทั้งของนักเรียนและของครู ทำอย่างเป็นระบบ
วิจารณ์ พานิช
๒๘ เม.ย. ๖๔
ไม่มีความเห็น