ในการประชุมสภาสถาบันอาศรมศิลป์ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ มีเรื่องแจ้งเพื่อทราบที่สะท้อนนวัตกรรมการจัดการยกระดับคุณภาพการศึกษาในท้องถิ่น คือ โครงการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดระยอง ระยะที่ ๒ : “โครงการวิจัยปฏิบัติการเพื่อพัฒนาต้นแบบพื้นที่นวัตกรรมการจัดการศึกษาระดับจังหวัดด้วยกระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ กรณีศึกษาจังหวัดระยอง ระยะที่ ๒”
โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก บพท. ดำเนินการในโรงเรียนรุ่นที่ ๒ จำนวน ๒๖ โรงเรียน โดยได้นำ ผอ. ของโรงเรียนรุ่นแรก (๒๕ โรงเรียน) บางท่านมาร่วมเป็นวิทยากรด้วย มีวัตถุประสงค์ของโครงการวิจัย ๖ ข้อคือ
ทีมของสถาบันอาศรมศิลป์ไปดำเนินกิจกรรม เพื่อเปลี่ยน mindset ของผู้อำนวยการโรงเรียนและครูแกนนำ และพัฒนาสมรรถนะเพื่อ transform โรงเรียนทั้งระบบ ดังนี้
ที่จริงการดำเนินการนี้ทำร่วมกับภาคีพัฒนาในพื้นที่หลายภาคส่วน โดยแกนนำคือ อบจ. ระยอง ที่มีภาคีภาคธุรกิจมาร่วมอย่างใกล้ชิด และข้อกังวลสำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะดำเนินการต่อเนื่อง เกิด systems learning อย่างยั่งยืนได้อย่างไร โดยที่พื้นที่นวัตกรรมการศึกษามีวัตถุประสงค์ ๔ ข้อตามมาตรา ๕ ของ พรบ. พื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้
ผมชี้ให้เห็นว่า “การเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ” กว้างกว่าในรูป Whole School Transformation เพราะในรูปเป็นระบบในโรงเรียน ยังมีอีกระบบหนึ่งที่ครอบโรงเรียนอยู่ คือระบบการบริหารการศึกษาของประเทศที่อำนาจรวมศูนย์ ที่จะต้องเปลี่ยนตามวัตถุประสงค์ข้อที่ ๑ ของโครงการ
ผมชี้ให้เห็นว่า จังหวัดระยองต้องตั้งหน่วยประสานงานปฏิรูปการศึกษาจังหวัดระยอง ที่เป็นอิสระ ไม่อยู่ใต้อำนาจสั่งการของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ทำงานร่วมมือกัน และไม่ควรเป็นหน่วยราชการ ทำงานประสานงานเพื่อให้การริเริ่มสร้างสรรค์ด้านการศึกษาในพื้นที่ได้ทำงานประสานงานเป็นเครือข่ายกัน และที่สำคัญ ทำหน้าที่วัดความก้าวหน้าของกระบวนการปฏิรูปตามที่ตั้งเป้าไว้
ประเด็นที่ต้องรุกจริงจังคือ การกระจายอำนาจและให้อิสระ ที่เราไม่เห็นความจริงใจของกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ว่าในระดับใด
วิจารณ์ พานิช
๑๖ ก.พ. ๖๔
ไม่มีความเห็น