บ่ายวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๑ ผมไปประชุมหารือกลุ่มเล็กๆ เรื่อง การเสริมสร้างการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู ตาม พรบ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ กสศ.
พรบ. ดังกล่าว มาตรา ๕ ระบุวัตถุประสงค์ของกองทุนดังต่อไปนี้
(๓) เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครูให้มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอน สามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนตามพื้นฐานและศักยภาพที่แตกต่างกัน
(๕) ส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือสถานศึกษา เพื่อให้มีการเรียนการสอนที่ทําให้ ผู้เรียนสามารถรู้และพัฒนาได้ตามความถนัดและศักยภาพของตน
(๖) ดําเนินการหรือจัดให้มีการศึกษา วิจัย หรือค้นคว้าแนวทางในการพัฒนาครู ให้มีจิตวิญญาณ ของความเป็นครู มีคุณธรรม มีจริยธรรม มีความรู้ และมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนและ การพัฒนาผู้เรียนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษาโดยมีแรงจูงใจที่เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมหรือ สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถาบันต้นแบบในการผลิตและพัฒนาครู
ผมมองว่า วัตถุประสงค์ตาม (๓), (๕) และ (๖) มีความเชื่อมโยงกัน
ทีมงานของ กสศ. แบ่งภารกิจของ “การพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู” ออกเป็น ๒ แผนงานย่อย คือ
· แผนงานส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและสร้างครูรุ่นใหม่ในพื้นที่ห่างไกล
· แผนงานส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู
การประชุมวันนี้เน้นหารือวิธีดำเนินการในแผนงานย่อยอันแรก
ผมชี้ให้ทีมงานเห็นว่า ๒ แผนงานย่อยนี้ไม่ได้แยกจากกันเด็ดขาด เพราะการผลิตครูใหม่ควรเชื่อมโยงกับกิจกรรมการเรียนการสอนที่ดีในโรงเรียน ที่มีการเรียนรู้ร่วมกันของครู ซึ่งก็คือ PLC ครูนั่นเอง โรงเรียนที่มี PLC เข้มแข็ง มีผลกระทบให้ ผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนมีคุณภาพดี ควรเป็นสถานที่เรียนรู้ของนักศึกษาศึกษาศาสตร์ครุศาสตร์
ทีมงานเสนอข้อมูลว่า สกอ. มีโครงการผลิตและพัฒนาครูในระบบพิเศษเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ รับนักศึกษาแล้ว ๔,๑๕๖ คน แผนงานของโครงการนี้ถึงปี ๒๕๗๒ ดำเนินการโดยกลุ่มเครือข่ายอุดมศึกษา ๙ กลุ่ม ที่มีคณะศึกษาศาสตร์และครุศาสตร์ทั่วประเทศ
เราหารือกันว่า โครงการสร้างครูรุ่นใหม่ไปทำงานในพื้นที่ห่างไกล (ประมาณ ๓ พันโรงเรียน) ไม่ควรดำเนินการแบบ โครงการผลิตและพัฒนาครูในระบบพิเศษเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เพราะมีวัตถุประสงค์ต่างกัน โดย กสศ. ควรพัฒนาวิธีการของตนเองขึ้นใหม่ ให้ได้ครูที่มีสมรรถนะและจิตวิญญาณครูที่ต้องการ รวมทั้งความรักที่จะทำหน้าที่ครูและเติบโตก้าวหน้าในวิชาชีพครูโดยการทำงานอย่างมีความสุขในพื้นที่ห่างไกล ไม่ใช่ไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเพื่อรอสิทธิในการโอนย้าย
เริ่มจากการสรรหา/เสาะหา นักเรียนในพื้นที่มารับทุนเรียน ควรใช้กระบวนการที่ชุมชนนั้นๆ มีส่วนร่วม มีการใช้กระบวนการจิตอาสาทำงานด้านการเรียนรู้ของน้องๆ ในระดับประถมศึกษา ร่วมกับภาคีในพื้นที่ เพื่อให้ได้คนที่มีเครือข่ายพันธะสัญญาทางใจมาเรียนเป็นครูในพื้นที่ที่ตนเป็นส่วนหนึ่ง โดยที่ไม่ควรใช้วิธีสอบคัดเลือกอย่างการรับนักศึกษามหาวิทยาลัยโดยทั่วไป ที่เน้นรับคนเรียนเก่ง สอบด้คะแนนสูงเป็นเกณฑ์ตัดสิน ควรมีวิธีให้ได้คนที่รักการเป็นครู มีแรงบันดาลใจต่อการทำหน้าที่ครู อย่างแท้จริง ซึ่งมีวิธีตรวจสอบหลากหลายวิธี
เราแนะนำว่า ควรเน้นให้เรียนในสถาบันในพื้นที่ ที่คัดเลือกแล้วว่าจะสามารถจัดการฝึกฝนให้บัณฑิตครูมีสมรรถนะ คุณสมบัติ และจิตวิญญาณครู ที่ต้องการ โดยเชื้อเชิญให้ทางสถาบันเสนอว่าตนจะจัดกระบวนการเรียนรู้และฝึกฝนนักศึกษาครูอย่างไร เพื่อให้ได้สมรรถนะ คุณสมบัติ และจิตวิญญาณครู เหล่านั้น
รวมทั้งต้องมีการเก็บข้อมูลการดำเนินการและผลที่เกิดขึ้น ใช้เป็นกลไกป้อนกลับเพื่อการเรียนรู้และปรับตัวของโครงการ ในลักษณะของ Learning loop เน้นที่ Double loop learning และเพื่อในปีต่อๆ ไป โครงการจะได้เลือกส่งนักศึกษาในทุนของโครงการเข้าเรียนในสถาบันที่มีผลดำเนินการดี
มีคำแนะนำเชิงปฏิบัติอีกหลายอย่าง ที่ผมตีความว่า จะมีผลกระทบไปที่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในวิธีการผลิตครูรุ่นใหม่ของประเทศ ที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูอย่างแท้จริง
การดำเนินการนี้ ควรหวังให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ข้อ (๖) ข้างบนด้วย
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ก.ย. ๖๑
ไม่มีความเห็น