ชีวิตที่พอเพียง 3716. อยู่กับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม (๑๔) บันทึกเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓



ผมเล่าเรื่องชีวิตยามสมองเสื่อมของสาวน้อยเป็นระยะๆ () () (๓)  (๔)  (๕)  (๖)   (๗)   (๘)   (๙)   (๑๐)   (๑๑)    (๑๒)   ๑๓    เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์กับท่านผู้อื่นที่ต้องเผชิญสภาพคล้ายๆ กัน ที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น  

ช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓    เป็นช่วงบรรยากาศสถานการณ์โควิด ๑๙ เริ่มผ่อนคลาย    และผมอยู่บ้านตลอด แทบไม่ได้ออกไปประชุมนอกบ้านเลย    เป็นที่ชื่นชอบของสาวน้อยยิ่งนัก  

เดินช้าลง ก้าวสั้นลง 

นี่คืออาการของภาวะน้ำคั่งในสมอง ที่เรียกว่า Normal Pressure Hydrocephalus (NPH) ซึ่งผ่าตัดใส่ท่อระบายไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ (ก)    ทำให้อาการดีขึ้นมาก   

ช่วงราวๆ ๑ เดือนมานี้สังเกตว่าการเดินช้าลง ยกขาได้น้อย และก้าวสั้น    แต่การทรงตัวดี     

   

พูดตะกุกตะกักมากขึ้น

นี่ก็อาการของ NPH    แต่เกิดไม่บ่อย    นึกคำธรรมดาๆ ไม่ออก    ตะกุกตะกักอยู่นาน    ผมต้องช่วยเดา หากเดาถูกเธอจะหัวเราะ    นอกจากนั้นยังหลงคำบ่อยขึ้น    ช่วงนี้ผมไปซื้อมะม่วงจากตลาดมาให้เธอ (และผม) กิน    มีมะม่วงสุกอยู่ในตู้เย็นตลอดเวลา     เป็นผลไม้โปรดของเธอ(และผม) อย่างหนึ่ง     แต่ที่โปรดยิ่งกว่าคือทุเรียน    คนที่ซื้อมาให้คือลูกชาย    พอนึกถึงทุเรียนมากๆ เธอก็เรียกมะม่วงเป็นทุเรียน    แต่ทุเรียนมันแพง เราจึงยังไม่ได้ซื้อกินเองเลย   

วันหนึ่งผมบอกเธอให้ปอกทุเรียนให้    เธอตาโต ถามว่าอยู่ที่ไหน    ผมหยิงมะม่วงชูให้ดู    เธอหัวเราะชอบใจ รู้ว่าผมล้อเล่น  

หลงลืมมากขึ้น

วันนี้วันอะไร    วันนี้วันที่เท่าไร    วันนี้พี่วิจารณ์ไปไหน    กินข้าวหรือยัง    กินยาหรือยัง    เป็นคำถามประจำวันของเธอ    บ่อยครั้งถามซ้ำหลังถามแล้ว ๕ - ๑๐ นาที     เมื่อผมตอบบางครั้งเธอหัวเราะ ว่าทำไมผมจึงความจำดีนัก  

ฟังข่าวแล้วตีความผิด

แต่ละวันเธอดูทีวี ไม่ต่ำกว่า ๕ - ๖ ชั่วโมง     เพราะไม่มีอะไรทำ     รายการที่ดูมากที่สุดคือโฆษณาสินค้า     คงเพราะผู้ดำเนินรายการพูดเก่งเสียงดังฟังชัด    เหมาะแก่คนหูตึง    แต่แปลกมาก เธอดูรายการโฆษณาสินค้าแบบเอาเป็นเพื่อนมากกว่า ดูเพื่อสาระ    เธอไม่เคยเอ่ยอยากได้สินค้าที่เขาโฆษณาเลย   

แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอโวยวายว่าจะเข้ายุคข้าวยากหมากแพง     ให้ผมซื้อข้าวตุนไว้     รวมทั้งบอกลูกด้วย    เรื่องจับประเด็นผิดจากข่าวมีนานๆ ครั้ง      

ความเป็นเด็กชัดเจนขึ้น 

นี่คือข้อสังเกตของผม ถูกหรือผิดก็ไม่ทราบ   

เนื่องจากสมองของเธอเสื่อม    พฤติกรรมหลายอย่างจึงกลับไปคล้ายเด็ก     คือการกำกับตัวเองทำได้น้อยลง     วางของไม่เป็นที่    ตู้เสื้อผ้ากระจุยกระจาย ไม่แขวนหรือพับไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ให้หยิบง่าย    แต่อาการนี้เป็นมาเกือบสิบปีแล้ว     ก่อนที่เราจะรู้ว่าเธอสมองเสื่อมด้วยซ้ำ 

ความเป็นเด็กอย่างหนึ่งคือ ความต้องการความรู้สึกปลอดภัย  โดยมีคนที่ตนไว้วางใจอยู่ด้วย     กลางคืนผมจะต้องยื่นแขนให้เธอกอดจนหลับไป    และวิกฤติโควิด ๑๙ ทำให้ผมอยู่บ้านเกือบจะตลอดเวลา ทำให้เธอชอบมาก  

สมองส่วนรับรู้ความอิ่มน่าจะเสื่อม    เธอจึงกินจุบจิบตลอดเวลา ทำให้อ้วน    พุงโตขึ้นมาก  


สวมรองเท้าเองไม่ได้

เดือนที่แล้ว ผมเล่าว่าเธอกลับมาสวมรองเท้าเองได้    ตอนนี้สวมไม่ได้อีกแล้ว เพราะพุงใหญ่ค้ำทำให้ก้มตัวไม่ลง     การก้มตัวลงเก็บของที่พื้นทำยากมาก   แต่ก็มีบางวันที่สวมได้  

ภารกิจของ Care Giver

ที่จริงเธอยังอยู่ในสภาพช่วยตัวเองได้ 90%   แถมยังปรนนิบัติสามีได้ด้วย    และเป็นกิจกรรมที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข     ผมจึงจับจุดหรือจับเส้น    เอามาใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาสมองเสียเลย   

  • ช่วยให้ได้ฝึกสมอง    การฝึกสมองที่ดีที่สุดคือการทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำได้และทำแล้วมีความสุขความภูมิใจ    ผมเป็นคนมีบุญที่ได้ภรรยาที่ชอบเอาใจใส่สามีมาแต่ไหนแต่ไร    ช่วงนี้เป็นหน้าผลไม้    ผมจึงมีหน้าที่เดินไปที่ตลาดหมู่บ้านเอื้ออาทร ที่อยู่ห่างออกไปราวๆ ๕๐๐ เมตร (ได้เดินอออกกำลังด้วย) ไปซื้อผลไม้  เช่น มะม่วง  เงาะ  มังคุด    สองสามวันไปครั้งหนึ่ง    แล้วเธอจะคอยทำหน้าที่ปอกผลไม้เอามาให้ผมกินตอนประชุมทางไกล    ผมหวังว่าการปอกผลไม้ น่าจะช่วยกระตุ้นสมองได้บ้าง ช่วยชะลอความเสื่อม 
  • คอยเก็บขยะไปทิ้ง     คนสมองเสื่อมจะไม่ค่อยตระหนักในความเป็นระเบียบและความสะอาด    มักทิ้งขยะไม่เป็นที่และไม่เอาออกจากบ้าน     เป็นแหล่งดึงดูดหนูและแมลงสาบ    ผมต้องคอยเอาขยะไปทั้งตอนค่ำ     เพื่อรักษาความสะอาดของบ้าน
  • พนักงานเทกระโถน     หน้าที่นี้ทำนานๆ ครั้ง  เดือนละสองสามครั้งเท่านั้น    เพราะส่วนใหญ่เมื่อตื่นตอนเช้าเธอจะทำเอง    โดยตรงข้างเตียงนอนมีกระโถนที่มีลักษณะคล้ายโถส้วมวางอยู่ มีฝาปิดอย่างดี    เธอต้องลุกขึ้นมาฉี่คืนละ ๑ - ๒ ครั้ง     และอาจอึด้วยเดือนละสองสามครั้ง     เมื่อตื่นขึ้นมาตอนสายเธอจะเอาไปเทเอง และล้างโถเอง     แต่ก็มีบางครั้งที่ลืม    care giver ก็จะนำหน้าที่เอากระโถนไปเท    และบางครั้งก็ต้องเอาทั้งชุดไปล้างและตากแดด    เพราะเธอฉี่กระเด็นออกมานอกกระโถนเป็นครั้งคราว  
  • ช่วยอาบน้ำ เช็ดตัว สวมชุดนอน และกอด ก่อนเข้านอนก่อนสามทุ่ม    ได้เล่าในบันทึกที่แล้ว
  • เป็นเพื่อนคุย    ที่จริงนี้ก็เป็นยาบำบัดสมองเสื่อมที่ดีอีกอย่างหนึ่ง     เป็นภารกิจที่ care giver อย่างผมทำได้ไม่ดี    ด้วยเหตุผล ๓ ประการคือ  (๑) เธอหูตึงขึ้นเรื่อยๆ ต้องพูดเสียงดังมาก และต้องให้เห็นปาก   (๒) ผมเป็นคนชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ อ่านหนังสือ หรือเขียนบันทึก  (๓) ความสนใจของเราแตกต่างกันแบบสุดขั้ว       ผมขอแนะนำผู้ที่ต้องการหา care giver ให้แก่บุพการี ว่าควรหาคนที่ช่างพูดช่างคุย  และรักคนแก่    นอกเหนือจากความเป็นคนฝึกได้ เรียนรู้ได้  
  • ทำซ้ำๆ    คนสมองเสื่อมจะมีอาการย้ำคิดย้ำทำ    ยิ่งสาวน้อยมีอาการหลงผิดเรื่องผมมีกิ๊ก    เธอจะเอ่ยทุกครั้งตอนเดินออกกำลังตอนเย็น ว่ากิ๊กไปไหน    ผมจะตอบว่า “อยู่นี่” แล้วชี้ที่ตัวเธอ    เธอจะหัวเราะกิ๊กทุกครั้ง แบบเด็กๆ    เพราะสมองของเธอกลับไปคล้ายสมองเด็ก    และต้องการพฤติกรรมซ้ำๆ เพื่อยืนยันสมองส่วนที่ไม่ต้องออกกำลัง ว่ายังทำงานได้ดี    ต้องไม่เบื่อที่จะพูดซ้ำๆ  ตอบคำถามซ้ำๆ  หรือทำบางเรื่องซ้ำๆ  
  • พาไปเดินออกกำลัง ตอนใกล้ค่ำ     
  • นอนให้กอดแขน    คู่สามีภรรยาสูงอายุมักนอนแยกกัน    ส่วนใหญ่เพราะภรรยาทนเสียงกรนของสามีไม่ได้    แต่กรณีของสาวน้อยตรงกันข้าม          

วิจารณ์ พานิช

๒๕ พ.ค. ๖๓



หมายเลขบันทึก: 677942เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2020 18:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2020 18:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อาจารย์เป็น Family man & care giver ที่ดีมากๆเลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท