โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น (๑) รุ่นที่ ๑ ได้ตัวผู้รับทุนรุ่นแรกแล้ว ๓๒๘ คน กำลังดำเนินการทำสัญญารับทุน และเปิดเรียนวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ คนเหล่านี้ถือได้ว่าได้รับการสนับสนุนดียิ่ง เพราะได้ทั้งค่าใช้จ่ายประจำเดือน (เดือนละ ๖,๐๐๐ บาท) ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าหอพัก และค่าอุปกรณ์ประกอบการเรียน (เดือนละ ๒,๐๐๐ บาท)
ส่วนรุ่นที่ ๒ จะรับนักศึกษา ๓๐๑ คน อยู่ระหว่างประกาศรับข้อเสนอจากสถาบันผลิตครู เพื่อเป็นสถาบันดำเนินการผลิต โดยมีเกณฑ์คุณสมบัติที่ใช้คัดเลือก ๗ ประเด็น วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ได้จัด online workshop แก่สถาบันที่สนใจ มีสถาบันผลิตครูสนใจมาก
ผมจึงถามทีมงานเรื่องเทคนิคให้ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ สำหรับใช้ในการตัดสินใจเลือกสถาบันผลิตครูมาเข้าโครงการรุ่นที่ ๒ เพื่อให้โครงการนี้มีการผลิตครูคุณภาพสูงจริงๆ เห็นได้ขัดเจนว่า การที่ทีมงานและคณะผู้ทรงคุณวุฒิลงพื้นที่มีประโยชน์มาก แต่ทีมงานก็ต้องระมัดระวังไม่หลงเชื่อผักชี โดยต้องไปขอดูหรือพบบุคคลที่สะท้อนคุณภาพของสถาบันอย่างแท้จริง การเสวนาในที่ประชุมคณะอนุกรรมการ สะท้อนการจัดการโครงการที่มีความระมัดระวังสูงมาก
มีการเสนอชื่อคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ๒๒ ท่าน ที่จะลงพื้นที่ และให้ความเห็นต่อการคัดเลือกสถาบันผลิตรุ่นที่ ๒ สำหรับให้คณะอนุกรรมการกำกับทิศทางเป็นผู้ตัดสิน
โครงการนี้ไม่ใช่แค่ผลิตครูตามหลักสูตรปกติ แต่สถาบันผลิตต้องจัด enrichment program เพื่อเตรียมความพร้อมไปทำงานในสถานที่ห่างไกล และทำงานร่วมกับกลไกพัฒนาชุมชนในพื้นที่ด้วย
นี่คือบันทึกจากการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับทิศทางของโครงการ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ที่ผมเข้าร่วมประชุมผ่าน ซูม ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการ
วิจารณ์ พานิช
๒๗ พ.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น