ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ มีการเสนอโครงการที่ปรับเพิ่มตามสถานการณ์การระบาดของโควิด ๑๙ เห็นได้ชัดเจนว่า ความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นส่วนย่อยของความเสมอภาคในภาพใหญ่ และเหตุการณ์การระบาดมีผลกระทบต่อผู้ด้อยโอกาสในหลากหลายมิติมาก คือเมื่อกระทบผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ใหญ่ตกงาน หรือมีรายได้ลดลง ก็มีผลกระทบต่อเด็กอย่างแน่นอน
โครงการของ กสศ. ที่จัดขึ้นรองรับสถานการณ์โควิด ๑๙ ระบาด มี ๗ มาตรการ ได้แก่
- ช่วยเหลือนักเรียนทุนเสมอภาคที่มีภาวะทุพโภชนาการ จำนวน ๔,๔๐๙ คน ให้เงินช่วยเหลือคนละ ๙๖๐ บาท เป็นเงิน ๔.๒ ล้านบาท ใช้เงินบริจาค
- เชิญชวนคนไทยร่วมบริจาคช่วยเหลือค่าอาหารกลางวันของนักเรียนทุนเสมอภาค ที่เป็นภาระเพิ่มของพ่อแม่ เพราะเลื่อนเปิดเทอม
- ช่วยเหลือนักเรียนทุนเสมอภาคในระบบการศึกษา ชั้น ป. ๑ - ป. ๖ จำนวน ๕ แสนคน ให้ความช่วยเหลือค่าอาหารคนละ ๖๐๐ บามในช่วงปิดเทอมเพราะโควิด รวมเงิน ๓๐๐ ล้านบาท
- ป้องกันนักเรียนทุนเสมอภาคชั้นอนุบาล - ม. ๓ ไม่กลับมาเรียนเมื่อเปิดเทอม โดยเมื่อเปิดเทอมแรกให้เงินแก่ผู้ปกครอง ๒,๐๐๐ บาท อีก ๑,๐๐๐ บาทจ่ายในเทอมที่สอง จำนวนเงินที่จ่ายทั้งปีไม่เปลี่ยนแปลง เด็ก ๗ แสนคน
- ช่วยเหลือเด็กนอกระบบและกลุ่มเปราะบาง ที่มีมากใน ๒๐ จังหวัด ใช้เงินบริจาค ๗ แสนบาท
- ค้นหาและช่วยเหลือเด็กนอกระบบเร่งด่วน ๓๖,๐๐๐ คน ให้เงินช่วยเหลือคนละ ๔,๐๐๐ บาท
- ค้นหาและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชน ฝึกทักษะอาชีพเพื่อพัฒนาชุมชน จำนวน ๑๐,๐๐๐ คน ค่าใช้จ่ายคนละ ๑๑,๐๐๐ บาท
สรุปมาตรการทั้ง ๗ ในแผนผังข้างล่าง
วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ผมไปขายไอเดียต่อผู้บริหาร กสศ. ว่า การช่วยเหลือประเด็นหลังต้องช่วยทั้ง “ให้ปลา” และ “ให้เบ็ด” เพื่อให้พัฒนาศักยภาพของตนเองและชุมชน ขึ้นมายืนหยัดชีวิตในระยะยาวได้
วิจารณ์ พานิช
๖ พ.ค. ๖๓