ดร. ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค เขียนบทความเรื่อง มองผลสัมฤทธิ์และความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาผ่านการประเมินผลPISA ของประเทศไทย ไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๖๓ (๑) ลองอ่านแล้วถามตัวเองดูนะครับ ว่าท่านรู้สึกตกใจแค่ไหน
สำหรับผม ตกใจมากครับ เพราะผลการทดสอบนี้ของประเทศไทยบอกเราว่า คุณภาพพลเมืองของเราจะต่ำไปอีกเป็น ๒๐ ปี และความหวังที่จะพัฒนาประเทศสู่ประเทศรายได้สูง สังคมดี ตามแผนยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี ดูจะห่างไกลจากความสำเร็จ โอกาสความเป็นไปได้ดูจะใกล้ศูนย์ หากเราพัฒนาคุณภาพการศึกษาไม่ได้ และดูจากการทำงานของฝ่ายการเมืองในด้านพัฒนาการศึกษาในช่วงปีเศษที่ผ่านมา ผมให้คะแนนติดลบ เพราะเป็นการทำงานแบบที่ตรงกับในรายงาน WDR 2018 เต็มร้อย ในรูปแบบของระบบการศึกษาที่ไม่ส่งมอบผลด้านการเรียนรู้ (๒)
โปรดดูรูปที่ ๑ จะเห็นว่า คะแนนด้านการอ่านของนักเรียน (อายุ ๑๕ ปี) ของไทย ตกต่ำลงอย่างน่าตกใจ ในรูปที่ ๒ ยิ่งน่าตกใจ ในขณะที่สิงคโปร์มี top performer (ด้านการอ่าน) ร้อยละ ๒๕.๘ ไทยมีเพียง ๐.๒ แต่ไทยมี low performer ถีงร้อยละ ๕๙.๕ (นี่คือสอบตก) ของสิงคโปร์มีเพียง ๑๑.๒
รูปที่ ๓ บอกความอ่อนแอ ๒ ด้านของไทยชัดมาก คือด้านความเหลื่อมล้ำ ที่เด็กจากครอบครัวเศรษฐฐานะดี มีผลคะแนนสูงกว่ากลุ่มเศรษฐฐานะต่ำในลักษณะที่ช่วงความต่างสูงกว่าของประเทศกลุ่มบน (ญี่ปุ่น เกาหลี ฟินแลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง เอสโทเนีย) ความอ่อนแออีกด้านคือคุณภาพของการศึกษาทั้งระบบ คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนไทยกลุ่มคะแนนสูงสุดร้อยละ ๒๐ ยังน้อยกว่าคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนกลุ่มคะแนนต่ำสุดร้อยละ ๒๐ ของประเทศกลุ่มบน นี่คือจุดที่น่าตกใจสุดๆ สำหรับผม เพราะผมเชื่อว่าเด็กไทยไม่ได้เกิดมาโง่กว่าเด็กของประเทศอื่น แต่ระบบการศึกษาทำให้เด็กของเราโง่
โปรดอ่านข้อวิเคราะห์เพิ่มเติมด้านความไม่เสมอภาคด้านการจัดสรรทรัพยากร ความเหลื่อมล้ำข้ามเวลา และข้อเสนอแนะของ ดร. ภูมิศรัณย์ในตอนท้าย
ที่น่าตกใจคือ เวลาผ่านมาปีเศษ ไม่มีการแก้ไขจริงจังเชิงระบบ ผมขอย้ำความเห็นส่วนตัวว่า การดำเนินการโดย กสศ. ไม่เพียงพอในการแก้ไข หากจะแก้ไขจริงจังต้องยกเครื่องระบบ
วิจารณ์ พานิช
๕ มี.ค. ๖๔ ปรับปรุงเพิ่มเติม ๑๓ เมษายน ๒๕๖๔
ไม่มีความเห็น