ผมเล่าเรื่องชีวิตยามสมองเสื่อมของสาวน้อยเป็นระยะๆ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) ๑๓ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์กับท่านผู้อื่นที่ต้องเผชิญสภาพคล้ายๆ กัน ที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น
ช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นช่วงบรรยากาศสถานการณ์โควิด ๑๙ เริ่มผ่อนคลาย และผมอยู่บ้านตลอด แทบไม่ได้ออกไปประชุมนอกบ้านเลย เป็นที่ชื่นชอบของสาวน้อยยิ่งนัก
เดินช้าลง ก้าวสั้นลง
นี่คืออาการของภาวะน้ำคั่งในสมอง ที่เรียกว่า Normal Pressure Hydrocephalus (NPH) ซึ่งผ่าตัดใส่ท่อระบายไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ (ก) ทำให้อาการดีขึ้นมาก
ช่วงราวๆ ๑ เดือนมานี้สังเกตว่าการเดินช้าลง ยกขาได้น้อย และก้าวสั้น แต่การทรงตัวดี
พูดตะกุกตะกักมากขึ้น
นี่ก็อาการของ NPH แต่เกิดไม่บ่อย นึกคำธรรมดาๆ ไม่ออก ตะกุกตะกักอยู่นาน ผมต้องช่วยเดา หากเดาถูกเธอจะหัวเราะ นอกจากนั้นยังหลงคำบ่อยขึ้น ช่วงนี้ผมไปซื้อมะม่วงจากตลาดมาให้เธอ (และผม) กิน มีมะม่วงสุกอยู่ในตู้เย็นตลอดเวลา เป็นผลไม้โปรดของเธอ(และผม) อย่างหนึ่ง แต่ที่โปรดยิ่งกว่าคือทุเรียน คนที่ซื้อมาให้คือลูกชาย พอนึกถึงทุเรียนมากๆ เธอก็เรียกมะม่วงเป็นทุเรียน แต่ทุเรียนมันแพง เราจึงยังไม่ได้ซื้อกินเองเลย
วันหนึ่งผมบอกเธอให้ปอกทุเรียนให้ เธอตาโต ถามว่าอยู่ที่ไหน ผมหยิงมะม่วงชูให้ดู เธอหัวเราะชอบใจ รู้ว่าผมล้อเล่น
หลงลืมมากขึ้น
วันนี้วันอะไร วันนี้วันที่เท่าไร วันนี้พี่วิจารณ์ไปไหน กินข้าวหรือยัง กินยาหรือยัง เป็นคำถามประจำวันของเธอ บ่อยครั้งถามซ้ำหลังถามแล้ว ๕ - ๑๐ นาที เมื่อผมตอบบางครั้งเธอหัวเราะ ว่าทำไมผมจึงความจำดีนัก
ฟังข่าวแล้วตีความผิด
แต่ละวันเธอดูทีวี ไม่ต่ำกว่า ๕ - ๖ ชั่วโมง เพราะไม่มีอะไรทำ รายการที่ดูมากที่สุดคือโฆษณาสินค้า คงเพราะผู้ดำเนินรายการพูดเก่งเสียงดังฟังชัด เหมาะแก่คนหูตึง แต่แปลกมาก เธอดูรายการโฆษณาสินค้าแบบเอาเป็นเพื่อนมากกว่า ดูเพื่อสาระ เธอไม่เคยเอ่ยอยากได้สินค้าที่เขาโฆษณาเลย
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอโวยวายว่าจะเข้ายุคข้าวยากหมากแพง ให้ผมซื้อข้าวตุนไว้ รวมทั้งบอกลูกด้วย เรื่องจับประเด็นผิดจากข่าวมีนานๆ ครั้ง
ความเป็นเด็กชัดเจนขึ้น
นี่คือข้อสังเกตของผม ถูกหรือผิดก็ไม่ทราบ
เนื่องจากสมองของเธอเสื่อม พฤติกรรมหลายอย่างจึงกลับไปคล้ายเด็ก คือการกำกับตัวเองทำได้น้อยลง วางของไม่เป็นที่ ตู้เสื้อผ้ากระจุยกระจาย ไม่แขวนหรือพับไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ให้หยิบง่าย แต่อาการนี้เป็นมาเกือบสิบปีแล้ว ก่อนที่เราจะรู้ว่าเธอสมองเสื่อมด้วยซ้ำ
ความเป็นเด็กอย่างหนึ่งคือ ความต้องการความรู้สึกปลอดภัย โดยมีคนที่ตนไว้วางใจอยู่ด้วย กลางคืนผมจะต้องยื่นแขนให้เธอกอดจนหลับไป และวิกฤติโควิด ๑๙ ทำให้ผมอยู่บ้านเกือบจะตลอดเวลา ทำให้เธอชอบมาก
สมองส่วนรับรู้ความอิ่มน่าจะเสื่อม เธอจึงกินจุบจิบตลอดเวลา ทำให้อ้วน พุงโตขึ้นมาก
สวมรองเท้าเองไม่ได้
เดือนที่แล้ว ผมเล่าว่าเธอกลับมาสวมรองเท้าเองได้ ตอนนี้สวมไม่ได้อีกแล้ว เพราะพุงใหญ่ค้ำทำให้ก้มตัวไม่ลง การก้มตัวลงเก็บของที่พื้นทำยากมาก แต่ก็มีบางวันที่สวมได้
ภารกิจของ Care Giver
ที่จริงเธอยังอยู่ในสภาพช่วยตัวเองได้ 90% แถมยังปรนนิบัติสามีได้ด้วย และเป็นกิจกรรมที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข ผมจึงจับจุดหรือจับเส้น เอามาใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาสมองเสียเลย
วิจารณ์ พานิช
๒๕ พ.ค. ๖๓
อาจารย์เป็น Family man & care giver ที่ดีมากๆเลยค่ะ