ผมเล่าเรื่องโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเองของ กสศ. ต่อเนื่องเป็นเวลาปีเศษ ไว้ที่ (๑) ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับทิศของโครงการ ผมเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อ ว่าโครงการนี้จะก่อผลต่อคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยได้สักแค่ไหน และจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้จริงหรือไม่ เพราะโครงการนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นโครงการนำร่อง ดำเนินการในโรงเรียนประมาณร้อยละ ๑๐ ของโรงเรียนที่ดูแลนักเรียนกลุ่มด้อยโอกาส ที่เป็นโรงเรียนขนาดกลางในชนบท มีเป้าหมายแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของผลการเรียนระหว่างโรงเรียนในเมืองกับในชนบทที่ต่างกันถึง ๒ ปีการศึกษา วิเคราะห์จากผลการสอบ PISA 2018 โดยหวังว่าโรงเรียนกลุ่มนี้อีกร้อยละ ๙๐ จะมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
เป็นยุทธศาสตร์ “ทำน้อย ได้มาก” ที่ท้าทายยิ่ง
วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔ กสศ. ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการนี้ต่อคณะกรรมการบริหาร กสศ. มีตัวเลขและการกระจายโรงเรียน รวมทั้งจำนวนโรงเรียน จำนวนนักเรียน และจำนวนครู ที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการนี้ตามในรูป
จะเห็นว่า โครงการนี้เข้าไปยกระดับการเรียนรู้ของนักเรียนประมาณ ๑.๙ แสนคน จากจำนวนนักเรียนในโรงเรียนขนาดกลางประมาณ ๘ พันโรงเรียน จำนวนประมาณ ๒ ล้านคน
ในการนำเสนอ ดร. อุดม วงษ์สิงห์ ผอ. สำนักพัฒนาครูและโรงเรียน ได้ยกตัวอย่างโรงเรียนที่มีการพัฒนาอย่างน่าชื่นชมหลายโรงเรียน
เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๔ มีการประชุมคณะกรรมการกำกับทิศของโครงการ มีวาระสำคัญคือ การนำเสนอการดำเนินการและผลที่เกิดขึ้นของทีมพี่เลี้ยงทั้ง ๑๑ ทีม ในฐานะประธานคณะกรรมการ ผมได้ขอทำความตกลงให้ทีมพี่เลี้ยงอยู่ฟังทีมอื่นด้วย เพื่อเรียนรู้จากกันและกัน ระหว่างทีมพี่เลี้ยงหรือโค้ช และเมื่อจบการประชุมก็เห็นได้ชัดเจนว่า ทีมพี่เลี้ยงมีการหยิบยืมวิธีการของทีมอื่นไปประยุกต์ใช้ในเครือข่ายของตนด้วย
ข้อซักถาม และข้อเสนอแนะที่กรรมการกำกับทิศให้แก่แต่ละทีมพี่เลี้ยง นอกจากช่วยให้ทีมนั้นได้เรียนรู้ ทีมอื่นก็ได้เรียนรู้ด้วย
ในตอนจบของการนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหาร กสศ. เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ดร. อุดม ได้ทิ้งประเด็นท้าทายไว้ ๕ ข้อดังนี้
ผมจึงเสริมประเด็นที่ ๒ การขยายผล ต่อที่ประชุม เป็นข้อสังเกตว่าหน่ออ่อนสู่การขยายผลกำลังเริ่มผลิ จากข้อมูลที่ได้จากการประชุมคณะกรรมการกำกับทิศ เมื่อวันที่ ๑๕ รวม ๖ ประการคือ
ที่จริง ยังมีโครงการต่อเนื่องจากโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง ที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อขยายผลของโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเองอีก ๕ โครงการ ได้แก่
ผมได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สคส. ว่า หนทางยังอีกยาวไกล ที่จะต้องช่วยกันรดน้ำพรวนดินหน่ออ่อนเหล่านี้ ให้เติบโตขยายผล และทำให้ดินดี มีหน่อใหม่ หรือเมล็ดพันธุ์ใหม่ งอกขึ้นอีก และได้เสนอว่า สพฐ. ควรส่งสัญญาณไปยังโรงเรียนให้เรียนรู้และดำเนินการตามแนวนี้ได้ รวมทั้ง สพฐ. ควรได้นำองค์ความรู้จากโครงการนี้ไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ ของระบบการศึกษาไทย
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ม.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น