บันทึกที่ ๑ บันทึกที่ ๒ บันทึกที่ ๓ บันทึกที่ ๔
บ่ายวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๑ ผมไปร่วมประชุมหารือกลุ่มเล็กๆ ที่ กสศ. เรื่อง เตรียมการสนับสนุนการผลิตและพัฒนาครูในระบบพิเศษเพื่อยกระดับคุณภาพโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล และบ่ายวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ ไปร่วมประชุม “กลั่นกรองโครงการสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับนักเรียนด้อยโอกาสให้เป็นครูรุ่นใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล” โดยมีกรรมการ ๙ ท่าน
เป็นการดำเนินการเพื่อผลสามชั้นคือ (๑) ให้เด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสเรียนครูเพื่อกลับไปเป็นครูในภูมิลำเนาของตน (๒) ยกระดับคุณภาพโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล (๓) ยกระดับคุณภาพการผลิตครูประถมและครูปฐมวัย
การประชุมลงรายละเอียดมาก และผู้มาประชุมก็เป็นผู้รู้จริง สองท่านเป็นนักศึกษาครุทายาทรุ่น ๑ (ดร. ศุภโชค ปิยะสันติ์ ผอ. รร. บ้านห้วยไร่สามัคคี อ. แม่ฟ้าหลวง เชียงราย) และรุ่น ๒ (รศ. ดร. ประวิต เอราวรรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา) ที่เวลานี้เป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ
โครงการนี้แตกต่างจากโครงการ “ผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น” ของ สกอ. โดยที่โครงการสร้างครูในพื้นที่ห่างไกลนี้โฟกัสการรับเด็กในพื้นที่ห่างไกลมาเรียนครูเพื่อกลับไปทำงานในภูมิลำเนา เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่น และโฟกัสที่ครูประถมและครูปฐมวัย
คณะกรรมการกลั่นกรองให้คำแนะนำที่ผมคาดไม่ถึง ว่าควรกำหนดให้นักศึกษาครูในโครงการนี้ผ่านการฝึกอบรม และการมีปฏิสัมพันธ์ในหมู่นักศึกษา อย่างเข้มข้น โดยกำหนดให้สถาบันผลิตต้องมีหอพักให้อยู่ตลอด ๔ ปี หรืออย่างน้อย ๒ ปีแรก นอกจากเรียนศาสตร์และทักษะการเป็นครูแล้ว ต้องเรียนศาสตร์และทักษะการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขในพื้นที่ห่างไกล และการเป็นผู้นำพัฒนาพื้นที่ด้วย ซึ่งตามข้อความในย่อหน้าถัดไป คำแนะนำนี้น่าจะอยู่ในวิธีดำเนินการข้อ ๕, ๖, ๗
ที่จริงทีมงานของ กสศ. ก็เสนอมาตรการที่เข้มข้น ๗ ข้อ สำหรับทำให้มีการผลิตครูเพื่อพื้นที่ห่างไกลที่มีคุณภาพจริงๆ คือ (๑) การคัดเลือกสถาบันที่มีความพร้อม และความมุ่งมั่น (๒) กระบวนการคัดเลือกนักเรียน ให้ได้คนที่รักความเป็นครูในพื้นที่ห่างไกล (๓) การเตรียมความพร้อมแก่นักศึกษา (๔) หลักสูตรและการเรียนการสอนให้ได้เจตคติ สมรรถนะ และความรู้ ที่ต้องการ (๕) การจัดระบบดูแลนักศึกษา (๖) กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ (๗) การเข้าร่วมพัฒนาทางวิชาการ
คณะกรรมการกลั่นกรองได้เสนอมาตรการที่ ๘ คือการติดตามให้คำแนะนำปรึกษาตอนจบออกไปทำหน้าที่ครู ๒ ปีแรก เพื่อให้ลงหลักปักฐานการทำงานได้
คณะกรรมการกลั่นกรองให้คำแนะนำลงรายละเอียดด้านยุทธศาสตร์การดำเนินการให้เกิดผลมากมาย โดยโครงการนี้จะเริ่มรับนักศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๖๒ จำนวน ๓๐๐ คน จึงต้องรีบประกาศรับสมัครและชักชวนมหาวิทยาลัยที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ผลิต โดยมีคำแนะนำชัดเจนว่าต้องไม่ส่งนักศึกษาเข้าเรียนในกรุงเทพและจังหวัดศูนย์กลางของภาค โดยที่ความต้องการครูในพื้นที่ห่างไกลอยู่ที่ภาคเหนือมากที่สุด รองลงมาคือภาคใต้ตอนล่าง และภาคอีสาน จึงควรมีมหาวิทยาลัยศูนย์ผลิตอยู่ใน ๓ ภาคนี้ และควรเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ แต่ต้องมีการจัดการศึกษาแบบใหม่ ที่ผลิตครูประถมและครูปฐมวัยคุณภาพสูง และต้องมีผู้จัดการโครงการที่เข้มแข็ง เชื่อถือได้ว่าจะทำให้ดำเนินการผลิตครูตามสเป็กที่ต้องการได้ และต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมการดำเนินการระหว่างศูนย์ด้วย
เสน่ห์ของโครงการอยู่ที่การได้บรรจุเป็นข้าราชการครูในพื้นที่ภูมิลำเนา และได้ทุนการศึกษา เป้าหมายคือนักเรียนจากครอบครัวยากจน ๒๐ เปอร์เซ็นต์ล่างของพื้นที่นั้น ที่มีใจรักการเป็นครู และสามารถเรียนจบได้
ตามปกติเรารับนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยโดยดูที่เรียนเก่ง แต่โครงการนี้คณะกรรมการกลั่นกรอง แนะนำให้เน้นเลือกคนดี ส่วนความเก่งเอาเพียงให้เรียนจบได้ โดยมีระบบช่วยเหลือ คนดีในที่นี้คือดีสำหรับเป็นครูในพื้นที่ห่างไกลที่เป็นภูมิลำเนาของตนเอง
โครงการนี้จะทำงานร่วมกับชุมชนด้วย และบัณฑิตครูที่จบออกไปจะทำงานร่วมกับชุมชน ในการพัฒนาการศึกษาของเด็ก และพัฒนาโรงเรียนให้เป็นศูนย์เรียนรู้ของชุมชนด้วย
ผมเสนอแนะต่อที่ประชุมว่า ที่จริงโครงการนี้มีลักษณะเป็นการทำไปเรียนรู้ไป ไม่มีสูตรหรือวิธีการตายตัวแน่นอน จึงต้องมีการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างศูนย์ผลิตทั้งหมด และกับ กสศ. ด้วย โดยที่มีการติดตามเก็บข้อมูลในพื้นที่ด้วย ผมคิดว่าฝ่าย กสศ. ควรมีตัวแทนชุมชนด้วย
ท่าทีว่าโครงการนี้เป็นโครงการทดลอง ต้องมีการดำเนินการจริงจังและเรียนรู้ต่อเนื่อง มีความสำคัญยิ่ง
วิจารณ์ พานิช
๒๕ ต.ค. ๖๑
Is there any ‘incentive’ for ‘remote area’ duty in Thailand’s Public (Education) Services?
Accommodation and many other problems can be alleviated with ‘remote area allowance’ (เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล).
Is there adequate Internet infrastructure in remote areas yet?