ชีวิตที่พอเพียง 4260. อยู่กับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม (๓๙) บันทึกเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕ 


 

ผมเล่าเรื่องชีวิตยามสมองเสื่อมของสาวน้อยเป็นระยะๆ () ((๓)  (๔)  (๕)  (๖)   (๗)   (๘)   (๙)   (๑๐)   (๑๑)    (๑๒)   ๑๓   ๑๔   ๑๕  ๑๖  ๑๗  (๑๘)  (๑๙)  (๒๐)  (๒๑)   (๒๒)  (๒๓)   (๒๔)   (๒๕)   (๒๖)    (๒๗)    ๒๘  ๒๙   ๓๐   ๓๑   ๓๒   ๓๓   ๓๔   ๓๕   (๓๖)   (๓๗)    (๓๘)  เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์กับท่านผู้อื่นที่ต้องเผชิญสภาพคล้ายๆ กัน ที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น 

 

พ่อ พ่อ อยู่ที่ไหน

๓.๔๕ น. คืนวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ต่อเช้าวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ ผมกำลังนอนหลับสนิท    ต้องสะดุ้งตื่นด้วยเสียงเรียกดังลั่น  และน้ำเสียงตื่นเต้น    เป็นเสียงที่ดังมาจากนอกห้องนอน    แล้วเสียงเรียกก็ซ้ำขึ้นอีก “พ่อ พ่อ”    ผมตอบว่า “พ่ออยู่ที่นี้ ในห้องนอน  กลับมานอนเถอะ    ไม่มีใครมาเรียกหรอก”   

เธอเดินกลับมาอย่างว่าง่าย    แต่กว่าจะขึ้นนอนบนเตียงได้ก็อีกพักใหญ่ๆ      

อาการหูแว่ว (auditory hallucination) น่าจะก่ออันตรายได้ไม่น้อย ถ้าคนดูแลไม่ระมัดระวัง   ต่อจากนี้ไปผมใช้กุญแจใส่สายยูประตูหน้าบ้านทุกคืน    ป้องกันเธอละเมอเดินออกนอกบ้านหายตัวไป    

   

ลืมใส่ฟันปลอม

เช้าวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๕   ผมเอาอาหารเช้ามาวางไว้ให้ตามปกติ    แต่วันนี้มีอาการแปลกเกิดขึ้น คือลืมใส่ฟันปลอม    ซึ่งผมก็ไม่รู้   เพราะตามปกติเมื่อเธอตื่นนอนจะเข้าห้องน้ำไปใส่ฟันปลอมก่อนออกมาหน้าบ้าน    นานๆ ครั้งที่ลืม    และเมื่อจะกินข้าวโพดต้มก็จะแทะไม่ได้    ต้องกลับไปใส่ฟันปลอมแล้วออกมากิน

แต่วันนี้ เธอกลับเข้าห้องน้ำสองรอบ ก็กลับมาที่หน้าบ้านในสภาพลืมใส่ฟันปลอม    พอทักก็หัวเราะ ว่าลืม    ครั้งที่สามผมตามเข้าไปดูในห้องน้ำพบว่าใส่ฟันแล้ว   

 

ไปเอาทุเรียนมา

เย็นวันที่ ๓ มิถุนายน  หลานสาว (ลูกพี่ชาย) เอาทุเรียนมาฝาก  พร้อมข่าวพี่ชาย (นพ. วินัย เศวตวรรณ, ๘๙) เสียชีวิตที่อเมริกา   เมื่อเผาแล้วจะเอาอังคารมาลอยที่ปากเกร็ด    ทุเรียนยังไม่สุก

ตกค่ำเธอบอกลูกสาวให้ไปเอาทุเรียนมา    เป็นของโปรดของเธอ    ที่เรื่องนี้จำได้ดี    ที่ผมต้องหาวิธีให้เธอกินเพียงวันละเม็ด    เพื่อสุขภาพ  

 

คุณทำงานนี้นานเท่าไรแล้ว

นี่คือบทสนทนาตอนผมอาบน้ำให้ในตอนค่ำในบางวัน    หากผมไม่เริ่มพูดขึ้นก่อนว่า สามีอาบน้ำให้   

เมื่อไรก็ตามที่เธอเรียกผมว่า “คุณ”    ผมรู้ทันทีว่าความจำของเธอหลุดอีกแล้ว    วิธีแก้ง่ายนิดเดียว ด้วยคำพูดว่า “ไม่มีคุณ มีแต่พี่วิจารณ์”    ความจำของเธอก็กลับมาทันที พร้อมเสียงหัวเราะความขี้หลงขี้ลืมของตนเอง   ข้อดีคือเธอไม่เครียดกับความหลงลืมของตน   ไม่มีความเครียดจากความหลงลืมของตนเองเลย   

 

กลับบ้านเวลาเท่าไร

บ่ายวันศุกร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ ผมบอกว่าจะออกจากบ้านเวลา ๑๕.๓๐ น. ไปประชุมข้างนอก    จะกลับถึงบ้านราวๆ สองทุ่ม     เธอจะถามแล้วถามอีก วนไปวนมาว่าจะกลับถึงบ้านเวลาเท่าไร   ส่ออาการกังวลที่ผมไม่อยู่   

ผมจึงหลีกเลี่ยงไม่บอกเธอล่วงหน้านานๆ    เพื่อไม่ให้เธอกังวลอยู่นาน    รู้กันสองคนกับลูกสาว ที่จะต้องเข้าเวรเป็นเพื่อนแม่แทนพ่อ   และในกรณีนี้ต้องดูแลทั้งการกินอาหารเย็น และอาบน้ำให้     

 

แต้ว แต้ว อยู่ที่ไหน

คืนวันที่ ๒๐ ต่อ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ เวลาราวๆ ๐๑.๓๐ น. ผมสดุ้งตื่นเพราะเธอลุกขึ้นจากเตียงและพูดเสียงใส ที่ผมจับความไม่ได้    ต่อมาเธอพูดว่า แต้ว แต้ว อยู่ที่ไหน    แต้วคือลูกสาวคนโต   

ผมนอนนิ่งดูพฤติกรรมของเธอ   ซึ่งก็ทำอย่างเดินคือเดินเลาะปลายเตียงมาทางผม    มือคลำเตียงบอกทาง    จนมาคลำถูกเท้ามเธอก็ชักมือออกและหัวเราะ  ในที่สุดเธอเปิดประตูห้องนอนเดินออกไปทางหน้าบ้าน    ผมจึงเดินไปบอกเธอว่าให้กลับมานอน   แต้วอยู่ที่คอนโด   ไม่มีใครมาเรียกหรอก    

เธอยังคงเรียกชื่อแต้วอีกหลายครั้ง    และขอไปเข้าห้องน้ำข้างประตูบ้าน    ออกมาก็ยังเรียกแต้วอยู่อีก    ผมพาเธอเดินกลับห้องนอน    และปล่อยให้เธอปีนขึ้นเตียงเอง   แล้วไปช่วยให้เธอขยับตัวเข้าด้านในเลยขอบเตียง ป้องกันพลิกตัวแล้วตกเตียง   

เช้าวันที่ ๒๑ มิถุนายน หลังตื่นแล้ว ผมถามเธอว่าเมื่อคืนแต้วมาเรียกหรือ    เธอตอบว่าเปล่า     ผมบอกว่า

แต่อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ระหว่างนั่งกินอาหารเช้า เธอเอ่ยขึ้นว่า เมื่อคืนฝันว่าลูกมาเรียก    ไม่เคยฝันอย่างนี้มาก่อน    ผมถามว่าเมื่อแต้วมาเรียกแล้วตุ๋นทำอะไร    เธอตอบว่า จะมาเปิดประตู    แต่ไม่ทันได้เปิด พ่อมาเรียกเสียก่อน    พูดกลั้วเสียงหัวเราะ        

 

ทำงานนี้นานเท่าไรแล้ว

คำพูดทำนองนี้เกิดขึ้นบางวันตอนหัวค่ำ ที่ผมช่วยอาบน้ำให้    น่าแปลกใจว่า การอาบน้ำให้เป็นตัวการให้ความจำหายไปชั่วคราว   บางวันเธอถามว่าทำงานนี้มีรายได้เท่าไร    สะท้อนว่าเธอลืมชั่วคราวว่าผมเป็นสามี    ทั้งๆ ที่เมื่อสองสามนาทีก่อน เธอเรียกผมว่า “พ่อ พ่อ อาบน้ำนะ”    

แต่เมื่อผมตอบว่า “ไม่มีใครจ้างหรอก พี่อาบน้ำให้เมียด้วยความรัก”    เธอก็หัวเราะชอบใจ    และได้สติว่าผมเป็นใคร

 

ให้กอดฟรีหนึ่งที

หลังอาบน้ำ เช็ดตัว แปรงฟัน สวมเสื้อนอนให้    ก็มาถึงการสวม pampers ที่ผมหยิบให้เธอสวมเอง    เพื่อฝึกใช้มือและขยับขา     จนเมื่อเธอสวมได้และยกขึ้นมาครึ่งน่อง ผมจะเข้าไปช่วยยก pampers ให้ขึ้นมากระชับสะโพก   ต่อด้วยการสวมเสื้อกันหนาวแขนยาวโดยเธอนั่งให้ผมสวมให้    เมื่อลุกขึ้นผมบอกว่า ให้กอดฟรีหนึ่งที    เธอจะหัวเราะชอบใจและลุกขึ้นมากอดผมแน่น    พร้อมกับหอมหน้าอกผมด้วย    น่าจะเป็นช่วงที่เธอมีความสุขมาก 

ตามด้วยการพาขึ้นเตียงที่ค่อนข้างสูงสำหรับเธอ    ผมให้เธอขึ้นนั่งข้างเตียง แล้วผมอุ้มขึ้นนอน    และให้เธอขยับตัวเข้าไปด้านในกันนอนตกเตียง    พร้อมกับห่มผ้าให้ และแลกเปลี่ยนหอมคนละที    พร้อมกับเสียงร้อง “ชื่นใจ”  เพื่อให้เธอมีความสุข 

 

หลับดีไหม  มีความสุขไหม

นี่คือคำทักทายของผมทุกเช้า เมื่อเธอเดินออกมาเปิดประตูมุ้งลวดออกมาหน้าบ้าน ที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่    ตอนเวลาประมาณ ๗.๓๐ น.   จุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวก   แล้วก็ช่วยถอดเสื้อหนาวแขนยาวสำหรับนอนในห้องแอร์ออก    เพราะที่ระเบียงหน้าบ้านอากาศค่อนข้างร้อน

หลังจากนั้นบริกรก็นำแก้วน้ำเย็นใส่น้ำแข็ง ๒ ก้อนมาส่งให้   เพื่อให้ดื่มแล้วชื่นใจ   ตามด้วยไข่ต้ม ข้าวโพดต้ม และถั่วลิสงต้ม เป็นอาหารเช้า     เวลา ๘ น. เศษๆ กินยาเช้ากับนมเปรี้ยว    นมเปรี้ยวให้แบกทีเรียเสริมพลังจุลชีพในลำไส้   และช่วยระบายท้อง             

วิจารณ์ พานิช          

๓๐ มิ.ย. ๖๕ 

 

 

๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๕

๒๕ มิถุนายน

หมายเลขบันทึก: 703944เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2022 16:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2022 16:56 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท