จากบันทึกที่ ๓๙ - ๔๑ ใจของผมยังครุ่นคิดหาวิธีหนุนโครงการ “โรงเรียนพัฒนาตนเอง” ว่าหากผมมีโอกาสสัมผัสกับผู้บริหารและครูในโครงการนี้ ผมควรกล่าวย้ำประเด็นอะไรบ้าง
จึงขอคัดลอก PowerPoint ของโครงการนี้มาเล่าดังนี้
ทำให้ผมคิดว่า ผู้เกี่ยวข้องในโครงการนี้ พึงมีสติพุ่งความสนใจไปที่การปรับปรุงหลักๆ ๖ ประการ ตามหลัก 6 Super Factors ที่ส่งผลต่อการเรียนของนักเรียน ตามผลการวิจัย Meta-analysis ของทีม John Hattie คือ (๑) ครูรู้ศักยภาพของนักเรียนแต่ละคน (๒) พลังร่วมของครูและบุคลากรทุกคนในโรงเรียน (๓) นักเรียนมีส่วนประเมินผลการเรียนของตนเอง (๔) การเรียนรู้ตามวัยหรือระดับพัฒนาการ (๕) การเรียนการสอนเปลี่ยนหลักคิด (เปลี่ยนจากครูสอนความรู้สำเร็จรูป – passive learning มาเป็นนักเรียนปฏิบัติเพื่อการเรียนรู้ของตน – active learning) (๖) การดูแลแก้ไขปัญหาตามความเสี่ยงของนักเรียนแต่ละคน ผมจึงบอกตัวเองว่า เมื่อไรที่ผมไปสัมผัสโรงเรียนเหล่านี้ ผมจะถามการดำเนินการตาม ๖ ข้อนี้
ที่ต้องย้ำมากคือข้อ ๒ พลังร่วมของครูและบุคลากรทุกคนในโรงเรียน ซึ่งควรขยายวงออกไปถึงผู้ปกครองนักเรียน และผู้นำในชุมชนด้วย โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากโรงเรียนดำเนินการดี ได้รับศรัทธาจากชุมชน ผู้มีฐานะหรือบริษัทธุรกิจในพื้นที่ก็ยินดีบริจาคอุปกรณ์การศึกษาให้ เพราะเขารักเด็กของเขา การศึกษาสมัยนี้ต้องการอุปกรณ์สำหรับเด็กใช้ทำกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ ซึ่งควรเลือกใช้ที่ราคาไม่แพง ปรับปรุงพัฒนาจากวัตถุดิบในพื้นที่
ย้ำเรื่องการเปิดพื้นที่ในโรงเรียนให้บุคคลหรือภาคีภายนอกเข้ามาร่วมพัฒนา ซึ่งรวมทั้งการเข้ามาเป็น co-educator กระตุ้นความสนใจใคร่รู้ของนักเรียน เชื่อมโยงให้นักเรียนเข้าใจโอกาสการประกอบอาชีพในอนาคต ให้นักเรียนได้ค้นพบเป้าหมายในชีวิตของตนเอง รวมทั้งช่วยทำหน้าที่ content expert เช่นเมื่อนักเรียนต้องการทำโครงงานเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ยา ผู้ปกครองนักเรียนที่เป็นเภสัชกร หรือประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอย่างอื่น อาจช่วยเป็น content expert แนะนำวิธีค้นและตรวจสอบความแม่นยำถูกต้องของข้อมูลให้แก่นักเรียน
บทบาทของนักเรียนก็ตีความเพิ่มเติม หรือขยายความ ได้อีกมาก ไม่ใช่แค่เพียงมีส่วนประเมินการเรียนของตนเอง คำถามสำคัญที่สุดคือ “นักเรียนคือใคร?” คำตอบที่ผิดคือ “นักเรียนมาโรงเรียนเพื่อมารับถ่ายทอดความรู้จากครู” ในขณะที่คำตอบที่ถูกต้องคือ “นักเรียนมาเรียนรู้ที่โรงเรียนเพื่อพัฒนาตนเองครบทุกมิติ โดยทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ เพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน โดยครูทำหน้าที่โค้ช” นักเรียนต้องเป็น “ผู้กระทำ” (agent) เพื่อการเรียนรู้ หรือพัฒนาการ ครบทุกด้าน ของตน นักเรียนต้องไม่ใช่ “ผู้ถูกครูกระทำ” อย่างที่ยึดถือกันในอดีต
วิจารณ์ พานิช
๒๘ ก.พ. ๖๓
บนรถยนต์ เดินทางไปประชุมที่สถาบันอาศรมศิลป์
ไม่มีความเห็น