บันทึกที่ ๑ บันทึกที่ ๒ บันทึกที่ ๓ บันทึกที่ ๔ บันทึกที่ ๕ บันทึกที่ ๖ บันทึกที่ ๗
บ่ายวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ผมไปร่วมประชุม คณะกรรมการกำกับทิศทาง โครงการวิจัยพัฒนาเครื่องมือและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และความคิดวิเคราะห์ในชั้นเรียน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ ที่ กสศ. โดยที่โครงการนี้ต่อเนื่องมาจากสมัยเป็น สสค. ดำเนินการมา ๓ ปีแล้ว เป็นโครงการร่วมมือกับ OECD และ สพฐ. ในการวิจัยทดลองพัฒนาสมรรถนะครูและโค้ช ในการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ (creative thinking) และความคิดวิเคราะห์ (critical thinking) ทำในหลายประเทศ
ผมเคยเล่าเรื่อง workshop ของโครงการนี้เมื่อ ๒ ปีที่แล้วที่ (๑)
เนื่องจากผลการวิจัยของไทยส่งไปเร็ว ทีมวิจัยของ OECD จึงส่งผลวิเคราะห์เบื้องต้นมาให้ เราดูกันด้วยความตื่นเต้น ว่าบางมิติของการคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนไทยที่เป็นกลุ่มทดลอง พัฒนาเหนือนักเรียนกลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่การแปลผลนี้ยังเป็นผลเบื้องต้น เร็วเกินไปที่จะตีความชัดเจน ยังไม่ได้เปรียบเทียบกับผลจากประเทศอื่น
ผลผลิตของการวิจัยนี้ คือเครื่องมือวัด creative thinking & critical thinking ที่เป็น formative assessment tool สำหรับครูใช้ในห้องเรียน และเครื่องมือพัฒนา creative thinking & critical thinking สำหรับครูใช้ในชั้นเรียน
ที่จริงไม่ต้องมีผลการวิจัย เราก็พอจะเดาได้ว่า วิธีจัดการเรียนรู้ที่ใช้ในโครงการนี้ ดีกว่าวิธีการที่โรงเรียนไทยโดยทั่วไปใช้อยู่ เป็นวิธีการสร้างมนุษย์ในศตวรรษที่ ๒๑ ในขณะที่วิธีการที่ใช้กันในร้อยละ ๙๐ ของโรงเรียนไทยเป็นวิธีการแห่งศตวรรษที่ ๒๐
ที่น่ายินดีคือ สพฐ. ได้จัดงบประมาณเหลือจ่ายในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ จำนวน ๙.๕ ล้านบาท ให้ทีมงานพัฒนา Application I-Profilerเป็นระบบฐานข้อมูลเครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ในชั้นเรียน ท่านที่สนใจเข้าไปดู Application นี้ ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนา ได้ที่ (๒) การพัฒนา I-Profiler นี้ทำร่วมกับครู ๔๔๐ คน จาก ๒๒๐ โรงเรียน โดยมีการฝึกวิทยากรแกนนำช่วยโค้ชครูอีกต่อหนึ่ง เท่ากับ I-Profiler จะพัฒนาขึ้นจากการปฏิบัติและ PLC ของครูโดยตรง
ต่อเนื่องจากโครงการข้างต้น ศูนย์ PISA ของ สพฐ. ได้ จัดทำคำของบประมาณปี ๒๕๖๒ ในงบ “บูรณาการยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ เท่าเทียม และทั่วถึง” เป็นโครงการ ๓ ปี สู่การประเมิน PISA 2021 โดยขณะนี้มี “โรงเรียน PISA” จำนวน ๑๕๓โรงเรียน ดร. ณัฐา เพชรธนู ผอ. ศูนย์บอกว่าต้องการดำเนินการให้ทั่วทุกเขตพื้นที่การศึกษา ๒๒๕ เขต เขตละ ๑ โรงเรียน
ผมจึงเสนอว่า ควรใช้วิธีประกาศแข่งขันให้โรงเรียน ๑๐ แห่งในแต่ละเขตพื้นที่ ร่วมกันเสนอโครงการเครือข่ายโรงเรียนบูรณาการยกระดับคุณภาพการศึกษาขอรับการสนับสนุน ในประกาศระบุเป้าหมายผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนที่ต้องการ ให้เครือข่ายโรงเรียนเสนอยุทธศาสตร์และวิธีการ เพื่อคัดเลือกหาวิธีการที่แยบยลและน่าสนับสนุน ในการดำเนินการ ใช้เครื่องมือ I-Profiler ช่วย วิธีการที่ผมเสนอเป็น bottom-up approach ในขณะที่ครงการวิจัยร่วมกับ OECD เป็น top-down approach
การดำเนินการเพื่อยกระดับการคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ ตามที่ กสศ. ร่วมกับ OECD จึงนำไปสู่การดำเนินการเพื่อยกระดับคุณภาพพลเมืองแห่งอนาคตผ่านการยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นองค์รวม และสู่ความเสมอภาคทางการศึกษา
ผู้บริหารของ กสศ. ที่ดูแลโครงการนี้ (ผมเรียกง่ายๆ ว่า โครงการ creativity) คือ ดร. ไกรยส ภัทราวาท ส่งอีเมล์มาให้ผมก่อนการประชุมหนึ่งวัน ปรึกษาเรื่องการนำผลการวิจัยไปใช้ต่อ ผมตอบไปสั้นๆ ดังนี้ “หากมองที่ความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นหลัก เราต้องช่วยกันนำเอา findings ที่ได้จากโครงการ และวิธีการพัฒนา creativity ที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลในเด็กไทย เข้าสู่เด็กทั้งประเทศ รวมทั้งเด็กด้อยโอกาส/ในพื้นที่ห่างไกล พรุ่งนี้คำถามผมคือ วิธีการที่ใช้สร้าง creativity มีผลให้เด็กหัวดีแต่ไม่ชอบเรียน หันมาชอบเรียนมากขึ้นไหม ผมมีความเชื่อว่า น่าจะมีผล”
เมื่อถึงคราวประชุมจริง ผมไม่ได้ตั้งคำถามดังกล่าว เพราะคิดว่าผลการวิจัยยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น ยังไม่มีผลการวิเคราะห์ที่ลึกและเปรียบเทียบระหว่างประเทศ
แต่ผมได้เสนอต่อ สพฐ. ให้ดำเนินการติดตามครูในโครงการนี้ ว่ามีใครบ้างที่นำเอาเทคนิคหรือเครื่องมือนี้ไปใช้ต่อเนื่อง (เรียกชื่อเล่นๆ ว่าครู creativity ต่อเนื่อง) แล้วชวนกันประเมินผลที่นักเรียน เพราะในโครงการวิจัยเป็นการทดลองระยะสั้นเพียง ๑๐ สัปดาห์แล้ววัดผล แต่เป้าหมายแท้จริงคือ ใช้เทคนิคนี้เป็นประจำในชีวิตการเป็นครู สพฐ. จึงน่าจะสนับสนุนให้เกิด PLC ครู creativity ต่อเนื่อง ออกขยายผลในวงกว้าง เพื่อสร้าง new normal ของการจัดการเรียนการสอนในครูไทยทั้งประเทศ
วิจารณ์ พานิช
๖ พ.ย. ๖๑
ไม่มีความเห็น