ชีวิตที่พอเพียง 3504b. ควงสาวไปตากอากาศและตากอารมณ์ที่หาดเจ้าสำราญ : สู่การฟื้นอารมณ์ร่วม


ระหว่างทางทั้งขาไป และขากลับ เธอเล่นงานผมตลอดทาง ว่าต้องการไล่ผมออกจากบ้าน เพราะผมไม่ซื่อสัตย์กับเธอ ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ผมทั้งเหนื่อยจากการขับรถ และเหนื่อยใจ

ชีวิตที่พอเพียง  3504b. ควงสาวไปตากอากาศและตากอารมณ์ที่หาดเจ้าสำราญ : สู่การฟื้นอารมณ์ร่วม   

ผมเล่าเรื่องพาสาวน้อยไปนอนรับลมทะเลที่ชมทะเล รีสอร์ท หาดเจ้าสำราญ ที่ (๑), (๒), (๓) ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่สี่ที่สาวน้อยกับผมไปนอนที่นี่   และเป็นครั้งที่แทนที่จะเป็นการพักผ่อนของผม   กลับเป็นการไปตากอารมณ์ และฝึกทักษะทางสังคมและอารมณ์ที่โดนทดสอบอย่างหนัก    นี่คือวันที่ ๒๔สิงหาคม ๒๕๖๒   สามวันก่อนสาวน้อยมีอายุครบ ๗๖  

ที่จริงอาการระแวงและหลงผิด (delusion) ของสาวน้อยเริ่มมาก่อนหน้านี้ราวๆ สองสัปดาห์   เป็นๆ หายๆ สาระหลักคือเธอกล่าวหาว่าผมมีกิ๊ก   และออกปากไล่ให้ผมออกไปจากบ้าน   เพราะเธอทนไม่ได้ที่จะอยู่กับสามีหลายใจ ก่อนหน้าวันที่ ๒๔ สิงหาคม เธอออกปากไล่ผมสองครั้ง ห่างกันหนึ่งวัน   แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็ผ่อนโทษเป็นว่าให้อยู่ได้โดยจ่ายค่าเช่าเดือนละหนึ่งหมื่นบาท   

ผมปรึกษาหมอที่คุ้นเคยกันและเป็นหมอด้านประสาทวิทยา ด้านดูแลผู้สูงอายุที่มีอาการหลงผิด และด้านจิตเวช   ได้รับคำแนะนำว่าสามารถแก้ปัญหาได้สองแนวทาง  คือแนวทางให้ยา กับแนวทางไม่ให้ยา     หากจะให้ยาก็ใช้ยาด้านจิตเวช   เพื่อนของเธอคนหนึ่งถึงกับแนะนำชื่อยาและวิธีกิน    แต่เราก็รั้งรออยู่    จะลองใช้วิธีไม่ใช้ยาดูก่อน    คือผมหอบหิ้วเธอไปในที่ทำงานด้วย   

ต้นเหตุหนึ่งของอาการหลงผิดคือ ไอแพ็ด    เธอใช้ ไอแพ็ดของผมในการเล่น ไลน์กับเพื่อนๆ   และใช้ดูกำหนดการไปทำงานและประชุมของผมด้วย    ไม่ทรายว่าเธอดูตรงไหนจึงหลงผิดว่า  ผมไปทำวีซ่าอังกฤษพร้อมกับกิ๊ก    เธอจึงต้องการไปอังกฤษกับผมด้วย   ลูกสาวถึงกับจะยอมไปเป็นเพื่อนเพื่อพิสูจน์    แต่ทำไม่ได้เพราะการขอวีซ่าเข้าอังกฤษใช้เวลา๑๕ วันทำการ    ไม่ทันเสียแล้ว     เพราะผมจะไปวันที่ ๒๑ กันยายนนี้เอง   

เช้าวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๒ เราออกจากบ้านเวลา ๖ น. เพื่อเลี่ยงรถติดที่ถนนพระราม ๒ เพราะการสร้างและขยายถนน   ก่อนเข้าเพชรบุรี เธอก็อาละวาดเรื่องผมมีกิ๊กอีก   คราวนี้ใช้ถ้อยคำรุนแรงและแสดงอารมณ์รุนแรงมาก  ถึงกับใช้ถ้อยคำหยาบคายที่เธอไม่เคยพูด    และถึงกับพูดเรื่องความตาย    ผมกำลังขับรถด้วยความเร็ว ๑๑๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงเสียวมากว่าเธอจะเข้ามาแย่งหักพวงมาลัย    และเกิดอุบัติเหตุ

เธอบอกให้กลับบ้าน  ไม่ต้องการไปเที่ยวแล้ว    เธอยืนยันให้ผมขับรถกลับ ๓ ครั้ง     ผมบอกว่า ผมหิว ยังไม่ได้กินข้าวเช้า    ขอไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านใบตาลที่เพชรบุรีก่อน   ไปถึงร้านใบตาลเธอไม่ยอมลงไปกินอาหารเช้า    แต่หยิบเอาข้าวเหนียวปิ้งที่ซื้อมาจากปั๊มน้ำมัน ตอนแวะเข้าห้องน้ำมากินแทน   ผมจึงไปกินก๋วยเตี๋ยวคนเดียว   โชคดีที่เธอนั่งในรถ ไม่ลุกไปไหน

ผมแวะซื้อขนมหม้อแกงแม่กิมไล้เอามากินตามสูตร    เธอไม่ยอมกิน    และกล่าวคำกล่าวหาผมรุนแรงไปตลอดทาง     จนเมื่อไปถึงหาดเจ้าสำราญ    ผมขับรถพาไปเที่ยวชมบริเวณหาดเจ้าสำราญและบอกเธอว่า    พามาสถานที่ที่เธอชอบ    อารมณ์ของเธอจึงเย็นลง     ยิ่งเมื่อถึงชมทะเล รีสอร์ท และเราเข้าห้องพักได้ตั้งแต่ ๙ น. เศษ   สติของเธอก็กลับมา   และยอมรับว่าตนเองเพี้ยนไป   

เธอหลับไปราวๆ หนึ่งชั่วโมง    เมื่อตื่นขึ้นมาราวๆ ๑๑.๓๐ น.ก็ชวนผมไปกินอาหารเที่ยง   แล้วการกล่าวหาเรื่องกิ๊กก็กลับมาใหม่   ระหว่างนั่งรถไปกินอาหารเที่ยง เธอบอกว่า ไม่กินแล้ว ต้องการกลับบ้าน    และแวะไปบ้านกิ๊กของผม   ผมบอกว่าผมไม่มีกิ๊กจึงไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหน    เธอบอกว่าเธอจะบอกทางเอง     แต่ผมก็พาเธอไปกินอาหารเที่ยงที่ “เอกซีฟู้ด” จนได้    และสั่งข้าวผัดปู  กับตัมยำปลาเก๋า มากิน    อาจเพราะอาหารอร่อย    เธอจึงค่อยๆ เย็นลง    

ปลาเก๋าสดมาก  เนื่อนุ่มและเป็นมัดๆ อร่อยจริงๆ    ถามได้ความว่าตกได้จากบริเวณเขื่อนหินกันคลื่นใกล้ๆ ชายหาดนั่นเอง         

กลับมาถึงห้องพักเธอก็ลืมเรื่องกลับบ้านสนิท   และแสดงความรักผมเหมือนปกติ   เหมือนเธอไม่ได้โวยวายมาก่อน  

รีสอร์ท เงียบสงบ มีคนเข้าพักเพียง ๔ ห้องในจำนวนห้องที่มี ๑๐ ห้อง   ที่ร้านอาหารเอกซีฟู้ด มีเราเป็นลูกค้ารายแรกที่เข้าร้าน   และระหว่างที่เรากินมีลูกค้ามาอีกสองโต๊ะ  โต๊ะละสามสี่คน    ถามเจ้าของร้านได้ความว่าคนไปเที่ยวน้อยมา ๒ สัปดาห์แล้ว   อาจเพราะเศรษฐกิจไม่ดี และตอนนี้พยากรณ์อากาศว่าฝนจะตก พายุเข้า    นักท่องเที่ยวจึงน้อย    เจ้าหน้าที่รีสอร์ทบอกว่านักท่องเที่ยวมากช่วงเดือน ตุลาคม - มกราคม

บ่ายสองโมงครึ่ง  อุณหภูมิ ๓๐ องศา    ลมโชยเล็กน้อย    มีดนตรีเสียงคลื่นประกอบ    สาวน้อยอารมณ์ดี เราจึงออกมานอนเล่นที่เก้าอี้ผ้าใบหน้าห้อง    ได้บรรยากาศตากอากาศชายทะเล     หลังจากผมต้องตากอารมณ์ของสาวน้อยมาหลายยก 

แล้วผมลองไปนั่งที่ศาลาล้อเกวียนลองดูว่าลมโชยสบายดีไหม    พบว่าดีจึงชวนสาวน้อยไปนั่งเล่นรับลม    เธอเอาหนังสือพิมพ์ไปอ่าน ในขณะที่ผมอ่านหนังสือ Upheaval จาก iPad     สักครู่ฝนโปรยลงมา  เราจึงกลับเข้าห้อง     และเป็นโอกาสที่ผมจะได้ฝึก “therapeutic reflection” (ชื่อที่ผมตั้งเองในภายหลัง)    คือชวนสาวน้อยใคร่ครวญสะท้อนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงความคิดของเธอ    แบบเกิดๆ ดับๆ    ซึ่งเธอเองก็ไม่มั่นใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่สมองมันคิดหรือกุขึ้นเอง     เหตุการณ์ mutual reflection ของเราสองคนนี้น่าจะมีพลังมากทั้งต่อสาวน้อยและต่อผม   คือต่างก็เข้าใจตนเองดีขึ้นในเหตุการณ์ที่เราเรียกว่า “ความหลงผิด” (delusion) ของสาวน้อย ที่ผมก็มีส่วนเป็นสาเหตุ

นำผมไปสู่คำว่า self-reflection ที่เขาบอกว่า เป็นเครื่องมือหนึ่งของ CBT CognitiveBehavioral Therapy (4)    แต่เมื่ออ่านสาระของรายงานวิจัยนี้     ไม่ตรงกับ self-reflection ที่ผมอยากทำความเข้าใจ    เพราะเป็น self-reflection ของผู้เข้ารับการอบรมเป็นนักบำบัดด้วย CBT    ไม่ใช่ self-reflection ของผู้ป่วย  เพื่อบำบัดตนเอง    

ผมอยากเรียนรู้ทฤษฎีของวิธีบำบัดอาการหลงผิดด้วย  self-reflection ที่ผู้ป่วยเป็นผู้ทำ reflection    เหมือนกับที่ผม facilitate ให้สาวน้อยทำ ในช่วงเวลาราวๆ ๑๖.๓๐ - ๑๗.๓๐ น. วันนี้   ในที่สุดผมก็ค้นพบบทความวิชาการ Self-reflection in illness and health : literal and metaphorical? (5)    และได้จังหวะออกไปนั่งอ่านบทความนี้ตอนทุ่มเศษๆที่ลานริมทะเล    ท่ามกลางลมพัดเอื่อยๆและเสียงคลื่น    ได้ทั้งความรู้และสุนทรียของธรรมชาติ

บทความนี้เน้นที่การรู้จักตนเอง (insight)    และการตระหนักตน (self-awareness)    และบอกว่าส่วนของสมองที่ทำหน้าที่นี้อยู่ที่สมองส่วนหน้าตรงเส้นกึ่งกลาง    ที่เรียกว่า CMS Cortical Midline System    ผมอ่านบทความนี้เสร็จคร่าวๆในคืนวันที่ ๒๔   และพบว่าเขามอง self-reflection เป็นกลไกตามปกติของสมอง    ไม่ได้สนใจ self-reflectionในฐานะเครื่องมือเพื่อการบำบัดอย่างที่ผมสนใจ 

ผมค้นต่อ และพบบทความ The cognitive neuropsychiatry of delusional belief (6)    บทความทบทวนความรู้ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2010    และให้อ่านเฉพาะบทคัดย่อ   

๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๒   

ผมตื่น ๕ น.    ออกไปนั่งอ่านเรื่อง delusionใน วิกิพีเดีย (7) ที่ระเบียงหน้าห้องพัก     ท่ามกลางเสียงหรีดไพเราะของจิ้งหรีดอยู่ใกล้ๆ    และเสียงคลื่นอยู่ไกลๆ    สาระใน (7)  นำผมสู่เว็บไซต์ของอาการหลงผิดชนิด delusional jealousy หรือ pathological jealousy (8)    

เราต้มน้ำ แล้วสาวน้อยบริการชงกาแฟ     ดื่มเสร็จก็ออกไปเดินเล่นนั่งเล่นที่ระเบียงริมทะล    ที่ลมโชยสดชื่น    และมีฝูงนกอพยพบินจากน่านฟ้าในทะเลเข้าฝั่งฝูงแล้วฝูงเล่า     ให้ชีวิตชีวายิ่ง      สาวน้อยบอกว่านั่งนานเท่าไรก็ไม่เบื่อ    แต่ผมก็ชวนเธอเดินไปที่ชายหาดพร้อมถุงกระดาษสำหรับเก็บหินและหอย    ได้มาเกือบครึ่งถุง     ช่วงนี้น้ำลง หาดทรายกว้าง  และมีหินและเปลือกหอยให้เลือกมากมาย    แต่คนแก่อย่างผมนึกถึงชายหาดสมัย ๖๐ - ๗๐ ปีก่อน มีเปลือกหอยหลากชนิดกว่ามาก   ที่มีชีวิตชีวากว่ามากมายคือปูลมและปูเสฉวน    ซึ่งที่ชายหาดนี้ไม่เห็นเลย   

ตอนเดินกลับรีสอร์ทเราเดินผ่านหาดทรายด้านบน มีต้นผักบุ้งทะเลออกดอกสวยงาม  

หลังอาหารเช้า เรานั่งพักผ่อนตากแอร์ในห้อง    เพราะหลัง ๙ น.ไอแดดก็เริ่มออกฤทธิ์   สาวน้อยเริ่มออกอาการอีก   ว่าต้องการให้ผมพาไปพูดกับกิ๊กให้รู้เรื่อง    โดยเธอรู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน   มีการจับแพะชนแกะว่าบ้านของเขาอยู่ที่โน่นที่นี้   ผมเคยพาเธอไป    ผมต้องค้น บล็อก เอารูปให้ดู    ว่าที่เธอคิดว่าเป็นบ้านกิ๊ก (ที่เธอตั้ง)ของผมนั้น เป็นโรงแรมที่อัมพวา    จนเธอเย็นลง

เราออกไปนั่งที่ศาลาล้อเกวียนรับลมที่พัดมาจากทะเล    จนราวๆ ๑๐.๓๐ น.เธอก็ชวนกลับ   โดยผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน   ระหว่างทางเธอเล่นงานผมตลอดทาง   ว่าต้องการไล่ผมออกจากบ้าน    เพราะผมไม่ซื่อสัตย์กับเธอ  ฯลฯ ฯลฯ  ฯลฯ    ผมทั้งเหนื่อยจากการขับรถ    และเหนื่อยใจ

กลับถึงบ้านเกือบบ่ายสองโมง    ผมบอกลูกสาว (ต้อง) ว่า มีทางขอวีซ่าอังกฤษแบบด่วนยอมเสียเงินมาก    ให้ต้องไปเป็นเพื่อนแม่ที่อังกฤษ ระหว่างที่ผมไปประชุม วันที่ ๒๑ - ๒๖ กันยายน   ต้องรับไปดำเนินการด่วน     อาการ delusion ของสาวน้อยหายเป็นปลิดทิ้ง    พนมมือขอโทษผมเป็นระวิง     พร้อมกับบอกว่า ต่อไปจะไม่อาละวาดอีกแล้ว      

ต่อมาอีกสองชั่วโมง ผมถามเธอว่า มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ว่าต่อไปจะไม่อาละวาดเรื่องกิ๊กอีกแล้วใช่ไหม    เธอตอบว่า มั่นใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์     แม้สมองเสื่อม เธอก็ยังฉลาดนะครับ    

วิจารณ์ พานิช

๒๕ ส.ค. ๖๒

เพิ่มเติมค่ำวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๒

          จากการที่ต้องไปดำเนินการเตรียมไปทำวีซ่าให้แม่และตนเอง     เพื่อพาแม่ไปเที่ยวลอนดอนระหว่างวันที่ ๒๑ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๒ พร้อมกับที่พ่อไปประชุม   สาวน้อยก็อารมณ์ดี  และเชื่อในความจริงใจของผมมากขึ้น

            เป็นโอกาสให้ผมได้ทบทวนกับเธอว่า  ระหว่างที่ผมขับรถไปเพชรบุรีเมื่อวานนี้กับขับรถกลับบ้านในวันนี้   เธออาละวาดต่อผมอย่างไรบ้าง   ผมบอกเธอว่า ผมเหนื่อยมากที่ระหว่างขับรถที่ต้องมีสมาธิระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ    แล้วยังต้องรองรับอารมณ์และการกล่าวหาของเธอ   ทำให้ผมกังวลมากว่าผมจะเสียสมาธิและเกิดอุบัติเหตุขึ้น     เธอกล่าวขอโทษอย่างจริงจังและเข้ามากราบ

           ผมถามเธอว่า จำได้ไหมว่าเมื่อวานตอนผมขับรถไปเพชรบุรีเธอบอกให้ผมขับกลับบ้านกี่ครั้ง    เธอบอกว่าจำไม่ได้    ผมจึงบอกว่าสามครั้ง  และบอกว่าตอนไหนบ้าง    โดยสิ่งที่ทำให้เธอโกรธคือความคิดว่าผมไปทำวีซ่าให้กิ๊กเพื่อพาไปลอนดอน   

         ผมบอกเธอว่าขากลับ ข้อกล่าวหาเปลี่ยนเป็นเอาเงินไปซื้อตั๋วเครื่องบินพากิ๊กไปลอนดอน    โดยไม่มีหลักฐานใดๆ เลย     เป็นสิ่งที่สมองของเธอสร้างขึ้นเอง     เธอขอโทษ ว่าจะไม่ทำอีก แต่ก็มีสีหน้างงๆ  เมื่อผมบอกว่า สิ่งที่เธอรู้สึกนั้น มันสร้างขึ้นเองในสมองโดยไม่มีเหตุการณ์จริง     เธอจึงต้องมีสติพิจารณาว่าความคิดที่ผุดขึ้นในสมองเรื่องไหนเชื่อได้ เรื่องไหนต้องตรวจสอบก่อน    โดยหากเป็นเรื่องของผม ให้ปรึกษาลูกๆ   

       ตอนค่ำหลังอาหาร เธอมาทบทวนกับผมว่า    ที่ผมบอกเธอนั้น เธอเข้าใจไม่ชัด   ขอให้อธิบาย     ผมจึงอธิบายเรื่องการที่สมองได้ยินเสียงเป็นเรื่องเป็นราวที่เรียกว่า auditory hallucination    และการที่สมองรับรู้เรื่องราวที่ไม่ได้เกิดจริง     จึงพูดอยู่คนเดียว โต้ตอบเป็นเรื่องเป็นราวคล้ายมีคู่สนทนา     อย่างในหนังเรื่อง A Beautiful Mind    ที่พระเอกในเรื่องคือ John Nash (ผู้คิดทฤษฎีเกมสมัยเรียนปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ และต่อมาวิกลจริต) คุยกับเพื่อน (ที่ไม่มีตัวตน) เป็นตุเป็นตะ    ในเรื่องราวที่ดำเนินต่อเนื่องหลายปี    จนในที่สุดได้สติเอะใจว่าหลานสาวที่เพื่อนจูงมาด้วยนั้น ยังตัวเล็กเท่าเด็ก ๕ ขวบเสมอมา     จึงรู้ตัวว่าเรื่องราวที่ตนเห็นและได้ยินนั้น ไม่มีจริง   จึงหายบ้า    และได้รับรางวัลโนเบลในที่สุด   

        เธอหัวเราะชอบใจ และถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า เรื่องไหนเกิดขึ้นจริง  เรื่องไหนสมองคิดไปเอง     ผมบอกว่า ให้หมั่นออกกำลังสมอง โดยการฝึกสติ   และออกกำลังกายเพื่อเป็นการบำรุงสมอง    และหากสงสัยเรื่องใดว่าเกิดจากสมองกุขึ้นหรือไม่ ให้ปรึกษาลูก    เธอบอกว่าจะหมั่นฝึกสมอง  

วิจารณ์ พานิช

๒๑.๑๒ น.   ๒๕ ส.ค. ๖๒


 

๑ ในชมทะเล รีสอร์ท ยามอารมณ์ดี

๒ อารมณ์ดีอีกยาม

๓ เดินเก็บก้อนหินชายหาดยามเย็น

๔ อารมณ์ดีที่ชายหาด

๕ เดินได้ไกล

๖ อารมณ์ดียามเช้าตรู่

๗ ที่ลานริมทะเล

๘ เก็บเปลือกหอยที่ชายหาดยามเช้า

๙ ท่าเดินเก็บเปลือกหอย

๑๐ ชอบดอกผักบุ้งทะเล

๑๑ นกกระยาง

๑๒ นกอพยพบินมาฝูงแล้วฝูงเล่า

๑๓ บัวชมพูเหลือง

๑๔ บัวชมพูเหลือง ๒

๑๕ บัวม่วงเหลือง

๑๖ ดอกผักบุ้งทะเล

หมายเลขบันทึก: 666486เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2019 18:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 สิงหาคม 2019 21:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อาจารย์เขียนเรื่องเล่าได้ดีมากเลยค่ะ ขอให้อาจารย์สาวน้อยหายไวไวนะคะ สรุปอาจารย์สาวน้อยไปอังกฤษกับอาจารย์ไหมคะ

ชีวิต.. คือ.. ละคร.. ที่ผู้เล่น.. มีเวทีแสดง.. กัน.. ตลอดชีวิต.. นะเจ้าคะ.. ขอให้ มีความสุข.. กับบทบาท.. ทุกตอน.. ด้วย สมาธิ.. แล.ปัญญา.. ที่บังเกิด… (ยายธีเจ้าค่ะ)..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท