อนุทินล่าสุด


วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๓. สู่เทศกาลทำไร่ทำนา วันแรกนาขวัญ ๒๕๕๗

                                 



ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๖๒. แจกันน้ำ สำหรับมุมนั่งทำงานกลุ่ม รับแขก และมุมรื่นรมย์หน้าร้อน

                                      

                                      

                                      

                                      

                                      



ความเห็น (5)

อาจารย์เปลี่ยนทรงผม หาเกือบไม่เจอแน่ะค่ะ ___

น่านั่งจริงๆ ครับ หนา นุ่ม ชุ่มชื่นใจ

อาจารย์หายไปนานมาก

ชอบใจแจกันน้ำ

ในภาพที่ไหนครับ

ใต้ถุนบ้านอาจารย์ใช่ไหมคะ ภาวะน่าสบาย
ทรงผมใหม่ของอาจารย์ดูสักไม่เกิน ๔๕ นะคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๖๑. ตัวอย่างเครื่องมือคำถามถอดบทเรียนและทำ Reflection สะท้อนกลับสู่วงจรไปฏิบัติในชีวิตและการงาน

                                     

ยกตัวอย่างให้เครือข่ายโรงพยาบาลสร้าง เพื่อใช้กระบวนการถอดบทเรียน ค่อยๆยกระดับการทำกิจกรรม และสร้างความลึกซึ้ง ทำให้กิจกรรมเท่าที่มีอยู่ตามเป็นจริง ค่อยๆได้รับการเรียนรู้ แล้วก็ยกระดับเข้าสู่ความเป็นยุทธศาสตร์ คืบหน้าไปเรื่อยๆ



ความเห็น (1)

เดี๋ยวหนูจะหาโอกาสเอาไปลองใช้ดูนะคะ ขอบคุณค่ะอาจารย์

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๖๐. หน้าร้อนแล้งแต่ใบไม้กลับแตกใบและอากาศหนาวเย็น

ช่วงนี้ไปจนถึงเดือนเมษายนและพฤษภาคม โดยปรกติแล้วจะเป็นหน้าร้อนแล้ง ที่เชียงใหม่และทางเหนือนั้น ภูเขา แมกไม้ และไร่นา ในหน้านี้ แลไปทางไหนก็จะดูเป็นสีน้ำตาลหม่น ร้อนและแล้ง แต่ปีนี้พอเริ่มย่างเข้าหน้าร้อน ก็มีพายุฝนติดต่อกัน ๒-๓ ครั้ง ต้นไม้ที่กำลังทิ้งใบแห้งกรอบ ก็เลยผลิใบอ่อนออกมาอย่างกับย่างเข้าสู่ฤดูฝน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาอากาศกลางคืนก็เย็นกระทั่งออกจะหนาว ถึงกับต้องนอนห่มผ้าเลยทีเดียว 




ความเห็น (1)

ใช่เลยครับ ท่านพี่ ;)...

โดยเฉพาะคนนอนคนเดียว ;)...

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๙. เวทีค้นหาประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อท้องถิ่นและแนวคิดการพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดลอำนาจเจริญ

วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นคร เหมะ รองธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ดูแลโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี นครสวรรค์ และอำนาจเจริญ กับผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญและเครือข่ายผู้นำของท้องถิ่น มีแนวคิดมุ่งหาแนวทางสร้างความเป็นมหาวิทยาลัยที่จะเป็นกำลังในการสร้างคน วิจัย พัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยี รวมทั้งให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ที่มีความเชื่อมโยงกลมกลืนกับท้องถิ่นในภูมิภาค และสนองตอบต่อการพัฒนาประเทศในบริบทใหม่ๆของโลกที่มุ่งให้ประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ที่นำเสนอขึ้นจากท้องถิ่นเป็นลำดับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินงานของมหาวิทยาลัย จึงได้หารือกัน ไปคุยกันในสื่อและเวทีสาธารณะต่างๆ แล้วก็มาชวนผมไปนำทีมคณาจารย์และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย จัดกระบวนการระดมความคิดและการค้นหาวิสัยทัศน์และแนวยุทธศาสตร์กับเครือข่ายผู้นำสาขาต่างๆของจังหวัดอำนาจเจริญ จากนั้น ก็จะนำเสนอเพื่อการปรับปรุงและรับฟังข้อชี้แนะ จากท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี และคณะผู้ทรงคุณวุฒิที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัย นำมาปรับปรุงแล้วก็นำเสนอต่อคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นลำดับต่อไป ทางทีมวิจัย คณาจารย์ และคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมหิดลอำนาจเจริญ ได้ทำงานกับพื้นที่และทำงานข้อมูล ตลอดจนพัฒนายุทธศาสตร์ต่างๆมาอย่างต่อเนื่องมากพอสมควรแล้ว กระนั้นก็ตาม ในวันที่จัดเวทีระดมความคิด ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ นี้ ผมก็อยากจะขอเชิญชวนสื่อ และเครือข่ายบล๊อกเกอร์ Gotoknow ที่เป็นคนในจังหวัดอำนาจเจริญและใกล้เคียง ที่จะสามารถเดินทางไปร่วมเวทีได้สะดวก ไปร่วมเป็นสังเกตการณ์ ให้เสียงสะท้อน ให้ข้อมูล ให้ข้อสังเกต และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการระดมความคิดของเวทีด้วยความยินดียิ่งนะครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๘. เลยได้บินวีไอพีราวกับมีเครื่องบินส่วนตัว

วันนี้ผมสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของนักศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวรเสร็จ ก็ออกจากพิษณุโลกกลับเชียงใหม่โดยสายการบินกานต์แอร์ซึ่งมีอยู่สายการบินเดียวและมีเที่ยวเดียวในตอนเย็นของแต่ละวัน ก่อนตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่องประมาณสองชั่วโมง พนักงานของสายการบินก็ประสานงานเพื่อให้ผมยืนยันการเดินทาง พอผมจะเลือกที่นั่ง พนักงานก็บอกว่าเลือกได้ตามสบายเลยเพราะผู้โดยสารวันนี้มี ๒ คน ผมเลยขอนั่งที่นั่งเดิมคือที่นั่งติดกับด้านหลังกัปตัน 

เมื่อขึ้นเครื่อง ก็มีผู้โดยสารมาเพิ่มอีก ๑ คน ระหว่างเดินขึ้นเครื่อง พนักงานต้อนรับ ๓ คนรวมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินอีก ๑ คนก็เป็นกลุ่มใหญ่กว่าผู้โดยสารทั้งหมด ๓ คนแล้ว ผู้โดยสารอีก ๒ ท่านเป็นสุภาพสตรี ท่านหนึ่งนั้นผมคุ้นหน้ามากอย่างยิ่ง เหมือนว่าจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย 

ผมและผู้โดยสารอีกสองท่านเลยได้รับการต้อนรับอย่างดีแทบจะ ๑ ต่อ ๑ เดินคุยกันเหมือนคนคุ้นเคยเดินสนทนากันขึ้นเครื่องบินส่วนตัว พอไปถึงเครื่องบิน กัปตันทั้งสองท่านก็มองลงมาจากห้องเครื่องและกล่าวสวัสดีทักทายผมกับผู้โดยสารสุภาพสตรีอีก ๒ ท่าน เลยก็เป็นเที่ยวบินที่ได้ความเฉพาะ ราวกับเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวก็ไม่ปาน



ความเห็น (2)

อาจารย์บรรยายจนนึกภาพออกและออกอาการอิจฉา ฮิ ฮิ

อาจารย์คะ  มีแววว่า..."มหาเศรษฐี"...แน่นอนเลย  อิ อิ

รวยเพื่อน  รวยกัลยาณมิตร  รวยความรู้

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๗. ฝนตกบนฟ้า มองผืนดินและฟ้ากว้างสุดสายตา จากสายตาของกัปตันเครื่องบิน

ผมไปสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของนักศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร เดินทางโดยสายการบินกานต์แอร์ที่ผมไม่เคยทราบเลยว่ามีสายการบินนี้ ยิ่งพอเห็นเครื่องบิน เมื่อเทียบกับเครื่องบินโดยสารทั่วไปแล้ว ก็ดูเล็กไปถนัดตา แต่พอได้นั่งโดยสารไปแล้ว นอกจากได้ความประทับใจมากหลายอย่างแล้ว ก็สะดวกและดีไม่น้อยไปกว่าที่เคยโดยสารเครื่องบินทั่วๆไป และหลายอย่าง ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ได้จากการบินไปกับสายการบินกานต์แอร์นี้ 

ผมได้ที่นั่งต่อหลังนักบิน โดยไม่มีกั้นห้องและสิ่งกีดขวาง เลยก็ได้นั่งดูการขับเครื่องบินและมองรอบข้างในทัศนวิสัยที่เกือบอยู่มุมเดียวกับกัปตันและนักบินมือ ๑ และมือ ๒ ระหว่างอยู่บนเพดานบินแล้ว ก็มีฝนตก เหนือก้อนเมฆก็ยังมีฝนตกอยู่อีก ฝนที่ตกลงดินที่ผมเห็นอยู่ทั่วไปนั้น ไม่ได้มาจากเมฆฝนที่ลอยเรี่ยดินอยู่อย่างเดียว แต่ส่วนหนึ่งมาจากเมฆสูงมากกว่าที่ผมเคยคิดเสียอีก

นอกจากผืนดินเบื้องล่างและฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาแล้ว ช่องมองออกไปยังภายนอกของนักบินก็ไม่เห็นอะไรเลย นักบินเห็นสิ่งต่างๆผ่านเรดาร์และจอภาพ กราฟ แผนภาพ ตัวเลขที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลามากมาย ซึ่งคงจะเป็นการรายงานทั้งความเป็นปัจจุบันและการทำนายล่วงหน้าตลอดเวลาของสมการตัวแปรที่จำเป็นต่างๆสำหรับการบิน เมื่อขึ้นหรือลงจอด ก็เห็นไฟบนลานบินนิดเดียว จึงแทบจะเป็นการเห็นโลกรอบข้างและบินไปด้วยคณิตศาสตร์ล้วนๆ  

เครื่องบินขนาดเล็ก ทำให้มีพื้นที่จำกัด กระบวนการต่างๆเลยต่างจากที่เคยได้เห็นในเครื่องบินลำใหญ่ ไม่มีพนักงานหลายๆคนมาสาธิตการปฏิบัติตนในขณะลอยฟ้าอยู่ในเครื่องบิน ไม่มีกระเป๋ายานเหาะหรือพนักงานเดินบริการบนเครื่อง แต่ทั้งหมด ออกแบบกระบวนการต่างๆเสียใหม่ โดยแทนที่จะให้บริการบนเครื่อง ก็มีพนักงานคอยให้บริการบนพื้นดิน คอยดูแลและบริการอาหารเครื่องดื่มขณะนั่งรอตรวจบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งก็กลับให้ความรู้สึกดีเหมือนไม่ได้นั่งรอติดต่อกันนานๆ เป็นการออกแบบกระบวนการต่างๆให้สอดคล้อกลมกลืนเฉพาะเงื่อนไขของตน ซึ่งนอกจากจะรักษามาตรฐานต่างๆอย่างที่มีอยู่ทั่วไปได้แล้ว ก็กลับเป็นข้อดี สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตนของตนเองได้เป็นอย่างดี ผู้คนที่ใช้บริการ ก็เกิดประสบการณ์แปลกใหม่ เห็นความคิดสร้างสรรค์และได้เห็นความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงรอบข้าง แม้บนสิ่งที่น่าจะเป็นเรื่องพื้นๆทั่วไปอยู่แล้ว 



ความเห็น (1)

เป็นนักบินที่  ๓  ไปเลยนะคะอาจารย์  เก๋มากค่ะ

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๖. สุขศึกษาออนไลน์ สุขศึกษาเพื่อสร้างสุขภาวะสาธารณะ

ผมไอติดต่อกันมาเป็นเดือน และไอหนักมากนับสัปดาห์ แต่เดิมคิดว่าเป็นปรกติของการเป็นหวัดและหลังจากหายไข้หวัด แต่หลังจากหายเป็นไข้หวัดแล้ว ก็ยังไออยู่อีก เลยนึกถึงการแพ้อากาศและอาการชี้นำอื่นๆทางสุขภาพ 

พอให้ความสนใจขึ้นมาแล้ว Health Seeking Behavior Model ของผม ก็เริ่มต้นจาก Community-Oriented และ Online Society Oriented Model โยนคำถามและสนทนาเรื่องสุขภาพกับคนรอบตัว เพื่อฟังการประเมินและให้เสียงสะท้อนภาวะทางสุขภาพจากการสังเกตโดยตรงของ Lay Person ให้เห็นภาพโดยรวมที่ตนเองไม่สามารถเห็น รวมทั้งให้เกิดประเด็นเพื่อนำไปศึกษาด้วยตนเองเชิงลึกให้ได้หลายๆด้าน 

จากนั้น ก็ใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์ ให้การปรึกษาใคร่ครวญกับตนเองไปพร้อมกับศึกษารวบรวมข้อมูลบนสื่อออนไลน์ แล้วก็เป็นหมอให้ตัวเอง วิเคราะห์และชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็สรุปเองว่าควรจะเป็นอาการหลังจากหายไข้หวัดธรรมดานี่เอง แต่ที่ไอมากและนานกว่าที่เคยเป็น ก็น่าจะเกิดจากเป็นช่วงที่ต้องใช้เสียงบรรยายอย่างต่อเนื่องให้กับหลายกลุ่มคนและหลายหน่วยงาน แล้วก็เป็นธรรมดาที่ต้องเดินทาง เตรียมการต่างๆ อดหลับอดนอน เลยไม่ใช่ความวิกฤติที่การไอ แต่เป็นเรื่องขาดการพักผ่อนและการดูแลให้ถูกต้องเพียงพอ

พอค้นหาข้อมูลทางสื่อออนไลน์ ผมก็ได้พบว่า ข้อมูลที่ทำให้ได้ศึกษาทางสุขภาพเพื่อดูแลตนเองเป็นเบื้องต้นอย่างที่ต้องการนี้ มีอยู่ในเว๊บบล๊อกของบล๊อกเกอร์ที่มีความเป็นหมออาสาและนักส่งเสริมสุขภาพ ให้สุขศึกษาแก่สังคมด้วยจิตอาสา เขียนเผยแพร่ไว้อย่างหลากหลาย 

เมื่อรวบรวมแล้วก็ได้ความรอบด้าน หลายแง่หลายมุม ทั้งในเว๊บล็อก Gotoknow เว๊บบล็อก OKnation และอีกหลายแห่ง เป็นความเคลื่อนไหวและการสร้างพื้นที่ปฏิบัติการ PHC และสุขศึกษาเพื่อการดูแลตนเองอย่างง่าย ในสื่อออนไลน์ และการสร้างพลังเข้าถึงการมีส่วนร่วมรักษาสุขภาพ และพัฒนาสังคมสุขภาวะ ที่น่าสนใจมาก เป็นอีกมิติหนึ่งของโอกาสพัฒนาการทำงานทางสุขภาพ ที่คนทำงานสุขภาพชุมชนและหน่วยทำงานเชิงรุกทางสุขภาพจะต้องเรียนรู้และพัฒนาระบบการทำงานในเงื่อนไขใหม่ๆบนความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มาพร้อมกับสังคมออนไลน์มากยิ่งๆขึ้นนี้ 



ความเห็น (3)

หายไว ๆ นะครับ ท่านพี่ ;)...

ไอตะเบ็งจนเหมือนสมองจะไหลออกมาทางหูแล้วละอาจารย์ ขอบพระคุณครับ

ขอคารวะครูอ้อย คุณตะวันดิน และคุณหมอธิรัมภาครับที่แวะมาเยือนกัน
ขอขอบพระคุณและมีความสุขมากๆครับ

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๕. พื้นที่ความสร้างสรรค์และพื้นที่ส่งผ่านจิตวิญญาณเมืองกับชนบท

วันนี้ก่อนกลับบ้านที่สันป่าตอง เชียงใหม่ ผมจะถือโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่ ๒ แห่ง คือ หอนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน และร้านอรุณอินบางกอก สถานที่เรียนรู้และหาวิธีพัฒนารูปแบบที่หลากหลายสำหรับการจัดการธุรกิจเชิงสังคมของน้องๆบางกอกฟอรั่ม ที่แพร่งภูธร ข้างคลองหลอด หลังตึกกระทรวงกลาโหมเก่า หอนิทรรศการนิทรรศน์รัตนโกสินทร์นั้นผ่านหูผ่านตาแต่ภายนอกอาคารหลายครั้งแล้ว ส่วนที่สำนักงานของบางกอกฟอรั่ม ก็ไปร่วมกิจกรรมเวทีเสวนาและเวทีสร้างการสื่อสารเรียนรู้สาธารณะในแนวประชาสังคมมาหลายครั้งแล้วด้วยเช่นกัน

แต่ครั้งนี้ จะมีสมาชิกของเครือข่ายศิลปินน่าน นำเอาผลงานจากเมืองน่าน มาจัดแสดงและเปิดเวทีเสวนากัน เหมือนกับเป็นการเดินเข้าหากันของสังคมเมืองกับชนบท นำเอาวิถีชีวิต ความรื่นรมย์ และสิ่งต่างๆ ที่สามารถส่งผ่านจากใจสู่ใจกันได้ด้วยงานศิลปะ จากคนในเมืองในชนบท มาฝากชุมชนและคนในเมืองใหญ่ๆดังเช่นกรุงเทพมหานคร สร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายมิติความเป็นส่วนรวมที่มีความร่วมกันมากขึ้นของเมืองใหญ่กับเมืองในพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งสร้างแรงกระเพื่อม เพื่อเสริมกำลังให้กับวิธีสร้างปฏิสัมพันธ์ในเชิงแลกเปลี่ยนคุณค่าและความหมายของชีวิตทางสังคม ที่มุ่งสร้างสุนทรียภาพและความรื่นรมย์ของชีวิตการอยู่อาศัยร่วมกันในสังคม รวมทั้งให้กระบวนการเรียนรู้คุณค่าและปรัชญาชีวิต ตลอดจนสร้างเสริมแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนได้กลับออกไปดำเนินชีวิตและทำการงาน มีความสุข มีคุณภาพชีวิต เป็นพลเมืองและสมาชิกของสังคมที่มีความหมายต่อการเป็นกำลังของเมือง ในวิถีทางที่แตกต่างหลากหลายแต่มีความเชื่อมโยงกันได้ในเชิงจินตภาพและความรู้สึกนึกคิดต่อตัวตนบนความเป็นส่วนรวมร่วมกัน ที่สามารถกล่อมเกลาให้ดียิ่งๆขึ้น ต่อไป

วิธีปฏิบัติการอย่างนี้ทำให้เกิดความหลากหลายในหนทางไปของชีวิตและวิถีสังคมมากยิ่งๆขึ้น เพราะสังคมเมืองและการแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆกันโดยทั่วไปนั้น มักไหลไปกับการเรียนรู้ที่หยาบกระด้างไปบนการให้คุณค่าต่อผลประโยชน์ทางวัตถุและเงินตรา ต้องซื้อขาย เอาประโยชน์ เอาผลกำไรและความได้เปรียบจากคนอื่นให้ได้มากที่สุด จนทำให้การเรียนรู้เพื่อพัฒนาชีวิตและคุณค่าด้านในของมนุษย์ขาดการบ่มเพาะให้งอกงามอย่างสมดุลไปด้วย ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันเรียนรู้และเชื่อมโยงการปฏิบัติเข้าหากันมิให้ความริเริ่มที่เกิดขึ้นสูญเปล่า หากพื้นที่ความสร้างสรรค์อย่างนี้มีงอกงามและยิ่งเกิดอย่างมั่งคั่งในสังคมเมือง ก็จะทำให้ชีวิตและจิตวิญญาณของเมืองมีรากฐานสำหรับการพัฒนาทางวัตถุและทางกายภาพที่ลึกซึ้ง เข้มแข็ง ยั่งยืน 

แต่เดิมนั้น งานจะเปิดในเย็นวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ ผมจึงจะอยู่ร่วมงานและร่วมชื่นชมด้วย แต่ตอนนี้ได้ปรับเปลี่ยนรายการและเลื่อนไปเปิดเย็นวันอาทิตย์ เลยจะไม่ได้อยู่แต่จะขอไปเยี่ยมน้องๆและผู้นำชุมชนแถวนั้นสักหน่อยกันก่อน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๔. ยักษ์ : ก้าวกระโดด Transnational Cultural Dialogue และอุตสาหกรรมวัฒนธรรมมวลชนในหนังแอนนิเมชั่นสายเลือดไท

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงหนึ่งระหว่างพากันทำน้ำพริกและเก็บผักในสวนที่บ้านมาทำอาหารมื้อเย็นนั่งกินด้วยกันไปตามประสา ด้ากับนา ครอบครัวเพื่อนบ้านของผมที่สันป่าตอง ก็คุยเรื่องหนังแอนนิเมชั่นของประภาส ชลศรานนท์ เรื่อง ยักษ์ ทำให้ผมเสนอโปรแกรมพากันไปดูหนัง จากนั้นอีกวันสองวันก็พากันไป ไปดูหนังเรื่องนี้กันแหละครับ

เมื่อไปชมแล้ว นอกจากจะไม่ผิดหวังแล้ว ก็ได้ความประทับใจมากมายหลายอย่าง ทางด้านความเป็นศิลปะหนังการ์ตูนและกราฟิคเคลื่อนไหวหรือแอนนิเมชั่นนั้น ก็เป็นหนังแอนนิเมชั่นไทยที่ก้าวกระโดดก้าวใหญ่ จากยุคที่เคยมีหนังแอนนิเมชั่น 'สุดสาคร' ของอาจารย์ปยุต เงากระจ่างเมื่อทศวรรษ ๒๕๒๕ ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจแล้วก็กลายเป็นตำนานไป ไม่มีหนังแอนนิเมชั่นหนังใหญ่อย่างนั้นออกมาอีก พอมาถึงหนัง 'ยักษ์' แม้จะเป็นเพียงอีกเรื่องในไม่กี่เรื่องที่สร้างขึ้นในสังคมไทย ก็กลับก้าวเลยความเป็นหนังท้องถิ่น โดยได้รับรางวัลระดับโลกและมีการซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายในประเทศอื่นๆด้วย

หนัง'ยักษ์' นี้ หยิบเอาเรื่องราวของรามเกียรติ์หรือเกียรติยศแห่งราม มาคิดและทำใหม่ ภายใต้ความเป็นรามเกียรติ์นั้น เราทราบกันดีว่า นอกจากเป็นวรรณคดีและงานเขียนยุคโบราณของวาลมิกิฤาษีอินเดียเรื่องยาวมากเรื่องหนึ่งแล้ว ก็จัดว่าเป็นโลกทรรศน์และระบบวิธีคิดของอินเดียที่มีอิทธิพลมากสายหนึ่งของโลกต่อหลายสังคม จึงนับได้ว่าเป็นวัฒนธรรมมหาชนแบบข้ามพรมแดนความเป็นรัฐชาติ

หนัง 'ยักษ์' หยิบมาเล่นเหมือนชวนตั้งคำถามใหม่ผ่านสิ่งต่างๆที่สะท้อนอยู่ในความเป็นรามเกียรติ์ เช่น ทำไมถึงมีชีวิตเพียงเป็นกลไก เป็นหุ่นเชิดที่ถูกโปรแกรมคำสั่งให้จ้องทำลายล้างผู้อื่นไว้อย่างปราศจากชีวิตจิตใจและความสำนึกของตนเอง จนมองไม่เห็นคุณงามความดีของเขา ทำไมต้องเป็นศัตรู เข่นฆ่าทำลายกัน เป็นเพื่อนร่วมทุกข์สุข สร้างมิตรภาพต่อกัน มีความสมดุลทั้งความภักดีด้วยคุณธรรมอันสูงส่งในชีวิตและความศรัทธาที่ไม่มืดบอด กับความรู้ดีชั่ว มีศรัทธาที่มีสติและปัญญา มีวิจารณญาณ มีคุณธรรมและความสำนึกที่ออกมาจากความเป็นตัวของตัวเอง เห็นความดี เกียริติยศในชีวิตและความสูงส่งของผู้คนชนชั้นต่างๆจากการปฏิบัติ ความดีงามที่มีต่อผู้อื่น ความมีคุณธรรมในชีวิต ความมีคุณธรรมต่อการสร้างสรรรค์ ทำลาย รักษาระบบและสืบทอดสิ่งต่างๆในสังคม

หรือกล่าวได้อย่างหนึ่งเหมือนกันว่า เป็นหนังที่นำเอามิติด้านในของมนุษย์อันได้แก่กิเลสตัณหา ปัญญา โลภ โกรธ หลง และจิตใจที่กล่อมเกลาและพัฒนาในระดับต่างๆ ที่เป็นพลังขับเคลื่อนสังคมและโลก กับพลังอำนาจที่อยู่ในวรรณกรรมคลาสสิคของสังคมไทยและเป็นประสบการณ์พื้นฐานร่วมกันในอีกหลายสังคมของอีกหลายประเทศ มาชวนพินิจพิจารณา คิดใคร่ครวญ และนำกลับมาฟื้นฟูสู่ยุคสังคมร่วมสมัยในอีกมิติหนึ่งนั่นเอง

จากนั้น ก็เล่าถ่ายทอดด้วยอารมณ์การ์ตูน การ์ตูนที่สร้างสรรค์บุคลิกจากมันสมองและประสบการณ์รอบตัวต่อศิลปะและสื่อบันเทิงของประภาส ชลศรานนท์ ซึ่งทำให้มีความคิดและมุมมองที่แหลมคม ให้ความรู้และความครุ่นคิดที่ลึกซึ้งต่อเรื่องที่คนชอบมองดูเป็นเรื่องวรรณคดีโบร่ำโบราณ  ให้สุนทรียภาพและรสนิยมชีวิต ผมไม่ได้ดูหนังมาหลายปีแล้ว และในจำนวนที่ได้ดูบ้างนั้น ก็มีอันได้ไปนั่งหลับในโรงหนัง แต่หนัง 'ยักษ์' นี้ กลับทำให้รู้สึกว่าจบเร็วจัง มีวาทกรรมทางสังคมและให้โลกทรรศน์ต่อสิ่งต่างๆดีกว่าหนังต่างประเทศหลายเรื่องที่เคยชมเสียอีก



ความเห็น (1)

ยังไม่เคยชมหนังแบบนี้เลยค่ะ ได้ชมการประชาสัมพันธ์บ้าง

อ่านจากอาจารย์เล่า ก็ชื่มชมผู้สร้างมาให้ชม ขอบคุณมากนะคะ

นำยักษ์เฝ้าถ้ำเชียงดาวมาฝากค่ะ

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๓. กราบคารวะส่งดวงวิญญาณอาจารย์หมอเยาว์ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/400935

อาจารย์หมอเยาว์ รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงเยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม อดีตผู้อำนวยการคนที่ ๒ สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ถึงแก่กรรมแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมและครอบครัวขอกราบคารวะส่งดวงวิญญาณท่านอาจารย์ ขอแสดงความเสียใจกับลูกหลาน ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงานและผู้ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนลูกศิษย์ลูกหาของอาจารย์



ความเห็น (2)

ลูกศิษย์ท่านใดของอาจารย์หมอเยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม มีความประสงค์ไปร่วมงานสวดอภิธรรมท่านอาจารย์ เรียนเชิญที่วัดเทพศิรินทร์ ศาลา ๑๖ ระหว่าง วันที่ ๑๘ - ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ ค่ะ

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๒.ของดีของอร่อยต้องมีคนกินด้วยกันเยอะๆ คติชีวิตที่ได้จากชาวบ้านบ้านห้วยส้ม สันป่าตอง 

เมื่อกลางวันของวานก่อนนี้ผมหิวข้าวมาก แต่เดิมนั้นว่าจะกินข้าวมื้อเช้าแล้วก็ไปกินมื้อเย็นเลย แต่พอบ่ายคล้อยก็หิว เลยกะว่าจะทำน้ำพริกปลาร้าและไปเก็บผักในสวนหลังบ้านมาจิ้มน้ำพริกกินอย่างง่ายๆสักนิดหน่อยพอให้หายแสบไส้ ครั้นเดินไปเก็บพริก ก็พบว่าพริกที่นำเมล็ดพันธุ์จากถุงเมล็ดพันธุ์พืชผักที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงให้คนทำแจกจ่ายเมื่อหลังน้ำท่วม และผมกับภรรยาได้ไปปลูกไว้ที่บ้านกับเขาเหมือนกันนั้น ออกผลเต็มไปหมด เลยเก็บไปทำน้ำพริกปลาดุกได้ถ้วยใหญ่ จากนั้น ก็เดินลงไปเก็บผัก ก็ได้หลายอย่างอีก มีผักบุ้ง ดอกแค ยอดแค ฝักเพกา ดอกเพกา หยวกกล้วยอ่อน มะเขืออ่อน มะเขือพวง เกือบ ๑๐ อย่าง จัดเป็นชุดผักลวกและผักสดได้ถึงสองชุดในสำรับเดียวกัน

ทำไปทำมาเลยนึกเปลี่ยนใจว่าทำกินเป็นมื้อกลางวันคนเดียวอย่างความตั้งใจเดิมนั้นไม่ม่วนใจเสียแล้ว ผักเยอะและน่ากินมาก เป็นของในบ้านจากแหล่งธรรมชาติและปลอดสารพิษทั้งนั้น ของดีอย่างนี้ต้องกินหลายๆคน เลยคิดเตรียมเป็นสำรับผักน้ำพริกมื้อเย็นและชวนครอบครัวของน้องเพื่อนบ้านที่ทำขลุ่ยโอคารินาและตุ๊กตากระดาษเปเปอร์มาเช่มากินผักแกล้มน้ำพริกกันดีกว่า เพื่อนบ้านเลยทำน้ำพริกปลาทูมาสมทบอีกรายการหนึ่ง ตกเย็นเลยได้ล้อมวงกินผักน้ำพริกด้วยกันอย่างเบิกบานสำราญใจ.



ความเห็น (2)

อาจารย์คะ

น้ำลายสอ..เลยค่ะ

อยากกินน้ำพริกจังแล้ว อีกพักเดียว

เห็นตัวอย่างของคนจิตสาธารณะจนเป็นธรรมชาติไปเลยนะคะ อาจารย์ ทำอะไรก็เลยเผื่อแผ่ได้เสมอ เยี่ยมยอดมากค่ะ อ่านแล้วอร่อยน้าลายสอไปด้วยเลย ขนาดอยู่ตั้งไกลยังเห็นภาพเลยค่ะ ไม่น่าแปลกใจว่าคนอยู่ลอนดอนก็น้ำลายสอ 

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๑. ใช้บันทึกใน GotoKnow ทบทวนความเคลื่อนไหวของการพัฒนาทักษะประชากรในศตวรรษที่ ๒๑

วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ นี้ ผมกับอาจารย์ณัฐพัชร์ ทองคำ และคุณสินีย์ โชติบริบูรณ์ จากเครือข่ายวิจัยชุมชน มหาวิทยาลัยมหิดล จะรวมตัวกันชั่วคราวแล้วพากันไปจัดกระบวนการเวทีครูเพื่อศิษย์ให้กับคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเทพสตรี จังหวัดลพบุรี เพื่อเตรียมทักษะและความพร้อมให้กับกลุ่มนักศึกษาครูหลักสูตรใหม่ ๕ ปีที่จะต้องออกไปฝึกสอนในเทอมหน้า ก่อนจบการศึกษาและออกไปเป็นครูร่วมกันสร้างคนของประเทศชาติต่อไป

ผมวางแผนที่จะใช้ Entry-Point ตรงการถอดบทเรียนตนเองและทำบันทึกการฝึกสอนของนักศึกษาครูในรูปแบบการบันทึกข้อมูลบทเรียนจากภาคสนาม  (Field Note and Report) เพื่อเป็นตัวเปิดไปสู่กระบวนการพัฒนาอย่างมีความหมายที่สุดในหลายด้าน นับตั้งแต่การเป็นเครื่องมือให้การติดตามพัฒนาเด็กนักเรียนในสถานศึกษาที่จะมีครูฝึกสอนไปประจำอยู่ระยะหนึ่งอย่างเป็นระบบที่ไม่เป็นเพียงการฝึกสอน การเป็นเครื่องมือพัฒนาตนเองของนักศึกษาฝึกสอน และการได้เก็บข้อมูลพัฒนารูปแบบการฝึกสอนอย่างได้ผล เพื่อทำเป็นคู่มือพัฒนาศาสตร์ของการสอนต่างๆ  (Pedagogy) ต่อไปของสาขาวิชาครุศาสตร์ ในเงื่อนไขแวดล้อมใหม่ๆของปัจจุบันและในอนาคต

หลังจากได้ประสานงานและเตรียมการต่างๆกันพอสมควรแล้ว ในช่วงที่พอจะมีเวลาเตรียมสื่อและศึกษาตรวจสอบแง่มุมต่างๆเพื่อดำเนินการสิ่งที่จะต้องทำให้ดีที่สุดนี้ ผมจึงใช้ขุมความรู้ของคนเขียนบันทึกใน GotoKnow นี่เอง มาเป็นแหล่งอ่านศึกษา เหมือนเป็นการนั่งทบทวนวรรณกรรมที่บันทึกและรายงานอย่างมีส่วนร่วมจากคนทำงาน เพื่อเห็นสภาวการณ์ต่างๆที่มีความเป็นปัจจุบันของประเทศได้เป็นอย่างดีมากทีเดียว



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๐. ผึ้งแว๊นแบ่งสีขี้โมโหและเกเร

เมื่อวานก่อนผมตะลุยตัดหญ้าทั่วทั้งบ้าน และเวลาทำงานใช้แรงนั้น ช่วงที่มีความสุขความรื่นรมย์ใจมากอย่างหนึ่งก็คือ การได้ทำงานให้เหนื่อยแล้วก็หยุดกินน้ำ นั่งให้ลมพัดโดนตามเนื้อตัวที่โชกเหงื่อให้ได้ความเย็น วันก่อนก็ทำอย่างนี้เช่นกัน โดยหลังจากตัดหญ้าต่อเนื่อง ๒-๓ ชั่วโมงแล้วก็จะหยุดนั่งพักสักทีหนึ่งเป็นระยะๆ

กระทั่งครั้งหนึ่ง เย็นพอสมควรแล้ว สักประมาณ ๕ โมงเย็น ก็พัก แต่ขณะนั่งจิบน้ำเย็นและพักเหนื่อยอย่างเพลิดเพลินใจ จู่ๆผึ้งที่ทำรังอยู่ใต้พื้นบ้านยกพื้นจากดินสักครึ่งเมตร ก็บินออกมาเป็นฝูง ซึ่งปรกติ ๑-๒ สัปดาห์เขาก็มักจะออกมาบินวนหึ่งๆ ชาวบ้านเรียกว่ามันบินออกมาเยี่ยว อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ผมเลยไม่ได้สนใจ

แต่จู่ๆก็มีเจ้าตัวหนึ่งบินตรงมาทิ้งดิ่งต่อยที่หัวผมอย่างจัง พอรู้สึกเจ็บเล็กน้อยและได้กลิ่นฉุนจากเหล็กใน ความที่รู้จักนิสัยของผึ้งอยู่บ้างพอสมควรตั้งแต่เด็กเมื่ออยู่บ้านนอก ก็บอกให้ผมรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นการส่งสัญญาณที่จะทำให้พรรคพวกที่กำลังบินอยู่พากันมารุมผมในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ผมจึงรีบลุกขึ้นและเผ่นออกไปไกลอย่างไม่ต้องหยุดคิดเพื่อตั้งหลักและดูความเป็นมาเป็นไปว่าเกิดอะไรขึ้น

ระหว่างนั้นฝูงผึ้งก็แห่กันไปตอมกระติกน้ำตรงที่ผมเพิ่งนั่งพักอยู่และรุมต่อยจนได้ยินเสียงดังป๊อกแป๊กกราวๆอยู่ตลอดเวลา พอตั้งหลักได้ชั่วครู่ ผมก็อยากจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เลยค่อยเดินเข้าไปดูอยู่ห่างๆ แต่พอเข้าใกล้สัก ๓-๔ เมตร ผึ้งก็บินกรูตรงมาที่ผมฝูงหนึ่ง ผมผงะ ระหว่างที่กำลังหมุนตัวจะวิ่งหนีให้เร็ว ก็โดยต่อยที่ใบหูและต้นแขนอีก ๒ ตัว ดุมาก

ผมนึกสาเหตุไม่ออก ได้แต่ลองคิดเอาว่ากระติกน้ำสีน้ำเงิน ขนาดย่อมและทรงคงเหมือนคนนั่ง เสื้อที่ผมใส่อยู่ก็เป็นสีเขียวขี้ม้า โทนเดียวกัน เลยลงทุนเปลี่ยนเสื้อเป็นสีแดง จากนั้นก็สวมหมวกปิดหน้า สวมรองเท้าบู๊ท สวมถุงมือ สวมแว่นหน้ากาก เหลือส่วนที่เปิดอยู่เพียงปลายจมูกและริมฝีปากบนนิดหน่อยเท่านั้น จากนั้น ก็เดินกลับเข้าไปเฝ้าดูใหม่ คราวนี้ผึ้งกลับไม่ออกมารุมต่อยผมอีก แต่ยังคงรุมต่อยกระติกน้ำเสียงดังเป้งๆ สักชั่วโมงกว่าๆก็กลับไปอยู่ที่รังและเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รุ่งขึ้น พิษของผึ้งที่ต่อยใบหูก็ทำให้ลำคอและคอหอยผมแดง อีกทั้งบวมย้วยจนเหมือนกับมีลูกกระเดือกใหญ่กว่าเดิม นึกแล้วก็ขำว่าขนาดผึ้งยังแบ่งสีหรือนี่ มันต่อยแต่สีน้ำเงินกับสีเขียวขี้ม้า ไม่ยักต่อยเสื้อสีแดงกับหมวกคลุมหน้าตาลายขาวดำ นึกไม่ออกว่าทำไมจู่ๆผึ้งก็พากันบินออกมาอาละวาด แล้วจู่ๆก็กลับสู่ความสงบ เหมือนกับเป็นกลุ่มอันธพาลระบายอารมณ์เอากับคนอื่นไปตามอำเภอใจ.



ความเห็น (6)

อ่านแล้วนึกภาพตามได้ไม่ยากเลยค่ะ อาจารย์บรรยายได้สุดยอดมาก ตอนนี้หมดฤทธิ์พิษผึ้งหรือยังคะ ดีที่อาจารย์ไม่แพ้มากนะคะ

ผมเพิ่งทราบว่า ผีแยกสีออกด้วย ปกติไปตีผึ้งตอนเขามารุมต่อย จะรีบวิ่งหนีให้ไกลที่สุด เพื่อนผมลงน้ำ เขายังรอให้ขึ้นมาเลย ดุมากครับ

ผึ้งครับ พิมพ์ผิด ใช้ยาหม่องทาเลยครับ ที่แน่ๆต้องเอาเหล็กไน ออกก่อนครับ

คิดถึง..หนังเรืองหนึ่งเลยครับอาจารย์ 2499 อันธพาลครองเมือง

น่าเป็นห่วงจัง แต่อาจารย์เล่าจนดูสนุก ฮิ ฮิ

 

อาจารย์คะ นึกขึ้นมาได้ ภาพโลโก้อาจารย์ หนูมักจะมองเป็นคนใส่แว่นดำ และมีตาสองสีค่ะ ตาสีเหลืองกับแดง :-) 

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๙. Monk Chat Club วัดเจดีย์หลวง : ห้องเรียนข้ามวัฒนธรรมและมหาวิทยาลัยใต้ร่มไม้

ที่วัดเจดีย์หลวง มีพระนิสิตได้รวมกลุ่มตั้งชมรมนั่งสนทนาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันกับชาวต่างประเทศ เข้าใจว่าคงเป็นพระนิสิตของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติ สนทนากันเรื่องปรัชญา ศาสนธรรม การทำสมาธิ การปฏิบัติภาวนา เป็นภาษาต่างประเทศ มีชาวต่างประเทศให้ความสนใจนั่งสนทนากับพระสงฆ์และสามเณรเป็นกลุ่มๆ ตามโต๊ะซึ่งตั้งกระจายไปตามใต้ร่มไม้บนลานวัด จัดว่าเป็นการสร้างพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบ Voluntary Cross-Cultural Learning Space ที่น่าประทับใจมาก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๘. มงกุฏของเมืองและประเทศชาติ : วัด หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์

เมื่อวานหลังจากทำหน้าที่เป็นประธานสอบวิทยานิพนธ์ให้แก่นักศึกษาบัณฑิตวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏชียงใหม่แล้ว ผมก็ตั้งใจเดินไปวัดพันเตาและวัดเจดีย์หลวง อยากไปดูผังของวัดและเจดีย์หลวงที่ถือว่าสูงใหญ่ที่สุดของวัฒนธรรมล้านนาและของประเทศไทยในยุคโบราณที่ได้พังทลายจากแผ่นดินไหวเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว กับไปดูอุโบสถที่สร้างด้วยไม้ที่ใหญ่และงดงามที่สุดหลังเดียวที่มีอยู่ของประเทศที่วัดพันเตา

ระหว่างทางก็แวะพิพิธภัณฑ์และหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ซึ่งเคยเป็นศาลากลางเก่า สภาพเหมือนไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลที่เหมาะสมเพียงพอ สิ่งจัดแสดงทั้งหมดทำขึ้นแบบชั่วคราว การติดตั้ง การจัดวางพื้นที่ แสง และองค์ประกอบต่างๆ ไม่เอื้อต่อการเกิดบรรยากาศที่ดีต่อการเข้าชม ไม่สร้างพลังการเรียนรู้ ไม่แยบคายต่อการสร้างจิตวิญญาณแห่งความสร้างสรรค์ของผู้คนให้คุโชนเพื่อกลับออกไปสร้างเมืองสร้างสังคม มีพลังใจต่อการดำเนินชีวิต

ภาพถ่ายและแผ่นภาพเพื่อนำเสนอข้อมูลต่างๆ ทำขึ้นด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีราคาถูก สภาพเก่า ซีดจาง หมดสุนทรียภาพ บ่งบอกถึงการไม่ลงทุนต่อสิ่งที่เป็นความสง่างามของเมืองและความลึกซึ้งต่อตนเองของสังคม รู้สึกได้ถึงการทำขึ้นด้วยสภาพที่ขาดแคลนและขาดการสนับสนุน สิ่งที่ช่วยให้ได้อรรถรสในการเข้าชมคือการทำงานข้อมูล ที่แสดงความน่าสนใจอยู่ในตัวเนื้อหาต่างๆอยู่เอง รวมทั้งวิทยากรและเจ้าหน้าที่นำชม ซึ่งทำหน้าที่แข็งขันและเป็นสื่อที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมได้อย่างมีทักษะ

หลังจากนั้น ก็ไปวัดเจดีย์หลวง วัดพันเตา วัดสะดือเมือง หอพระยามังราย ที่วัดเจดีหลวง ได้ชมพิพิธภัณฑ์และหอไตร หอบุรพาจารย์ อาจารย์มั่น หลวงปู่แหวน หลวงตามหาบัว และอุปัชฌาจารย์ผู้นำทางจิตวิญญาณจากสังคมศาสนาทั่วประเทศ ทุกแห่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็มีความสะอาด ให้บรรยากาศที่สงบ กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมีบุคลิกอีกแบบหนึ่ง ไม่วุ่นวาย ไม่รบกวนผู้อื่น สามารถนั่งสมาธิและผ่อนคลายอยู่กับบรรยากาศเงียบๆได้เป็นอย่างดี

ที่หอศิลป์เชียงใหม่มีสื่อแผนที่เดินชมเมืองเก่าให้ข้อข้อมูลเกี่ยวกับแง่มุมต่างๆที่สะท้อนจิตวิญญาณของล้านนา ทำขึ้นแจกจ่ายแก่สาธารณชนโดยกลุ่มสถาปนิกคนใจบ้าน ในโครงการฟื้นบ้าน ย่าน เวียงเชียงใหม่ วัดและแหล่งอื่นๆก็ดูแลกันไปตามอัตภาพของวัดและพระ สังคมยังขาดผู้นำที่จะมีความลึกซึ้งต่อมรดกทางปัญญาและสิ่งที่เกิดจากพลังความสร้างสรรค์ของสังคม ที่อยู่ในงานศิลปวัฒนธรรม วัด สถาปัตยกรรม และงานฝีมือต่างๆอีกมาก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๗. การทำให้ไม่เป็นปัญหา กลายเป็นความได้ฮา สอดแทรกในชีวิตสังคมการงาน

วันหนึ่ง เมื่อครั้งผมอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เมื่อเลิกงานผมกับเพื่อนรุ่นน้องก็เดินไปกินข้าวมื้อเย็นที่โรงอาหาร เสร็จแล้วก็เดินกลับและซื้อปลาหมึกย่าง ๔ ตัวสำหรับแบ่งกันกินได้คนละตัว ระหว่างที่เดินกลับนั้น ก็ตั้งใจกันว่าเมื่อเดินออกจากโรงอาหารจนไกลจากสายตาของนักศึกษาและผู้คนแล้วจึงจะกินปลาหมึกย่างกัน

ระหว่างนั้นจึงเดินคุยกันอย่างเพลิดเพลิน เจ้าน้องคนที่ถือถุงปลาหมึกย่าง ก็เดินคุยและทำไม้ทำมือออกท่าทางประกอบการคุยไปด้วย พอถึงบริเวณที่ทุกคนคิดว่าน่าจะเอาปลาหมึกย่างออกมากินกันได้แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง กล่าวคือ การออกท่าออกทางระหว่างการคุยของคนที่ถือถุงกระดาษที่ใส่ปลาหมึกย่างนั้น ช่วงแวบหนึ่งก็ดันทำให้ปลาหมึกย่าง ๑ ตัวกระเด็นออกจากถุงกระดาษและตกแหมะลงที่พื้นถนน

ทุกคนชงักและยืนอ้าปากเหวอ เพราะหากจะทิ้งก็จะทำให้ปลาหมึกที่เหลือ ๓ ตัวไม่พอที่จะได้คนละตัว แต่ครั้นจะยังต้องการได้กินกันคนละตัวตามเงื่อนไขเดิม ก็จะต้องมีคนหนึ่งเสียสละที่จะอดกินหรือไม่ก็ต้องกินตัวที่หล่นลงพื้น บางคนเริ่มพยายามทำให้สนุกโดยทำเล่นออกเสียงว่าใครทำหล่นคนนั้นแหละต้องกินตัวที่หล่นพื้น ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่มีใครยอมให้ทำอย่างนั้น

ทุกคนยืนมองปลาหมึกบนพื้นถนนตาละห้อย ผมเลยเดินตรงไปแล้วก็ก้มหยิบขึ้นมา ซึ่งน้องๆคงคิดว่าในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ของพวกเขา ผมคงจะเสียสละกินปลาหมึกตัวที่ตกพื้น สายตาทุกคู่เลยทำท่าเลื่อมใสและซาบซึ้งน้ำใจมาก แต่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น พอหยิบปลาหมึกมาถือไว้แล้ว ผมก็ขอถุงปลาหมึกจากมือของเจ้าน้องที่ถืออยู่

ในขณะที่ทุกคนกำลังทำท่างงๆนั้น ผมก็เอาปลาหมึกตัวที่หล่นพื้น ใส่กลับลงไปในถุง จากนั้นก็ปิดปากถุงกระดาษเขย่าๆแล้วก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับบอกแก่ทุกคนว่า ตอนนี้แยกไม่ออกแล้วว่าตัวไหนที่หล่นลงพื้น เพราะฉนั้นหากหยิบตัวไหนก็กินได้ทุกตัวเท่ากันแล้ว ทุกคนเลยเฮและหัวเราะตัวงอ ต่างหยิบและเดินกินปลาหมึกย่างเคล้าเสียงหัวเราะกันสนุกสนาน.



ความเห็น (2)

เห็นอดีตนายกฯ เจ้าของวลี "No Problem" ครับ

555...อาจารย์เยี่ยมมากค่ะ สมเป็นพี่ใหญ่ของทีม เชื้อโรค (ถ้าเผื่อมีติดมา) ก็เฉลี่ยเหลือคนละนิดหน่อยเอง...

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๖. รอยัลสไปรทส์ สิบล้อ กับศาลายา

ไพรเวศ วงศ์ธนบัตร ของวงดนตรีสตริงรอยัลสไปรต์ถึงแก่กรรมแล้วด้วยวัยกว่า ๖๓ ปี รอยัลสไปรท์สเป็นวงดนตรีสตริงในอดีตที่โด่งดังมาก ไพรเวศเป็นคนแต่งเพลง 'รักสิบล้อต้องรอสิบโมง' ซึ่งก็ดังและล่องลอยอยู่ในคลื่นฟังเพลงทั่วเมืองไทยและในตู้เพลงทุกตู้อย่างยาวนาน ท่ารถและที่จอดรถทุกแห่งต้องเปิดเพลงนี้อยู่เสมอ ในบรรดาเพลงสตริงยุคนั้น เพลงของวงรอยัลสไปรท์สเป็นเพลงที่ผมเล่นและร้องกับกีตาร์ได้น้อยที่สุด อีกทั้งชอบฟังระดับติดหูน้อยที่สุดเพราะโดยมากจะเป็นเพลงดิ้นซึ่งผมในวัยนั้นไม่ชอบและไม่ถนัด แต่ชอบการเล่นและร้องสดเพลงสากลของวงนี้มาก พื้นฐานของพวกเขาเป็นวงเล่นตามคลับ เล่นเพลงฝรั่งแน่นและร้องคลอรัสดีมาก เมื่อนึกถึงวงรอยัลสไปรท์สนี้ทีไรผมก็จะนึกถึงวงแมคอินท็อชคู่ไปด้วยเพราะร่วมยุคเดียวกัน

ในช่วงนั้น ประมาณรอบๆปี ๒๕๒๕ รถบรรทุกจะเข้ากรุงเทพฯได้ก็ต้องรอ ๑๐ โมง จากนั้น ก็จะวิ่งได้ถึงประมาณบ่าย ๓ โมง และต้องจอดรอรอบๆกรุงเทพฯไปอีกจนถึง ๓ ทุ่ม หลัง ๓ ทุ่มแล้วจึงจะสามารถวิ่งเข้ากรุงเทพฯได้อีกจนถึงประมาณตี ๓ แล้วก็รอไปจนถึง ๑๐ โมง

ที่ด้านข้างมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายานั้น แต่เดิมบริเวณที่เป็นตลาดนัดและชุมชนหลักที่หนาแน่นที่สุดในปัจจุบันนี้นั้นเป็นเพียงทุ่งนาบัวและที่รกร้างปล่อยให้ต้นธูปฤาษีขึ้น มีถนนจากนครชัยศรีกับสุพรรณบุรีผ่านเข้ามาทางบางเลนทอดผ่านเป็นทางสองเลน สองข้างทางหลายแห่งจะเต็มไปด้วยฝุ่นดินแดงหนาปึกท่วมหลังเท้า

รถบรรทุกจากภาคตะวันตกที่วิ่งเข้ามาจากสุพรรณและนครปฐมก็จะต้องมาจอดรอเป็นแถวอยู่ข้างมหาวิทยาลัยมหิดลตรงบริเวณดังกล่าวเพื่อรอช่วงเวลา ๓ ทุ่มและ ๑๐ โมง เหมือนเพลงที่รอยัลสไปรท์สถ่ายทอดไว้ ทำให้เกิดร้านยาดอง แหล่งบันเทิง ร้านอาหาร ตู้เพลง รวมไปจนถึงซ่องและที่เที่ยวกลางคืน ผุดขึ้นรองรับชุมชนและการใช้ชีวิตบนความเป็นชุมชนชั่วคราวในช่วงติดเคอร์ฟิวของบรรดารถบรรทุกเนืองแน่นสองฟากถนนรอบละนับ ๓๐-๕๐ คัน ซึ่งก็จะทำให้มีคนหนุ่มในวัยเจริญพันธุ์คึกคักนับร้อยคนอยู่เสมอๆ บริเวณดังกล่าวเรียกว่า 'หัวถนน' และฝั่งตรงข้ามเป็นเล้าเป็ดล้อมตาข่ายที่ใหญ่ที่สุดของศาลายา ซึ่งทำให้ก๊วยเตี๋ยวเป็ดและเป็ดพะโล้ของศาลายาเป็นที่เลื่องชื่อของผู้สัญจรผ่านทางมาจนกระทั่งปัจจุบัน  

ในที่สุด ก็กลายเป็นตลาดนัดศาลายาในเวลาต่อมา กระทั่งกลายเป็นชุมชนหลักก่อเกิดชุมชนเศรษฐกิจตามมามากมาย ทำให้ตลาดเก่าของศาลายา ต้องหมดความนิยมและแทบจะกลายเป็นตลาดวายดังที่เห็นในปัจจุบัน กล่าวได้อย่างหนึ่งเหมือนกันว่าวงจรการจัดการการวิ่งของรถบรรทุกดังกล่าว มีส่วนต่อการขึ้นโครงและทำให้เกิดหน้าตาของชุมชนศาลายาดังที่เห็นในปัจจุบัน รวมทั้งทำให้เกิดเพลงที่ดังในอดีตมากเพลงหนึ่ง .



ความเห็น (4)

หมายถึงตลาดนัดศาลายา ปัจจุบันใช่ไหมคะอาจารย์

ชอบไปเดินหาซื้อของกินที่มากมายหลากตา

ชอบใช้ถนนเส้นทางผ่านทุ่งนาของศาลายาเข้ากรุงเทพฯในวันหยุดค่ะ

ใช่ครับอาจารย์ เมื่อก่อนนี้แถวนั้นจัดว่าเปลี่ยวและไกลมากสำหรับคนมหิดลครับ ไปลำบาก ตรงตลาดนัดศาลายาที่เห็นทุกวันนี้นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากดงหญ้ารกๆ บริเวณข้างตลาดซึ่งปัจจุบันนี้ซบเซาลงไปมากแล้วเสียอีกที่จอแจกว่าเพราะเป็นท่ารถวัดมะเกลือ กับข้ามไปอีกตรงสถานีรถไฟกับตลาดเก่าจึงจะมีคนและย่านชุมชนบ้าง นักศึกษาและคนส่วนใหญ่ เลยมักจะเลือกขึ้นรถเมล์ไปแถวพาต้าและนครปฐมมากกว่า ยิ่งตอนมืดค่ำนี่ก็จะกลายเป็นคนละโลกกับชุมชนมหาวิทยาลัยเลยทีเดียวครับ ต่างจากเดี๋ยวนี้มากเลยนะครับ การเกิดร้านค้าและชุมชน ที่ก่อตัวให้เป็นรูปเป็นร่างของชุมชนร้านค้าแถวนั้น กระทั่งเกิดการขยายตัวมาเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้นี่ ชุมชนรถบรรทุกนับว่ามีส่วนในการดึงเอากิจกรรมชีวิตและการทำมาค้าขาย ให้ค่อยๆผุดขึ้นตามมา มากเลยครับ

ทุกแห่งที่ มีเรื่องราวนะคะ ถ้ามีคนช่างจดจำ ช่างเล่าอย่างอาจารย์เยอะๆคงจะดีมาก อ่านเพลินเลย ขอบคุณมากๆค่ะ

อาจารย์บรรยายความรู้สึกเกี่ยวกับวงรอยัลสไปรต์ได้เหมือนใจจังเลยค่ะ โอ๋ก็ชอบเวลาเขาเล่นเพลงสากลมากๆ แต่ไม่มีเพลงไทยเพลงไหนของวงนี้ที่ถูกรสนิยมเอาเสียเลยทั้งๆที่มีแฟนเพลงเขามากมายนะคะ

เพลงรักสิบล้อ ที่ขึ้นต้นรักสิบล้อต้องรอสิบโมง แม่คิ้วโก่งขวัญใจสิบล้อ ผู้แต่งคำร้องทำนองคือ จำนงค์ เป็นสุข บอกชื่อนี้ยากที่จะรู้จัก แต่แฟนพันธุ์แท้เพลงลูกทุ่งจะรู้จักกันดี เป็นชื่อจริงของนักร้องนักประพันธ์เพลงชื่อดังของเมืองไทย แห่งวงจุฬารัตน์ แต่สำหรับชื่อที่คุ้นกันดีเป็นชื่อที่ใช้ในการร้องเพลง คือ สรวง สันติ ผู้ร้องเพลงรักสิบล้อ คือไพรเวศ วงศ์ธนบัตร จากรอยัลสไปรท์ เป็นการรับจ้างทำเพลงร้องเพลงของรอยัลสไปรท์ นักร้องนำของวงจะเป็นเสริมเวช ช่วงยรรยง แต่บุคลิกและโลโก้ของเขาคือนักร้องเพลงสากล เมื่อมีผู้นำเพลงลูกทุ่งมาให้ทำ เพลงรักสิบล้อ ไพรเวศ มือแซกโซโฟน ของวง จึงมีโอกาสร้อง เพราะปกติ เขาชอบร้องเพลงลูกทุ่งอยู่ประจำ เพลงนี้ดังแต่คนทั่วไปไม่ค่อยจะรู้จักชื่อนักร้อง ถ้าไม่บอกยากจะจำได้ ส่วนใหญ่จะรู้กันรักสิบล้อ ของวงรอยัลสไปรท์

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๕. ประชาคมอาเซียนและความเป็นสากล

ประชาคมอาเซียนและความเป็นสากล น่าจะต้องเรียนรู้จากกระบวนการสังคมวัฒนธรรมของสะไภ้อินเตอร์ของภาคอีสาน และอีกหลายแห่งของประเทศ ว่าคนมีการศึกษาไม่มาก แต่เขาสามารถก้าวข้ามเส้นแบ่งทางสังคมวัฒนธรรม กระทั่งเกิดครอบครัว ชุมชน และพลเมืองของสังคมโลกอีกแบบแผนหนึ่ง ด้วยการเคลื่อนย้ายและแต่งงานกันข้ามชาติ ซึ่งยกระดับการเป็นอยู่และสร้างทางออกจากแรงกดดันต่างๆของเศรษฐกิจสังคมในยุคปัจจุบันได้ด้วยตนเอง อย่างน่าสนใจด้วยกระบวนการที่เป็นธรรมชาติและครอบคลุมการสนองตอบต่อคนระดับล่าง(มากกว่าแนวคิดให้สังคมทั้งประเทศลงทุนสร้างคนส่งออก ๗ วิชาชีพ ซึ่งนอกจากจะสร้างให้ตนเองให้พอก็ยากอยู่แล้ว ก็กลับลงทุนทั้งสังคมเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มคนส่วนน้อยที่โอกาสมากอยู่แล้วกลับยิ่งมีโอกาสมากยิ่งขึ้นไปอีก)ได้อย่างไร



ความเห็น (1)

เรียกว่าพื้นฐานขายังไม่ยอมบำรุงให้แข็งแรง แต่เตรียมจะวิ่งแข่งเสียแล้วนะคะ

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๔. การตีตราและแบ่งแยกทางสังคมในอาหารและวิถีบริโภค

วันนี้ผมนั่งกินบะหมี่สำเร็จรูป มันอร่อยมากขอบวกกก ขอบวกกก !!! ไม่ใช่เพราะฝนตก ทำให้ถนนในหมู่บ้านเจิ่งนองไปด้วยน้ำ เดินไปซื้อข้าวไม่ได้ อย่างเดียวเท่านั้น แต่ซื้อมาสำรองไว้อยู่เสมอ เผื่อไว้ในกรณีออกไปหาอาหารกินไม่ได้หรืออยากกินอะไรร้อนๆให้มีชีวิตชีวาบ้าง บะหมี่สำเร็จรูปนี้มักได้ยินคนเรียกว่าอาหารขยะ ซึ่งทำอย่างไรผมก็ไม่เห็นด้วยกับวาทกรรมนี้ ผมว่ามันเป็นอาหารที่อร่อยและราคาถูกมาก ถูกกว่าข้าวแกงเสียอีก

คนจน ชาวบ้าน และผู้ใช้แรงงานที่มีรายได้ไม่มาก น่าจะได้กินและได้รับการส่งเสริมให้มีวิธีใส่ผักปรุงให้ได้สารอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะดีกว่าอดอยากหิวโหยและต้องกินอาหารราคาแพงมากกว่านี้เสียอีก ผมกินอยู่เสมอตั้งแต่เรียนหนังสือ แม้เดี๋ยวนี้ผมก็เห็นทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยและคนทำงานแทบจะทุกสาขาชอบกิน ทั้งด้วยความชอบรสชาติและเพราะไม่มีเงิน

การเรียกว่าบะหมี่สำเร็จรูปเป็นอาหารขยะนั้น เป็นวาทกรรมของคนมีเงินและมีกินเหลือเฟือ จนมีตัวเลือกที่จะไม่ต้องกินอาหารราคาถูกแล้ว ซึ่งก็ดูมีเหตุผล แต่ในอีกด้านหนึ่ง การรณรงค์เพื่อลดเลิกพฤติกรรมการบริโภคอาหารแบบนี้ ก็กลับเป็นการตีตราและแบ่งแยกสังคมอยู่ในที อีกทั้งสิ่งที่เรียกว่าอาหารขยะของคนกลุ่มหนึ่งที่พ้นขีดความจำเป็นพื้นฐานในการมีอาหารกินเพื่อยังชีพไปแล้วนี้ ก็นับว่ายังเป็นอาหารชั้นดีของคนยากจนหรือคนไม่มีเงินอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้กินได้ง่ายนักอีกด้วย

มันจึงไม่ใช่อาหารขยะ รวมทั้งตัวผมเองนั้น ต่อไปก็จะยิ่งระมัดระวังให้มากที่จะไม่เรียกอาหารอย่างนี้ว่าอาหารขยะ เมื่อต้องอด หิว ขาดแคลน เราจึงจะตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าอาหารและสิ่งที่กินได้ทุกอย่างนั้นไม่มีอาหารขยะเลย.



ความเห็น (3)

สวัสดียามดึกค่ะอาจารย์ที่เคารพ

โห...อาจารย์ขา ของโปรดตั้งแต่เป็นเด็กหอนะคะ

แต่เดี๋ยวนี้ในวันที่ออกไปไหนไม่ได้ เช่น ฝนตกหนัก ไม่มีอะไรติดบ้าน......ยังชอบมาก

ใส่ซองเครื่องปรุงนิดเดียว ใส่ไข่ (ถ้ามี) เดินไปรอบ ๆ บ้านเด็ดยอดตำลึงใส่ด้วย

ฮูย...เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมค่ะ

ราตรีสวสัดิ์นะคะ

สวัสดียามดึกครับคุณหมอธิรัมภาครับ คุณหมอบรรยายซะทำเอาน้ำลายไหลโครมครามเลย ตอนนี้ผมนั่งมองซ้ายขวาอีกแล้วละครับเนี่ย

เป็นข้อคิดเห็นที่น่าจะมีคนยกมือเห็นด้วยเพียบแน่ๆค่ะ เดี๋ยวนี้มีสารพัดรูปแบบให้เลือกเสียด้วยนะคะ จะเติมอะไรลงไปก็ได้ทั้งนั้น สะดวกดีออกค่ะ 

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๓. ชื่นชมและสนับสนุนประชาคมจังหวัดกาฬสินธุ์ในการเคลื่อนไหวเพื่อ 'มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์'

เห็นข่าวการเคลื่อนไหว ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับประเทศผ่านบทบาทของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อก่อตั้งมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ของชาวกาฬสินธุ์โดยควบรวมมหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์เข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันก็เห็นความเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านด้วยแต่ไม่มีน้ำหนักมากเท่ากับเสียงของการสนับสนุน เหล่านี้แล้ว เกิดความน่าสนใจและน่าประทับใจหลายประการ คือ
    (๑) เป็นความเคลื่อนไหวที่ต่างจากกระแสสังคมอุดมศึกษาของประเทศอย่างยิ่ง เพราะส่วนใหญ่มุ่งแต่จะกระจายและก่อตั้งเพิ่มขึ้น กระทั่งเกิดมหาวิทยาลัยมากมายในประเทศ แต่การเคลื่อนไหวแนวคิดมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์กลับนำเสนอแนวคิดยกระดับคุณภาพอุดมศึกษาด้วยการยุบรวมให้เหมาะสมกับภารกิจต่อพื้นถิ่น
    (๒) เป็นการเคลื่อนไหวมาจากระดับประชาคมจังหวัดแล้วนำเสนอสู่กลไกนโยบายระดับชาติ ซึ่งมีความหมายมากต่อการที่ได้เกิดการลุกขึ้นมาแสดงความเป็นเจ้าของการศึกษาของประชาชนและสังคมท้องถิ่น ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในสังคมไทยบ่อยนัก ในขณะที่ส่วนใหญ่นั้น มักจะเกิดจากการริเริ่มของส่วนกลาง
    (๓) เกิดกระบวนการประชาพิจารณ์และการจัดเวทีเรียนรู้ในระดับจังหวัด ซึ่งทำให้ประเด็นการศึกษา เป็นประเด็นสาธารณะที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวกระบวนการเรียนรู้ทางสังคม สร้างความมีสำนึกร่วมต่อสังคม 
    (๔) แสดงถึงความมีจิตใจกว้างของชุมชนวิชาการและนักศึกษาของทั้งสองมหาวิทยาลัย ที่ก้าวข้ามความติดยึดความเป็นสถาบันและองค์กรของตนเองอย่างคับแคบ ไปสู่ประเด็นความเป็นส่วนรวมในขอบเขตที่ใหญ่กว่า เป็นจิตวิญญาณของชุมชนทางปัญญาที่ต้องคารวะ
    (๕) เป็นการรวมจุดแข็งของสถาบันการศึกษาจาก ๒ สถาบัน ซึ่งมุ่งเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและสนองตอบต่อความจำเป็นใหม่ๆของประเทศ มีความเป็นตัวของตัวเองเด่นชัดมากขึ้นของการจัดการอุดมศึกษาที่เชื่อมโยงกับการกระจายโอกาสการพัฒนาในภูมิภาคที่ผนวกความเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฎกับ มทร เข้าสู่การมียุทธศาสตร์ร่วมกันทางการศึกษา
    (๖) หากสำเร็จก็จะเป็นตัวแบบสำหรับได้อ้างอิงให้กับอีกหลายสถาบันการศึกษาในหลายพื้นที่ของประเทศที่ต้องการจะคิดพัฒนาการศึกษาให้ต่างไปจากสภาพที่เป็นไปตามกันอย่างทั่วๆไป และแม้จะยังไม่สำเร็จ ก็ก่อให้เกิดพลังความตื่นตัวของภาคการศึกษา ที่มีต่อการพัฒนาทางสังคมมากอย่างยิ่ง 
    (๗) เป็นการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งในการจัดการตนเองของประชาคมในพื้นที่ระดับจังหวัด ซึ่งเป็นเสมือนเตรียมศักยภาพทางสังคมของท้องถิ่นไปในตัว ในการเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ต้องการการมีส่วนร่วมของภาคสังคมมาก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๒. ข้อมูลและข้อสังเกตเพิ่มของหนองบัว

๑. โทรทัศน์ขาวดำเครื่องแรกของอำเภอหนองบัว น่าจะเป็นร้านขายยาชาญศิริเภสัช : สนทนากับเครือญาติของร้านขายยาชาญศิริเภสัช หนองบัว

๒. กลุ่มคนกลุ่มหลักที่ตั้งถิ่นฐานที่หนองบัวกลุ่มดั้งเดิม ไม่น่าจะเป็นกลุ่มวัฒนธรรมย่อยที่เคลื่อนย้ายมาจากแหล่งอื่นๆ อย่างที่ข้อมูลและข้อสันนิษฐานมีอยู่ในเวลานี้ แต่น่าจะเป็นกลุ่มวัฒนธรรมชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแหล่งนี้มาอย่างยาวนานแล้ว ข้อสันนิษฐานคือ (๑) ในอดีตมีเครื่องมือโลหะ เครื่องปั้นดินเผา แบบโบราณ เกลื่อนอยู่ตามพื้นที่ต่างๆของหนองบัวเยอะมาก เยอะจนเป็นเรื่องธรรมดา (๒) มีร่องรอยของการมีภูมิปัญญาการทำอาวุธ มีด และเครื่องมือจากเหล็ก อยู่ในพื้นที่มาก (๓) ภาษาพูดของคนหนองบัวดั้งเดิมมีเสียงเหน่อและมักจะลงท้ายด้วยคำว่า "ละหว่า" ซึ่งเป็นรอ่งรอยบ่งบอกถึงความเป็นคน 'ละว้า' ซึ่งเป็นกลุ่มดั้งเดิมมากกลุ่มหนึ่งได้เป็นอย่างดี : สนทนากับอดีตเกษตรอำเภอหนองบัวระหว่างเดินชมนิทรรศการ

๓. โรงหนังโรงแรกและเครื่องฉายหนังเครื่องแรกของหนองบัว คือโรงหนังและเครื่องฉายหนังของโรงหนังศรีปทุม เป็นกิจการของครอบครัวหมอหลุย หรือหลวงปู่หลุยซึ่งต่อมาได้บวชเป็นพระ ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมวัดป่ามะเขือ และถึงแก่มรณภาพแล้วในสมณเพศ : สนทนากับสมควร ปานขลิบ ลูกของหมอหลุย ประธานสมาคมครูและผู้ปกครองโรงเรียนอนุบาลหนองบัว



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๑. ร่วมสร้างพลังคนหนองบัว : ผ้าป่าการศึกษาวันแม่ เทิดพระเกียรติ ๘๐ พรรษามหาราชินี และฉลองกาล ๘๙ ปีโรงเรียนอนุบาลหนองบัว

ชุดนิทรรศการ ที่ได้จาการดึงเนื้อหาออกไปจากเวทีคนหนองบัวใน GotoKnow ไปออกแบบจัดอาร์ตเวริ์ค ทำศิลปะกราฟิค แล้วก็พิมพ์งานลงแผ่นไวนิล ออกมาเป็นชุดสื่อสวยงาม เพื่อใช้เป็นเครื่องมือจัดการความรู้และพัฒนาการสื่อสารสร้างปฏิสัมพันธ์เชิงการเรียนรู้ในวาระต่างๆ เริ่มตั้งแต่นำไปจัดเป็นส่วนสร้างการเรียนรู้ทางสังคมในงานประจำปีของหนองบัว ๒-๓ ปีที่ผ่านมา และตอนนี้ ก็ได้นำไปร่วมจัดงานผ้าป่าการศึกษาวันแม่ เทิดพระเกียรติ ๘๐ พรรษามหาราชินี และฉลองกาล ๘๙ ปีโรงเรียนอนุบาลหนองบัว ของโรงเรียอนุบาลหนองบัว(เทพวิทยาคม) ท่านผู้อำนวยการ คณะกรรมการจัดงาน รวมทั้งคุณครูผู้ประสานงาน ได้แก่คุณครูพิมพ์ทิพย์ บัวสนิท กับคุณครูเรียมวิไล ได้จัดเต๊นท์และอำนวยความสะดวกให้ผมนำเอาชุดนิทรรศการที่ขออาสาทุกท่านในเวทีคนหนองบัวไปจัดแสดงให้เป็นส่วนหนึ่งของงานให้เป็นอย่างดี ตอนนี้ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ได้บรรยากาศคึกคัก ผู้คน คนหนองบัวทั้งรุ่นเก่าแก่และคนรุ่นใหม่แวะเวียนมาคุยกันต่อประเด็นเรื่องราวต่างๆจากสื่ออย่างสนุกสนาน ในนามของคนหนองบัวคนหนึ่ง ต้องขอขอบคุณทุกท่านใน GotoKnow ที่ช่วยกันพูดคุยสานเรื่องราวต่างๆ จนสามารถทำสื่อและนำไปใช้ทำงานในวาระต่างๆได้มากยิ่งๆขึ้น รวมทั้งขอบคุณการสนับสนุนจาก สสส และ GotoKnow ตลอดจนขอบคุณคณะครูและนักเรียน ที่มาช่วยการติดตั้งและจัดนิทรรศการในครั้งนี้ ดูเป็นงานของคนหนองบัวมากจริงๆครั้งหนึ่ง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๔๐. รำลึกและร่วมสร้างหมุดหมายวันแม่กับแม่พิมพ์ของชาติของคนหนองบัว

ตอนนี้ผมกำลังไปอยู่ที่หนองบัว นครสวรรค์ ทางโรงเรียนอนุบาลหนองบัว(เทพวิทยาคม) จะจัดงานเพื่อเป็นวาระสำคัญหลายอย่างทั้งต่อคนหนองบัวและต่อการพัฒนาการศึกษา รวมทั้งต่อการเคลื่อนไหวทางสังคมวัฒนธรรม โดยจัดให้เป็นงาน ๘๙ ปีของโรงเรียน เทิดพระเกียรติ ๘๐ พรรษา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สร้างอาคารเรียนและศูนย์การเรียนรู้ดนตรีไทยของโรงเรียน จัดงานเชิดชูแม่และสถาบันครอบครัว รวมทั้งเป็นวาระเชิดชูเกียรติและแสดงความกตัญญูกตเวฑิตาแด่คุณครูลำดวน จันทรบุศย์ คุณครูอาวุโสอายุกว่า ๘๐ ปี ผู้เสมือนแม่คนหนึ่งของผมและศิษย์เก่าของโรงเรียน ซึ่งขายที่ดินของท่านในราคาถูกให้โรงเรียนได้ใช้สร้างอาคารเพื่อพัฒนาการศึกษาเล่าเรียนของเด็กๆและพัฒนาวิชาการของโรงเรียน ผมจะร่วมทำบุญผ้าผ่าการศึกษาและขอร่วมจัดนิทรรศการ นำเอาสื่อชุดนิทรรศการของเวทีคนหนองบัว ไปร่วมสร้างบรรยากาศของงานให้มีความหมายมากยิ่งๆขึ้น คนหนองบัวแทบจะทุกรุ่นตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายยาย ทั้งในตลาดและชุมชนโดยรอบ ที่ได้ผ่านการศึกษาภาคบังคับและการศึกษาระดับประถมต้น เชื่อได้เลยว่ามากกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นจะเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนอนุบาลหนองบัว(เทพวิทยาคม)นี้ การพบปะกันในครั้งนี้จึงเหมือนกับการชุมชนุมกันของคนหนองบัวในวาระที่น่าชื่นชมมากที่สุดงานหนึ่ง



ความเห็น (1)

เมื่อก่อนเข้าพรรษาหนึ่งวัน
ญาติจากหนองบัวสองคันรถ
ไปงานศพญาติ ที่ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย

ญาติๆแวะรับอาตมาที่วัดศรีโสภณ
ขากลับแวะส่งที่วัด เลยได้ฝาก
หนังสือวิทยานิพนธ์ของท่านอธิการโชัคชัย
ไปกับญาติ และให้ญาตินำไปมอบให้อาจารย์สืบศักดิ์ ปฏิสนธิ์ด้วย

วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๓๙. ใช้วิธีกำจัดขยะแบบ Landflled มาถมดินและปรับพื้นที่ในบ้า

ฤดูฝน ฝนตกและน้ำหลากหน้าดิน ทำให้รู้ว่าพื้นที่ในบ้านหลายแห่ง บ้างเป็นหลุม และบ้างก็เป็นเนิน หากจะซื้อดินมาถม แหล่งที่จะต้องแก้ไขก็กระจัดกระจาย กะปริมาณดินให้เพียงพอและระบุพื้นที่ให้ลงดินได้ลำบาก จะถมเองดินก็ไม่พอ เลยนึกถึงประสบการณ์เมื่อครั้งได้ร่วมประเมินโครงการก่อสร้างบ่อฝังกลบขยะของชุมชนเขตเมืองต่างๆในประเทศ ว่าน่าจะนำมาใช้ในบ้านได้ จากนั้น ก็ลองขุดดินขึ้นมากอง แล้วขนใบไม้ ขยะ กิ่งไม้ ใส่ลงไปในหลุม แล้วใช้ดินที่ขุดมาจากหลุมปิดทับลงไป ใช้ใบไม้ เศษหญ้า และเศษไม้ต่างๆ ประมาณ ๓ ใน ๔ ส่วน และดินเดิมที่ขุดขึ้น ๑ ส่วน ทำให้แก้ปัญหาหน้าดิน และได้ปรับเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในบ้านได้อีกหลายแห่งโดยไม่ต้องซื้อดินใหม่มาถมเลย



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท