วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ผมเข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการเตรียมความพร้อมและสนับสนุนในการรับการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานรอบ 3 ปี ของ กสศ. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ในฐานะที่ปรึกษา โดยที่ในการประชุมครั้งแรกผมไม่ได้เข้าร่วมประชุม
ข้อสรุปจากท่านประธานคณะอนุกรรมการ ศาสตราพิชาน ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ที่ผมประทับใจที่สุดคือ ใช้ DE (Developmental Evaluation) สร้างวัฒนธรรมการประเมินเป็นวัฒนธรรมองค์กร ของ กสศ.
คือใช้ DE เป็นพลังในการทำงานเชิงสร้างสรรค์ของ กสศ. และเป็นพลังในการสร้างสรรค์ร่วมกับภาคี ๓๖๐ องศา
ในการประชุมมีการสรุปหลักการของ DE ดังต่อไปนี้
คณะอนุกรรมการเห็นพ้องกันว่า ให้เสอนบอร์ดให้อนุมัติการประเมิน ๒ แบบ คือประเมินตามตัวชี้วัดที่กำหนดก็ดำเนินการไป และในขณะเดียวกันก็ประเมินด้วย DE ควบคู่ไปด้วย โดยอาจมี pilot project ของ DE ในบางเรื่อง
ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ทางสำนักงานได้เสนอสรุปสาระสำคัญของ ดังต่อไปนี้
รายละเอียดการประเมินเพื่อการพัฒนา (Developmental Evaluation: DE)
การประเมินเพื่อการพัฒนา (Developmental Evaluation: DE) คือการประเมินผลเพื่อมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรม
การทำงานใหม่ในอนาคต ซึ่งอาจรวมถึงการดำเนินการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ด้านกระบวนการ และความเข้าใจต่อ
ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อน และมีส่วนกำหนดความสำเร็จและความล้มเหลวของการดำเนินงานที่ผ่านมา
รวมทั้งการประเมินผลเพื่อเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
โดยกระบวนการประเมินเพื่อการพัฒนานั้นเป็นกระบวนการที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนใช้ได้ใน
หลายสถานการณ์ ภายใต้บริบทที่มีการเปลี่ยนแปลงและระบบที่มีความซับซ้อน มีคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้
1. เน้นการนำผลการวิจัยและประเมินมาพัฒนากระบวนการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสภาวะ
ปัญหาที่ซับซ้อนและอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลง (Complex, dynamic environment)
2. สามารถนำผลจากการวิจัยและประเมินเพื่อพัฒนาการดำเนินงานหรือยุทธศาสตร์ในพัฒนาและสร้างความ
เปลี่ยนแปลงได้ในทันที (Real-time feedback and adaptive learning)
3. ผู้ประเมิน (Evaluator) มีส่วนร่วมในกระบวนการวิจัยและพัฒนาตั้งแต่แรกเริ่ม และมีส่วนสำคัญในการให้
ข้อเสนอเพื่อพัฒนากระบวนการดำเนินงานหรือกระบวนการพัฒนา และจะเป็นผู้คอยอำนวยการให้บุคลากร
อื่นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพัฒนาเกิดการเรียนรู้ (Facilitate learning)
4. ผู้ประเมินมีหน้าที่ในการออกแบบกระบวนการประเมินเพื่อค้นหาพลวัตเชิงระบบ (System dynamics)
และสกัดนวัตกรรมและแนวคิดในการแก้ปัญหาหรือปรับปรุงกระบวนการพัฒนา
5. วิธีการประเมินสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามข้อค้นพบที่ได้จากการประเมินหรือสภาวะปัญหาที่เปลี่ยนไป การ
ประเมินเพื่อพัฒนาจึงเป็นวิธีการที่ยืดหยุ่นและพัฒนาอยู่เสมอ
6. เนื่องจากการประเมินเพื่อการพัฒนาเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความยืดหยุ่น ผู้ประเมินจึงควรเป็นผู้ที่มีความ
ยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรับแนวคิดและวิธีการรูปแบบใหม่ ๆ ที่
พัฒนาขึ้นหรือจากข้อค้นพบต่าง ๆ หรือความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญที่เปลี่ยนไป
โดยการประเมินเพื่อการพัฒนาอาจมีลำดับขั้นตอน ดังนี้
การประเมินเพื่อการพัฒนาเป็นการขับเคลื่อนการแก้ปัญหา โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ทบทวนให้เห็นต้นเหตุของ
ปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ และตั้งคำถามกับสิ่งเดิมผ่านแนวคิดเชิงระบบที่ซับซ้อนและปรับเปลี่ยน (complex
adaptive system) เพื่อวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา และพัฒนาเครื่องมือ/วิธีการระบบตามแนวคิดใหม่
จากนั้น ลงมือปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา และสรุปเป็นการเรียนรู้จากผลที่ได้ โดยวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นใหม่หรือยังคง
อยู่เพื่อหาความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาที่ดีกว่าเดิมต่อไป และปฏิบัติการใหม่เช่นนี้ วนเป็นรอบ (feedback loop) เช่นนี้
ตลอดกระบวนการ
ที่มา:
Patton, M. Q. (2010). Developmental evaluation: Applying
complexity concepts to enhance innovation and use . Guilford
press.
Patton, M. Q., McKegg, K., & Wehipeihana, N. (Eds.).
(2015). Developmental evaluation exemplars: Principles in practice . Guilford publications.
คณะกรรมการบริหารฯ มีมติเห็นชอบ
วิจารณ์ พานิช
๖ ส.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น