อนุทินล่าสุด


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

ภูผานคร (2)

สิ่งที่น่าสนใจต่อการประมาณเห็นระบบสังคมและพัฒนาการระบบแสดงรหัสนัยของสังคมด้วยองค์ประกอบพื้นฐานโดยธรรมชาติของมนุษย์ ในภาพเขียนสีและประพันธศิลป์ของสังคมภูผานครยุคก่อนประวัติศาสตร์ลายลักษณ์

[4] ‘ขุนผาเมือง’ พระนามของกษัตริย์ก่อนยุคก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัย แม้เป็นยุคสมัยเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ลายลักษณ์แล้ว แต่ก็เห็นคติ แนวคิด ขนบการให้อุปลักษณ์ และสื่อแสดงถึง ‘ผู้เป็นใหญ่แห่งผาเมือง’ ‘ภูผานคร’ เป็นประเด็นแนวคิดหนึ่งในการสำรวจพหุมิติข้อมูลที่มีมากขึ้น ‘พ่อขุนบางกลางหาว’ ความสูงยิ่งใหญ่จนกลืนไปกับผืนฟ้า ในแง่หนึ่งนี้ ก็เป็นอุปลักษณ์ให้ได้นัยประหวัดถึงภูผา ขุนเขา ความสูงความยิ่งใหญ่เสียดฟ้า ตัวอย่างที่คล้ายกัน เช่น ศิลปกรรมหัตถศิลป์ในการออกแบบสัณฐานเจดีย์ไม่เรียวหวดฟ้า ด้วยการย่อมุมและลดหลั่นองค์ประกอบอุปลักษณ์และประพันธศิลป์ ให้ยังคงขนบของการช่างไทยได้ แต่ให้สามารถสร้างส่วนยอดที่เรียวเล็กจนสอบขึ้นจากผืนดินหายไปกับผืนฟ้า เรียก ‘ไม้เรียวหวดฟ้า’

[5] หากใช้หลักพื้นฐานทางศิลปะสมัยใหม่ ในการวิเคราะห์องค์ประกอบทัศนภาพ (Visual Elements) รวมทั้ง การคลี่คลายรูปแบบของจริงสู่องค์ประกอบนามธรรม และการสร้างสรรค์สิ่งแสดงอารมณ์ความรู้สึก ถ่ายทอดองค์ประกอบนามธรรมให้ประสบการณ์เชิงประจักษ์ได้ด้วยองค์ประกอบของเส้น แบบ จังหวะจัดวาง ลีลา หรือพื้นฐานทั่วไปของคนทำงานศิลปะในทุกแขนง ก็จะพบว่าในแบบแผนประพันธศิลป์ ขนบภาพเขียนสีผาแต้ม และหลายแห่งในประเทศไทย มีรูปลักษณ์ที่จะทำให้คิดออกได้ถึงแบบตัวอักษร วิธีเล่าเรื่อง การผูกสารัตถะเนื้อหา ไวยากรณ์ประพันธศิลป์ และพื้นฐานสุนทรียปัญญาทั้งหลายในงานสมัยใหม่ ดังเช่น ระเบียงวัดพระแก้ว และขนบการดำเนินเรื่อง ดำเนินความหมาย ซึ่งเห็นลักษณะเฉพาะของสังคมวัฒนธรรมไทยและในภูมิภาคโลกแดนใต้ได้อีกมิติหนึ่ง รวมทั้งเห็นความแตกต่างเป็นตัวของตัวเองหลายประการ ที่แตกต่างหลากหลายจากสังคมวัฒนธรรมอื่น

เป็นระบบและโครงสร้างพื้นฐานของปัญญาปฏิบัติหนึ่ง ซึ่งก็จะสอดคล้องกับพลวัตพหุปัจจัยในภูมิสังคมและข้อดีในหลายสิ่ง ที่จะไม่ปรากฏให้เห็นได้ในสังคมอื่นๆ การประมวลภาพสิ่งที่สังคมวัฒนธรรมอื่นขาดหายไปให้เป็นที่ปรากฏและก่อเกิดระเบียงทรรศน์แห่งพหุปัญญา อันเข้าถึงการประจักษ์จริงได้(จากฐานชีวิตและกรณีสังคมไทย) ที่ดีกว่าได้นี้ ให้ผลดีต่อวงกว้างอันไม่จำกัด



ความเห็น

I had noticed changes in ‘jediya’ shapes from ‘round mound’ (upturned half sphere – burial monument) to ‘tall column’ (of ‘Roman and/or Gothic dressing’ –not burial, but victory monument).
Does that indicate a change from mourning to celebrating mood?

ในด้านที่เป็นองค์ประกอบคติความเชื่อ แบบอย่างหน้าที่ทางประเพณีของสังคมวัฒนธรรมต่างๆ สะท้อนสู่แนวคิดการสร้างสรรค์และออกแบบอรรถประโยชน์ใช้สอยทางศิลปะ ทั้งด้านการจรรโลงจิตใจ การรักษาแนวปฏิบัติของสังคม และการทำหน้าที่จัดความสัมพันธ์ต่างๆทางสังคมสิ่งแวดล้อม สามารถเข้าถึงความซาบซึ้งได้อย่างดีเป็นจำนวนมากครับ และล้วนงดงามน่าสนใจ น่าอัศจรรย์ใจ มากครับ โดยเฉพาะแบบอย่างทางศิลปกรรมหัตถศิลป์

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ในแง่ที่เป็นการจารึก บันทึกถ่ายทอด สั่งสม สรรองค์ประกอบสิ่งแสดงขนบ หลักเกณฑ์ ระเบียงทรรศน์ ระบบทางภูมิปัญญา และฐานความเจริญงอกงามในชีวิตของสังคม หรือเป็นสื่อและหนังสืออุปลักษณ์เล่มใหญ่บนโลกและชีวิต ศิลปกรรมหัตถศิลป์การออกแบบและสร้างเจดีย์ โดยสรุปในทรรศนะของผม ก็จะเห็นภาพของการเป็น Grand Concept และในผังการจัดปฏิสัมพันธ์เชิงพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่แบบแผนของสถาปัตยศิลป์ ศิลปะบนผืนดิน ศิลปะพื้นโลก ศิลปะธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่อใช้แนวทางความรู้ความเข้าใจจากวิทยาการสมัยใหม่หลายๆด้านเข้าไปช่วยพิจารณา ก็จะสามารถเห็นการเป็นการออกแบบและจัดองค์ประกอบของแนวคิดและชุดมโนทัศน์ย่อย ไวยากรณ์และระบบยึดโยงหัวข้อสารัตถะเนื้อหาต่างๆ เพื่อประกอบสร้างความหมายและความเข้าใจจำเพาะบริบทสถานการณ์ให้เหมาะสมที่สุด ด้วยกระบวนการปัญญาปฏิบัติ พูด คุย สนทนา สร้างอรรถาธิบาย สื่อสาร สะท้อนสร้างประพันธศิลป์ และอื่นๆ ในกระบวนการมุขปาฐะ ซึ่งใช้วิธีจดจำ สืบทอด ตรวจสอบ สร้างวิธีวิทยาและแนวปฏิบัติต่างๆ ไว้ในตัวคน ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ลายลักษณ์ อาจจะหาทางเห็นขนบการหยั่งสะท้อนได้ไปถึงยุคหิน ยุคคูหานคร มาจนถึงยุคปัจจุบัน

ในมิตินี้ ‘สิ่งแสดงและให้การประจักษ์ต่อสารัตถการสรรสร้าง’ โดยเฉพาะงานศิลปกรรมหัตศิลป์ นั้น การศึกษาเชิงวิพากษ์ด้วยทฤษฎีและวิธีการต่างๆ หลายสาขาวิทยาการ ได้มีความก้าวหน้า หนักแน่นแข็งแรง ให้ความน่าเชื่อถือ มีน้ำหนักถือเป็นข้อยุติร่วมกันได้ในภาพรวม เป็นจำนวนมาก การจัดการเชิงระบบในภาพรวม สร้างสรรค์มณฑลส่วนรวมสังคมแบบรวมๆ มีอยู่มากและพัฒนาการดียิ่งๆขึ้นอยู่เสมอครับ

แต่ในด้านการบรรลุถึงความจำเป็นหลากหลาย เข้าถึงความหมาย เข้าถึงชุดคุณค่า ก่อเกิดสุขภาวะสังคมและเลือกสรรคุณภาพแห่งชีวิต ในรายละเอียดที่ต่างออกไปจากภาพรวมๆ (ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความต้องการและความจำเป็นอันแท้จริงในส่วนย่อยของใครเลย แต่หลายอย่างระบบสังคมต่างๆก็มักต้องทำตามๆกันไป) เหล่านี้ ระบบมหภาคจากวิธีสร้างหลักเกณฑ์ปฏิบัติเพียงด้านภาพรวม เกณฑฺ์และกรอบเชิงเดี่ยวเดียวกัน จะตอบสนองพหุลักษณ์ความเป็นจริงของพหุลักษณ์สังคมไม่ได้ ในระดับหนึ่งก็จะกลายเป็นพลังกระทบและแรงกดดัน

และเมื่อสังคมยิ่งขยายตัว ถักทอพลวัตหลากหลายถึงกัน ธรรมชาติความหลากหลายแตกต่างก็จะกลายเป็นภาวะย้อนแย้ง ปฏิสัมพันธ์กันด้วยความแตกต่างบนขั้วการเกาะเกี่ยวยึดโยงอันจำกัดรวมศูนย์ และปัจจัยเร่งปฏิกริยาอีกมากมาย ก็กลายเป็นการปะทะเชิงทำลาย ต่างเป็นอุปสรรคปัญหาและสิ่งขัดขวางการบรรลุประโยชน์สุขของกันและกัน ปรากฏการณ์แบบนี้ก่อเกิดเพิ่มพูนมากยิ่งๆขึ้น ตามการขยายตัวของทุกด้านของสังคมโลก ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก

การบรรลุถึงความต้องการและความจำเป็น ตลอดจนสามารถใช้โอกาสอย่างสูงสุดในชีวิตที่ผ่านมาแล้วบนโลกของทุกคน ให้ได้ความดี ความความงาม เป็นเป้าหมายจำเพาะตนอยู่ในตนเองอย่างสมบูรณ์ เต็มที่ เต็มศักยภาพการพัฒนาได้เยี่งมนุษย์เสมอกัน อย่างดีที่สุด ซึ่งระบบต่างๆและในทุกสังคมทุกยุคทุกสมัยต่างก็ต้องการไปถึงนี้ ระบบกลางๆ รวมๆ และขั้วรวมศูนย์ให้ถือทำตามกันไปเป็นหลักเกณฑ์เชิงเดี่ยว จะตอบสนองให้ครอบคลุมได้ยากและมักจะไม่ได้เลย ไม่ว่าจะด้านการศึกษา สุขภาพ สวัสดิภาพ คุณภาพชีวิต การยังชีพ ดำรงชีวิต การดูแลตนเองและสังคมสิ่งแวดล้อมทั้งในถิ่นฐานและวงกว้าง เพราะระบบคุณค่าและสิ่งที่มีความหมายในมิตินี้ มีความจำเป็นที่ต้องก่อเกิดขึ้นมาจากขั้วกระจายตัวการปฏิบัติมาจากอีกด้านหนึ่งด้วยอิสรภาพในปัญญาปฏิบัติสรรสร้าง ฐานชีวิต กำลังการเลือกสรรและเรียนรู้ยกระดับขอบข่ายการยึดโยงสิ่งพึงประสงค์ต่างๆได้ด้วยอัตภาพแห่งตน การกระจายตัวจากการปฏิบัติและเรียนรู้จัดความสัมพันธ์ความลงตัวหลากหลายไปด้วยนี้ ยึดโยงอยู่กับขั้วจุลภาคความจำเป็นในฐานชีวิต บริบทหลากหลายทางสังคมสิ่งแวดล้อม ต้องการปฏิสัมพันธ์ทางปัญญาปฏิบัติในอีกแบบแผนหนึ่งด้วยพหุลักษณ์มิติ พหุลักษณ์ปัญญา และต้องการมณฑลประกอบสร้างชุดความหมายและชุดคุณค่าชุดใหม่ในระดับก่อเกิดขึ้นมาท่ามกลางฐานการสะท้อนยึดโยงกันบนความลงตัวอย่างใหม่ ที่พลวัตไปกับธรรมชาติความเป็นจริงของสังคมสิ่งแวดล้อม ยกระดับการพลวัตความงอกงาม ข้ามขั้วเชิงเดี่ยว เบ็ดเสร็จ ความหยุดนิ่งตายตัว ให้มีความงอกงามไปกับกิจกรรมชีวิต ไปได้อย่างเหมาะสม

สื่อ ศิลปะ กระบวนการทางการศึกษา การแก้ปัญหาความจำเป็นในชีวิตและการอยู่อาศัยร่วมกัน ถิ่นฐาน แหล่งทรัพยากร สิ่งแวดล้อม (รวมทั้งเจดีย์และสิ่งสร้างสรรค์ทางศิลปกรรมหัตถศิลป์) เหล่านี้ ในแง่หนึ่ง ก็มีความเป็นมณฑลแห่งคุณค่า ความหมาย และมณฑลแห่งสาธารณประโยชน์พหุปัญญาต่อมวลชนอันไม่จำกัดเจาะจงอยู่ในตนเองดี ไม่จำกัดเจาะจงว่าจะต้องบังเกิดผลดี จริง งาม แก่ใครและกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เท่านั้น แต่สร้างกำลังปัญญาปฏิบัติให้เข้าถึงได้ด้วยตนเอง ทำอย่างไรก็มีโอกาสได้ผลแก่ตนเองเมื่อนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัย เพศ เชื่อชาติ คติความเชื่อ ยุคสมัย และอื่นๆ แตกต่างหลากหลายกันไปอย่างไร

แต่สิ่งเหล่านี้ การสร้างปัญญาความรอบด้าน จากฐานชีวิตและภายในโลกทรรศน์การปฏิบัติ เสริมกำลังกันกับการสร้างปัญญาจากโลกทรรศน์เชิงทฤษฎีภายนอก ซึ่งเป็นแนวทางสร้างระบบกำกับส่วนรวม ภาพรวม มหภาค กลางๆ แนวดิ่ง ซึ่งในอดีตก็รองรับความจำเป็นของสังคมตามยุคสมัยให้มีประสิทธิภาพได้ แต่เมื่อสังคมขยายตัวหลากหลายซับซ้อน การมีส่วนร่วมก่อเกิดขึ้นมากมาย การสร้างระบบตั้งรับโดยรวมเพียงเท่านั้น นอกจากจะไม่ทัดเทียมเพียงพอ แก้อุปสรรคปัญหาไม่ได้ และครอบคลุมความเป็นจริงหลากหลายไม่ได้แล้ว ก็จะร่วมเป็นปัจจัยสร้างปัญหาอยู่ในตนเองเสียเองอีกด้วย ปัจจัยความรู้ กระบวนการทางการศึกษาเพื่อความเจริญงอกงามของมวลชน

ปัจจัยความรู้ ปัญญาชี้นำกระบวนการทางการปฏิบัติในทุกขอบเขต กระบวนการทางการศึกษาเพื่อความเจริญงอกงามของมวลชน วงจรแห่งปัญญา และวงจรการพลวัตความงอกงามต่างๆของสังคม ที่ขาดหายไปอยู่นี้ ย่อมคาดหวังที่จะสร้างในแบบแผนอันจำกัดไปกับขั้วการยึดโยง ลดทอนสู่หลักเกณฑ์การกำกับเชิงเดี่ยว แนวดิ่ง รวมศูนย์ ตั้งรับ จะไม่เพียงพอ ไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง แนวปฏิบัติที่ดีทางหนึ่ง ก็คือ การเสริมส่งพลังปัญญาปฏิบัติที่มาจากฐานชีวิตและบริบทความจำเป็นของผู้คนและหน่วยความจำเป็นแตกต่างหลากหลาย ด้วยคุณภาพอย่างใหม่ของสำนึกผูกพันทางสังคม และจากวาระอันสะท้อนยึดโยงมาจากพื้นฐานความเป็นจริงต่างๆในชีวิต ที่มีองค์ประกอบการได้ซาบซึ้ง เรียนรู้ ยกระดับพัฒนาการ เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ก่อเกิดความงอกงามในชีวิต เข้าถึงสุขภาวะสวัสดิภาพสังคม และสุขภาวะมูลฐานคุณภาพแห่งชีวิต ตลอดทุกช่วงวัยและในห้วงชีวิต ได้อย่างพอสมควร

กระบวนการแห่งปัญญาปฏิบัติในลักษณะนี้ จึงต้องมีลักษณะกว้างขวาง ละเอียดอ่อนต่อชีวิตจิตใจและองค์ประกอบพื้นฐานในชีวิตของมนุษย์ทุกคน เสริมพลังการก้าวข้ามพรมแดนและขีดจำกัด แม้แต่การรู้หนังสือ การอ่านออกเขียนได้จากสื่อวจนภาษา ให้เข้าถึงด้วยสิ่งอันเป็นองค์ประกอบพื้นฐานการเรียนรู้และพัฒนาได้ของมนุษย์อย่างที่สุด คือ ความสามารถสื่อปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ การมีจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด การสะท้อนสะเทือนต่อการรับรู้จิตใจจากใจต่อใจ กระแสธารการหยั่งประมาณภูมิชีวิต กาลเทศะ ประกอบสร้างความหมาย สั่งสมมวลประสบการณ์ภายในตน … ซึ่งองค์ประกอบเพื่อสร้างพลวัตกระบวนการทางปัญญาในแง่นี้ องค์ประกอบในเจดีย์ และในงานศิลปกรรมหัตถศิลป์ จะมีอยู่ครับ

แต่สิ่งเหล่านี้จะเข้าถึง ถ่ายทอด และสื่อถึงกันได้อย่างจำกัด คนทั่วไปที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็จะมีแนวคิดแนวปฏิบัติไปอีกแบบหนึ่ง โดยมากก็จะกลายเป็นเรื่องความเชื่อ ไสยศาสตร์ ความศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้รู้ในทางนี้ ซึ่งผมขอเรียกโดยรวมไว้เพื่อทำความเข้าใจว่า ‘ชุมชนสุนทรียปัญญา’ ‘สุนทรียปัญญากร’ ‘ศิลปินพหุปัญญา’ ‘นายช่าง’ จะเห็นความหมายและมีความรู้ความเข้าใจ อ่านออก และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้อีก เหมือนเป็นระบบหนังสือ ภูมิปัญญาชีวิต ระบบความหมาย อย่างหนึ่งครับ แง่มุมนี้จึงน่าสนใจสำหรับใช้ศึกษาแบบแผนหลายอย่างของสังคม โดยเฉพาะระบบประพันธศิลป์ของสิ่งยึดโยงกันในระดับรากฐานทางสังคม ที่เชื่อว่าจะเห็นได้ด้วยในสังคมยุคใหม่ หลังยุคประวัติศาสตร์ลายลักษณ์

ขนบต่างๆบนเจดีย์และสิ่งสร้างสรรค์ทางศิลปกรรมหัตถศิลป์นี่ พวกช่างจะเข้าใจและรุ้กันดีครับว่าทุกองค์ประกอบนั้น ก็คือสิ่งแสดงและสิ่งทำให้องค์ประกอบในชุดความหมายนามธรรมต่างๆ ให้เป็นที่ปรากฏเป็นรูปลักษณ์ อย่างเป็นระบบ งดงาม เป็นฉากฉายองค์รวมวิวัฒนาการแห่งภูมิปัญญาที่เห็นและจับต้องไม่ได้ ให้ปรากฏขึ้นมาได้ อ่านกันได้ครับ แต่การถักทอ ส่องสะท้อน ข้ามพรมแดนพหุปัญญา พหุวิทยาการ เพื่อเห็นความลงตัวขั้วการยึดโยงแบบเสริมความงอกงามกันและกันได้นั้น เป็นเรื่องยาก แนวทางหนึ่งคือ การสร้างพหุปัญญาร่วมกันขึ้นในมณฑลพหุลักษณ์ ผสมผสานและบูรณาการจากแกนการหยั่งสะท้อนกับฐานชีวิต ความเป็นจริงและสิ่งประจักษ์ระดับจุลภาค ความเป็นจริงจากการหยั่งประมาณภาวะความงอกงามแห่งตน ในท่ามกลางภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม ที่ต้องหาวิธีศึกษา เรียนรู้ สร้างปัญญาปฏิบัติ จากหลายฐานความเข้าใจ ในส่วนที่ขาดหายครับ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

ภูผานคร (1)

สิ่งที่น่าสนใจต่อการประมาณเห็นระบบสังคมและพัฒนาการระบบแสดงรหัสนัยของสังคมด้วยองค์ประกอบพื้นฐานโดยธรรมชาติของมนุษย์ ในภาพเขียนสีและประพันธศิลป์ของสังคมภูผานครยุคก่อนประวัติศาสตร์ลายลักษณ์

[1] ‘ท่าสี’ ชื่อสถานที่ซึ่งมีอยู่หลายแห่งในประเทศไทย ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของชื่อสถานที่ บางแห่ง เช่น ‘บ้านท่าสี’ ที่จังหวัดลำปาง เล่าขานกันโดยชาวบ้านว่า แต่เดิมเป็นท่าน้ำซี่งมีต้นศรีมหาโพธิ์ และชาวบ้านท้องถิ่นจะเรียกต้นโพธิ์ว่าต้น’สี’ ต้น ‘สลี’ ภาคอีสานจะเรียกต้นโพธิ์ว่าต้น ‘สี’ ยังไม่พบว่าจะมีเค้าความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับแหล่งผลิต ขนส่ง หรือแลกเปลี่ยนสิ่งของในการผลิตสี ของยุคการสร้างภาพเขีนสีตามภูผา ถ้ำ หน้าผา ภูผานคร เลย ในแหล่งแวดล้อมของแหล่งภาพเขียนสีต่างๆ ในประเทศไทย ในต่างประเทศก็ยังไม่มีแนวทางที่จะศึกษาได้อย่างแน่ชัด

[2] สีชาด เมอ์คิวริคซัลไฟต์ หรือปรอท เป็นแร่ที่ให้สีแดง สีชาด พบได้ทั่วโลก และในทุกวัฒนธรรมใช้ทำสีแดง เทา ดำ รวมทั้งใช้รักษาสภาพอินทรียวัตถุและร่างกายมนนุษย์หลังเสียชีวิตไม่ให้เสื่อมสลาย เช่น ทาศพ ถนอมอาหาร มีคุณสมบัติซึมละลายเข้าไปในเนื้อวัสดุทำให้ติดแน่นได้ ในงานศิลปกรรมหัตถศิลป์ไทยโบราณก็ใช้ผลิตสีแดง สีชาด แต่ไม่มีหลักฐาน การกล่าวถึง การจารึก ให้เห็นถึงพัฒนาการและความสืบเนื่องกับสีแดงที่ใช้ในภาพเขียนสีภูผานครของยุคก่อนประวัติศาสตร์ลายลักษณ์

[3] หินสีเลือด แร่เฮมาไตต์ (Hematite หรือ Haematite มาจากภาษากรีก แปลว่าเลือด โลหิต ) เป็นออกไซด์ของแร่เหล็ก ใช้ผลิตสีแดง น้ำตาลแดง และสีดำได้ มีความสัมพันธ์กับแหล่งผลิต ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมการใช้เหล็ก การเผา การหลอม การเคลื่อนย้าย สัมพันธ์กับลักษณะเครื่องเคลือบ ดินเผา และเซรามิก คุณภาพสูงและปรากฏภาพเขียนสีในอีกแบบแผนหนึ่ง รวมทั้งมีความสัมพันธ์กับยุคโลหะ ยุคเหล็ก เข้าสู่ยุคอักษรลิ่ม การจารึก การสร้างของมีคม เครื่องจักสาน ดาบ อาวุธ เครื่องดนตรี กลอง เครื่องเคาะสร้างสื่อภาษาเสียง ศิลปกรรมหัตถศิลป์โลหะและประณีตศิลป์ สู่ระบบสังคมจากการสร้างสิ่งอาศัยและสาธารณสถานด้วยไม้ที่ไม่ใช่คูหา ถ้ำ ภูผา และยุคประวัติศาสตร์ลายลักษณ์ พัฒนาการภูมิปัญญาและพลวัตทางสังคมวัฒนธรรม ถ่ายเทสะท้อนยึดโยงกันได้ของยุคคูหานคร ภูผานคร กับปลายยุคหิน ยุคทองแดงและโลหะ ยุคประวัติศาสตร์ลายลักษณ์ และยุคศิลปวิทยาสมัยใหม่



ความเห็น

Just watched a documentary on Pompeii ‘new dig’ and they discovered a painter’s room with ‘materials for making colour paints’ – back then painters were artists and technicians.

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

ศิลปวิทยวัฒนธรรมวิวัฒน์

ปฏิบัติการแนวคิดพหุปัญญา บูรณาการสังเคราะห์สร้าง มณฑลพหุปัญญา ยกระดับประเด็นสะท้อนยึดโยงพหุลักษณ์สังคม เสริมพลังการวิวัฒน์ เกื้อหนุนพลวัต เสริมสร้างพลังก่อเกิดพลวัตชุดใหม่ของระบบคุณค่า ระบบความหมาย ชุดมโนทัศน์พหุปัจจัย พหุมิติ ด้านลดทอนยึดโยงสร้างระบบรวมศูนย์มาตรฐานเชิงเดี่ยว กับด้านกระจายตัวสร้างความหมายจากฐานชีวิตความแตกต่างหลากหลายปัจเจกภาวะ บูรณาการ ผสานความลงตัว ความพอดี ระบบกำกับส่วนรวมรวมศูนย์ กับระบบสร้างองค์ประกอบการบรรลุผลปฏิบัติในฐานชีวิต ความเป็นตัวของตัวเอง สัจการความเป็นจริงตามปัจเจกภาวะที่ไม่จำเป็นต้องลดทอน ไม่สามารถครอบคลุมได้ด้วยระบบตัวแทน ระบบการผลิตและตอบสนององค์ประกอบชีวิตและการดำรงความเป็นจริงของมนุษย์ ฐานร่วมการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ปฏิสัมพันธ์ประกอบสร้างตัวบทเนื้อหาชุดใหม่ข้ามพรมแดนพหุวิทยาการ ข้ามมิติพหุปัญญา เสริมพลังปัญญาปฏิบัติ ‘ศิลปวิทยวัฒนธรรมวิวัฒน์’ กระบวนการทฤษฎีจากภายนอกสะท้อนภายใน Interno-External Theoretical Model และกระบวนการทฤษฎีเชิงสะท้อนจากภายใน Externo-Internal Theoretical Model ( ผู้เขียน : วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ) การถอดบทเรียนเชิงสังเคราะห์สร้างพลวัตปฏิบัติการสุขภาวะมูลฐาน ผลสืบเนื่องการสาธารณสุขมูลฐาน พลวัตสุขภาวะสังคมจากฐานรากปัญญาปฏิบัติ สังคมไทยและของสังคมโลก พลวัตมิติสุนทรียพลานามัย จากตัวแปรและพหุปัจจัยสะท้อนยึดโยงสุขภาวะนิเวศและสุขภาวะมูลฐานฐานชีวิต



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

ระบบภูมิปัญญา การสร้างสิ่งแสดงปัญญาปฏิบัติ การถ่ายทอดและบันทึกจดจาร ระบบความหมาย ประพันธศิลป์ ก่อนเข้าสู่ระบบลายลักษณ์ คีตศิลป์ วรรณกรรมและประพันธศิลป์มุขปาฐะ แบบแผนและองค์ประกอบทัศนียภาพ ระบบ Creative Manifestation รูปธรรมและนามธรรมทัศนศิลป์



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

ระบบสังคมวัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ลายลักษณ์และรูปการณ์สัณฐานพลวัตระบบภูมิปัญญา



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

แนวทางการอ่านเพิ่ม กับการแสดงระบบคุณค่าและความหมายของชีวิต

แนวคิดเดิมของภาพมือ ภาพเขียนสีแบบทึบและแบบเส้นขอบ ภาพหลายระยะ แสดงความกว้างขวาง ความลึก ความลดหลั่นหนาแน่นหลายมิติแบบองค์ประกอบพหุมิติทัศนียภาพ Perspective and Point of View ถ้ำประตูผา ลำปาง ภูผาแต้ม อุบลราชธานี ถ้ำลาสโก ฝรั่งเศส รวมทั้งในหลายแห่งในประเทศไทยและหลายแห่งของโลก และภาพซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนตุ้มดักปลา ดังเช่นภาพเขียนสีผาแต้ม หากเป็นตุ้มดักปลาและเครื่องมือประมงทำมาหากิน จะย้อนแย้งกับหลักฐานยุคหิน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และก่อนยุคเหล็ก

การทำเครื่องจักสานด้วยไม้ไผ่ หรือไม้ ต้องการเครื่องมือมีคม สามารถสร้างตอกและชิ้นส่วนการจักสานที่มีรายละเอียด ในยุคหินจึงไม่สามารถทำได้ แต่การถักทอ หมวก เครื่องแต่งกาย ด้วยหนังสัตว์ จะสามารถทำได้ แต่การกระเทาะ สร้างภาชนะดินเผา สร้างไหหิน สามารถทำได้

ลักษณะการจัดระยะ ตำแหน่ง ลำดับภาพ การแสดงให้เห็นได้ถึงความสำคัญของกระดูก โลหิต เขา งา ฟัน รูปสังขารและภาวะการดำรงอยู่ของมนุษย์ เหล่านี้ ภาพคล้ายกับตุ้มดักปลาและเครื่องมือประมง จึงควรจะเป็นภาชนะแสดงรูปลักษณ์คุณค่าและความหมายสำคัญ ปรัชญาและระบบวิธีคิดต่อสิ่งสืบทอดเชิดชู เช่น หม้อดินใส่กระดูก ไหหิน ต้นธารของระบบปฏิบัติต่อชีวิตและสังคมหลังตาย การสร้างเจดีย์ การฝังศพ การทำมัมมี่ การสร้างปิรามิด



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

.ระเบียงประพันธศิลป์ ระเบียงสารัตถสังเคราะห์ศิลป์ .ศิลปะการออกแบบองค์ประกอบและไวยากรณ์.องค์ประกอบความลงตัวที่แสดงการค้นพบแล้วนับแต่ยุคหินและก่อนประวัติศาสตร์ 15000-5000 ปี.สิ่งระบุและจำแนกมนุษย์โฮโมซาเปียน

แบบแผน รูปการณ์สัณฐาน หลักไวยากรณ์ภาพและเนื้อหาเชิงสังเคราะห์ โครงสร้างเนื้อหา ทิศทางการแสดงเนื้อหา การพรรณา ซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย บนลงล่าง ล่างขึ้นบน แบบแผนการแสดงมณฑลภาวะจากพหุลักษณ์ความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์พหุมิติที่มองไม่เห็นโดยตรงด้วยองค์ประกอบทัศนียภาพ Perspective แบบแผนการแสดงภาวะแห่งตนและการมีอยู่ในระบบของมนุษย์ แบบแผนการเข้ารหัส Coding ถอดรหัส Decoding การประกอบสร้างความหมาย การแสดงระเบียงทรรศน์ การสร้างจังหวะและองค์ประกอบการเว้นว่าง ปัญญาปฏิบัติ ความฉลาด Kerning Art จังหวะ Rythm ความเงียบ Silenceness

การสร้างระบบความหมาย การสร้าง Space-Form และระบบพื้นฐาน แสดงสัดส่วน เส้น รูปทรงและรูปร่างทางสายตา รูปทรงเรขาคณิต การคอนทราสต์ ช่องว่างและรูปร่างขอบนอก

การลำดับภาพ การลำดับเรื่องราว แบบแผนการจัดแสดงเนื้อหาและสิ่งแสดงประสบการณ์เชิงประจักษ์ของสารัตถสังเคราะห์ศิลป์ [1] ประพันธศิลป์ [2] ( ผู้เขียน : วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ) รูปแบบของระเบียงประพันธศิลป์ ระเบียงสารัตถสังเคราะห์ศิลป์ ไวยากรณ์ หลักพื้นฐาน การผูกระบบพรรณาและถ่ายทอดความหมายสู่ระบบลายลักษณ์ วัฒนธรรมมุขปาฐะ การคิดค้นแสดงประพันธศิลป์ บูรณาการศิลปวรรณกรรม ดังเช่น จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ ณ ระเบียงคตวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง พื้นฐานและเค้าโครงพื้นฐานของศิลปะภาพยนตร์ หนังสือและสื่อประพันธ์ แกลลอรี พิพิธภัณฑ์

การผลิตสีแดง การขยายภาพ การเขียนภาพในที่สูง วิธีการกำซาบพื้นผิว ออกไซด์เหล็ก การค้นพบแหล่งเหล็ก การถลุงเหล็ก การค้นพบส่วนผสมเซรามิกคุณภาพไร้การดูดซึม การสร้างสีจากหินและโลหะ การสร้างเหล็กแหลมและมีคมด้วยโลหะ ฐานพัฒนาการเข้าสู่ยุคเหล็ก ระบบสังคมและเมืองภูผานคร ด้วยการวิเคราะห์ ทบทวน วิพากษ์ ความสัมพันธ์เชิงภูมิศาสตร์ อาณาบริเวณของภูเขา เกาะ ทะเล มหาสมุทร พื้นราบ แหล่งค้นพบเหล็ก ดิน แร่ โลหะ บทบาทของถ้ำและภูผานคร ในฐานะศูนย์กลางของเมืองและชุมชน แหล่งสร้างและถ่ายทอดสั่งสมทางภูมิปัญญา



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

รูปฟอร์มและช่องว่าง ภาพมือ ภาพเขียนสีระบบการจารึกจดจารและสิ่งแสดง เมืองและระบบสังคมวัฒนธรรมยุคหิน

กร มือ ผู้ทำ ผู้สรรสร้าง ผู้เป็นกำลังปฏิบัติ ผู้แสดงให้ปรากฏ ผู้กระทำให้ประจักษ์ ทวิลักษณ์ ประจุภายใน รูปการณ์ภายนอก รูปลักษณ์ [1] ปรากฏในภาพเขียนสี ผนังถ้ำ วัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคหิน คาดประมาณ ประมาณ 1200-5000 ปี [2] ปรากฏในวจนภาษาและภาษาลายลักษณ์ เช่น ทินกร ทิน-วัน + กร-มือ = มือของวันเวลา ผู้ทำให้กาลเวลาปรากฏ พระอาทิตย์ รัชนีกร แสงจันทร์ ผู้ทำแสงสว่างแห่งดวงจันทร์ให้ปรากฏ จิตรกร ผู้วาดระบายให้เป็นที่ประจักษ์ต่ออารมณ์ จิตใจ ความรู้สึก ปัจเจกภาวะและสัจการแห่งตนของมนุษย์ [3] Manifestator ผู้สำแดง ผู้สร้าง ผู้กระทำให้ปรากฏ รากศัพท์เดิมมาจากภาษาลาติน ในพจนนานุกรมออกฟอร์ด OED Oxford English Dictionary ระบุการพบการใช้ครั้งแรกและครั้งเดียวในต้นศตวรรษ 1600 จากงานของ William Barlow, bishop of Lincoln และไม่พบการใช้ในแหล่งต่างๆอีกในกาลต่อมา

ข้อสังเกตการสะท้อนคิดและวิพากษ์ทบทวนศึกษาแบบแผนและพัฒนาการของยุคสมัยอดีต ปัจจุบัน อนาคต

(1) Figurative Concept แรกเริ่ม สิ่งแสดงเชิงประจักษ์ต่อ โลก มนุษย์ ผู้สร้าง (2) อาการแสดงภาวะสืบเนื่องเชิงระบบ Manifestation ปรากฏอยู่ในวิธีวิเคราะห์ประเมินภาวะเชิงระบบจากสิ่งแสดงเชิงประจักษ์ สีสัน การตอบสนองต่อแสง ตำแหน่ง ทิศทาง รูปร่าง ปฏิกริยาและการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น และองค์ประกอบที่สังเกตและวัดประเมินได้ ในการศึกษาของเวชนิทัศน์ศิลปกรรม Medical Audio-Visual Illustration and Technology



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

น้อมคารวะ และขอแสดงความอาลัย ศาสตราภิชาน ล้อมเพ็งแก้ว



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๓. สู่เทศกาลทำไร่ทำนา วันแรกนาขวัญ ๒๕๕๗

                                 



ความเห็น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๖๒. แจกันน้ำ สำหรับมุมนั่งทำงานกลุ่ม รับแขก และมุมรื่นรมย์หน้าร้อน

                                      

                                      

                                      

                                      

                                      



ความเห็น

อาจารย์เปลี่ยนทรงผม หาเกือบไม่เจอแน่ะค่ะ ___

น่านั่งจริงๆ ครับ หนา นุ่ม ชุ่มชื่นใจ

อาจารย์หายไปนานมาก

ชอบใจแจกันน้ำ

ในภาพที่ไหนครับ

ใต้ถุนบ้านอาจารย์ใช่ไหมคะ ภาวะน่าสบาย
ทรงผมใหม่ของอาจารย์ดูสักไม่เกิน ๔๕ นะคะ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๖๑. ตัวอย่างเครื่องมือคำถามถอดบทเรียนและทำ Reflection สะท้อนกลับสู่วงจรไปฏิบัติในชีวิตและการงาน

                                     

ยกตัวอย่างให้เครือข่ายโรงพยาบาลสร้าง เพื่อใช้กระบวนการถอดบทเรียน ค่อยๆยกระดับการทำกิจกรรม และสร้างความลึกซึ้ง ทำให้กิจกรรมเท่าที่มีอยู่ตามเป็นจริง ค่อยๆได้รับการเรียนรู้ แล้วก็ยกระดับเข้าสู่ความเป็นยุทธศาสตร์ คืบหน้าไปเรื่อยๆ



ความเห็น

เดี๋ยวหนูจะหาโอกาสเอาไปลองใช้ดูนะคะ ขอบคุณค่ะอาจารย์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๖๐. หน้าร้อนแล้งแต่ใบไม้กลับแตกใบและอากาศหนาวเย็น

ช่วงนี้ไปจนถึงเดือนเมษายนและพฤษภาคม โดยปรกติแล้วจะเป็นหน้าร้อนแล้ง ที่เชียงใหม่และทางเหนือนั้น ภูเขา แมกไม้ และไร่นา ในหน้านี้ แลไปทางไหนก็จะดูเป็นสีน้ำตาลหม่น ร้อนและแล้ง แต่ปีนี้พอเริ่มย่างเข้าหน้าร้อน ก็มีพายุฝนติดต่อกัน ๒-๓ ครั้ง ต้นไม้ที่กำลังทิ้งใบแห้งกรอบ ก็เลยผลิใบอ่อนออกมาอย่างกับย่างเข้าสู่ฤดูฝน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาอากาศกลางคืนก็เย็นกระทั่งออกจะหนาว ถึงกับต้องนอนห่มผ้าเลยทีเดียว 




ความเห็น

ใช่เลยครับ ท่านพี่ ;)...

โดยเฉพาะคนนอนคนเดียว ;)...

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๙. เวทีค้นหาประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อท้องถิ่นและแนวคิดการพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดลอำนาจเจริญ

วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นคร เหมะ รองธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ดูแลโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี นครสวรรค์ และอำนาจเจริญ กับผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญและเครือข่ายผู้นำของท้องถิ่น มีแนวคิดมุ่งหาแนวทางสร้างความเป็นมหาวิทยาลัยที่จะเป็นกำลังในการสร้างคน วิจัย พัฒนาวิทยาการและเทคโนโลยี รวมทั้งให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ที่มีความเชื่อมโยงกลมกลืนกับท้องถิ่นในภูมิภาค และสนองตอบต่อการพัฒนาประเทศในบริบทใหม่ๆของโลกที่มุ่งให้ประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ที่นำเสนอขึ้นจากท้องถิ่นเป็นลำดับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์การดำเนินงานของมหาวิทยาลัย จึงได้หารือกัน ไปคุยกันในสื่อและเวทีสาธารณะต่างๆ แล้วก็มาชวนผมไปนำทีมคณาจารย์และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย จัดกระบวนการระดมความคิดและการค้นหาวิสัยทัศน์และแนวยุทธศาสตร์กับเครือข่ายผู้นำสาขาต่างๆของจังหวัดอำนาจเจริญ จากนั้น ก็จะนำเสนอเพื่อการปรับปรุงและรับฟังข้อชี้แนะ จากท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี และคณะผู้ทรงคุณวุฒิที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัย นำมาปรับปรุงแล้วก็นำเสนอต่อคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นลำดับต่อไป ทางทีมวิจัย คณาจารย์ และคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมหิดลอำนาจเจริญ ได้ทำงานกับพื้นที่และทำงานข้อมูล ตลอดจนพัฒนายุทธศาสตร์ต่างๆมาอย่างต่อเนื่องมากพอสมควรแล้ว กระนั้นก็ตาม ในวันที่จัดเวทีระดมความคิด ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ นี้ ผมก็อยากจะขอเชิญชวนสื่อ และเครือข่ายบล๊อกเกอร์ Gotoknow ที่เป็นคนในจังหวัดอำนาจเจริญและใกล้เคียง ที่จะสามารถเดินทางไปร่วมเวทีได้สะดวก ไปร่วมเป็นสังเกตการณ์ ให้เสียงสะท้อน ให้ข้อมูล ให้ข้อสังเกต และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการระดมความคิดของเวทีด้วยความยินดียิ่งนะครับ



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๘. เลยได้บินวีไอพีราวกับมีเครื่องบินส่วนตัว

วันนี้ผมสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของนักศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวรเสร็จ ก็ออกจากพิษณุโลกกลับเชียงใหม่โดยสายการบินกานต์แอร์ซึ่งมีอยู่สายการบินเดียวและมีเที่ยวเดียวในตอนเย็นของแต่ละวัน ก่อนตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่องประมาณสองชั่วโมง พนักงานของสายการบินก็ประสานงานเพื่อให้ผมยืนยันการเดินทาง พอผมจะเลือกที่นั่ง พนักงานก็บอกว่าเลือกได้ตามสบายเลยเพราะผู้โดยสารวันนี้มี ๒ คน ผมเลยขอนั่งที่นั่งเดิมคือที่นั่งติดกับด้านหลังกัปตัน 

เมื่อขึ้นเครื่อง ก็มีผู้โดยสารมาเพิ่มอีก ๑ คน ระหว่างเดินขึ้นเครื่อง พนักงานต้อนรับ ๓ คนรวมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินอีก ๑ คนก็เป็นกลุ่มใหญ่กว่าผู้โดยสารทั้งหมด ๓ คนแล้ว ผู้โดยสารอีก ๒ ท่านเป็นสุภาพสตรี ท่านหนึ่งนั้นผมคุ้นหน้ามากอย่างยิ่ง เหมือนว่าจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย 

ผมและผู้โดยสารอีกสองท่านเลยได้รับการต้อนรับอย่างดีแทบจะ ๑ ต่อ ๑ เดินคุยกันเหมือนคนคุ้นเคยเดินสนทนากันขึ้นเครื่องบินส่วนตัว พอไปถึงเครื่องบิน กัปตันทั้งสองท่านก็มองลงมาจากห้องเครื่องและกล่าวสวัสดีทักทายผมกับผู้โดยสารสุภาพสตรีอีก ๒ ท่าน เลยก็เป็นเที่ยวบินที่ได้ความเฉพาะ ราวกับเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวก็ไม่ปาน



ความเห็น

อาจารย์บรรยายจนนึกภาพออกและออกอาการอิจฉา ฮิ ฮิ

อาจารย์คะ  มีแววว่า..."มหาเศรษฐี"...แน่นอนเลย  อิ อิ

รวยเพื่อน  รวยกัลยาณมิตร  รวยความรู้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๗. ฝนตกบนฟ้า มองผืนดินและฟ้ากว้างสุดสายตา จากสายตาของกัปตันเครื่องบิน

ผมไปสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของนักศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร เดินทางโดยสายการบินกานต์แอร์ที่ผมไม่เคยทราบเลยว่ามีสายการบินนี้ ยิ่งพอเห็นเครื่องบิน เมื่อเทียบกับเครื่องบินโดยสารทั่วไปแล้ว ก็ดูเล็กไปถนัดตา แต่พอได้นั่งโดยสารไปแล้ว นอกจากได้ความประทับใจมากหลายอย่างแล้ว ก็สะดวกและดีไม่น้อยไปกว่าที่เคยโดยสารเครื่องบินทั่วๆไป และหลายอย่าง ก็ไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ได้จากการบินไปกับสายการบินกานต์แอร์นี้ 

ผมได้ที่นั่งต่อหลังนักบิน โดยไม่มีกั้นห้องและสิ่งกีดขวาง เลยก็ได้นั่งดูการขับเครื่องบินและมองรอบข้างในทัศนวิสัยที่เกือบอยู่มุมเดียวกับกัปตันและนักบินมือ ๑ และมือ ๒ ระหว่างอยู่บนเพดานบินแล้ว ก็มีฝนตก เหนือก้อนเมฆก็ยังมีฝนตกอยู่อีก ฝนที่ตกลงดินที่ผมเห็นอยู่ทั่วไปนั้น ไม่ได้มาจากเมฆฝนที่ลอยเรี่ยดินอยู่อย่างเดียว แต่ส่วนหนึ่งมาจากเมฆสูงมากกว่าที่ผมเคยคิดเสียอีก

นอกจากผืนดินเบื้องล่างและฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาแล้ว ช่องมองออกไปยังภายนอกของนักบินก็ไม่เห็นอะไรเลย นักบินเห็นสิ่งต่างๆผ่านเรดาร์และจอภาพ กราฟ แผนภาพ ตัวเลขที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลามากมาย ซึ่งคงจะเป็นการรายงานทั้งความเป็นปัจจุบันและการทำนายล่วงหน้าตลอดเวลาของสมการตัวแปรที่จำเป็นต่างๆสำหรับการบิน เมื่อขึ้นหรือลงจอด ก็เห็นไฟบนลานบินนิดเดียว จึงแทบจะเป็นการเห็นโลกรอบข้างและบินไปด้วยคณิตศาสตร์ล้วนๆ  

เครื่องบินขนาดเล็ก ทำให้มีพื้นที่จำกัด กระบวนการต่างๆเลยต่างจากที่เคยได้เห็นในเครื่องบินลำใหญ่ ไม่มีพนักงานหลายๆคนมาสาธิตการปฏิบัติตนในขณะลอยฟ้าอยู่ในเครื่องบิน ไม่มีกระเป๋ายานเหาะหรือพนักงานเดินบริการบนเครื่อง แต่ทั้งหมด ออกแบบกระบวนการต่างๆเสียใหม่ โดยแทนที่จะให้บริการบนเครื่อง ก็มีพนักงานคอยให้บริการบนพื้นดิน คอยดูแลและบริการอาหารเครื่องดื่มขณะนั่งรอตรวจบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งก็กลับให้ความรู้สึกดีเหมือนไม่ได้นั่งรอติดต่อกันนานๆ เป็นการออกแบบกระบวนการต่างๆให้สอดคล้อกลมกลืนเฉพาะเงื่อนไขของตน ซึ่งนอกจากจะรักษามาตรฐานต่างๆอย่างที่มีอยู่ทั่วไปได้แล้ว ก็กลับเป็นข้อดี สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตนของตนเองได้เป็นอย่างดี ผู้คนที่ใช้บริการ ก็เกิดประสบการณ์แปลกใหม่ เห็นความคิดสร้างสรรค์และได้เห็นความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงรอบข้าง แม้บนสิ่งที่น่าจะเป็นเรื่องพื้นๆทั่วไปอยู่แล้ว 



ความเห็น

เป็นนักบินที่  ๓  ไปเลยนะคะอาจารย์  เก๋มากค่ะ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๖. สุขศึกษาออนไลน์ สุขศึกษาเพื่อสร้างสุขภาวะสาธารณะ

ผมไอติดต่อกันมาเป็นเดือน และไอหนักมากนับสัปดาห์ แต่เดิมคิดว่าเป็นปรกติของการเป็นหวัดและหลังจากหายไข้หวัด แต่หลังจากหายเป็นไข้หวัดแล้ว ก็ยังไออยู่อีก เลยนึกถึงการแพ้อากาศและอาการชี้นำอื่นๆทางสุขภาพ 

พอให้ความสนใจขึ้นมาแล้ว Health Seeking Behavior Model ของผม ก็เริ่มต้นจาก Community-Oriented และ Online Society Oriented Model โยนคำถามและสนทนาเรื่องสุขภาพกับคนรอบตัว เพื่อฟังการประเมินและให้เสียงสะท้อนภาวะทางสุขภาพจากการสังเกตโดยตรงของ Lay Person ให้เห็นภาพโดยรวมที่ตนเองไม่สามารถเห็น รวมทั้งให้เกิดประเด็นเพื่อนำไปศึกษาด้วยตนเองเชิงลึกให้ได้หลายๆด้าน 

จากนั้น ก็ใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์ ให้การปรึกษาใคร่ครวญกับตนเองไปพร้อมกับศึกษารวบรวมข้อมูลบนสื่อออนไลน์ แล้วก็เป็นหมอให้ตัวเอง วิเคราะห์และชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็สรุปเองว่าควรจะเป็นอาการหลังจากหายไข้หวัดธรรมดานี่เอง แต่ที่ไอมากและนานกว่าที่เคยเป็น ก็น่าจะเกิดจากเป็นช่วงที่ต้องใช้เสียงบรรยายอย่างต่อเนื่องให้กับหลายกลุ่มคนและหลายหน่วยงาน แล้วก็เป็นธรรมดาที่ต้องเดินทาง เตรียมการต่างๆ อดหลับอดนอน เลยไม่ใช่ความวิกฤติที่การไอ แต่เป็นเรื่องขาดการพักผ่อนและการดูแลให้ถูกต้องเพียงพอ

พอค้นหาข้อมูลทางสื่อออนไลน์ ผมก็ได้พบว่า ข้อมูลที่ทำให้ได้ศึกษาทางสุขภาพเพื่อดูแลตนเองเป็นเบื้องต้นอย่างที่ต้องการนี้ มีอยู่ในเว๊บบล๊อกของบล๊อกเกอร์ที่มีความเป็นหมออาสาและนักส่งเสริมสุขภาพ ให้สุขศึกษาแก่สังคมด้วยจิตอาสา เขียนเผยแพร่ไว้อย่างหลากหลาย 

เมื่อรวบรวมแล้วก็ได้ความรอบด้าน หลายแง่หลายมุม ทั้งในเว๊บล็อก Gotoknow เว๊บบล็อก OKnation และอีกหลายแห่ง เป็นความเคลื่อนไหวและการสร้างพื้นที่ปฏิบัติการ PHC และสุขศึกษาเพื่อการดูแลตนเองอย่างง่าย ในสื่อออนไลน์ และการสร้างพลังเข้าถึงการมีส่วนร่วมรักษาสุขภาพ และพัฒนาสังคมสุขภาวะ ที่น่าสนใจมาก เป็นอีกมิติหนึ่งของโอกาสพัฒนาการทำงานทางสุขภาพ ที่คนทำงานสุขภาพชุมชนและหน่วยทำงานเชิงรุกทางสุขภาพจะต้องเรียนรู้และพัฒนาระบบการทำงานในเงื่อนไขใหม่ๆบนความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มาพร้อมกับสังคมออนไลน์มากยิ่งๆขึ้นนี้ 



ความเห็น

หายไว ๆ นะครับ ท่านพี่ ;)...

ไอตะเบ็งจนเหมือนสมองจะไหลออกมาทางหูแล้วละอาจารย์ ขอบพระคุณครับ

ขอคารวะครูอ้อย คุณตะวันดิน และคุณหมอธิรัมภาครับที่แวะมาเยือนกัน
ขอขอบพระคุณและมีความสุขมากๆครับ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๕. พื้นที่ความสร้างสรรค์และพื้นที่ส่งผ่านจิตวิญญาณเมืองกับชนบท

วันนี้ก่อนกลับบ้านที่สันป่าตอง เชียงใหม่ ผมจะถือโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่ ๒ แห่ง คือ หอนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน และร้านอรุณอินบางกอก สถานที่เรียนรู้และหาวิธีพัฒนารูปแบบที่หลากหลายสำหรับการจัดการธุรกิจเชิงสังคมของน้องๆบางกอกฟอรั่ม ที่แพร่งภูธร ข้างคลองหลอด หลังตึกกระทรวงกลาโหมเก่า หอนิทรรศการนิทรรศน์รัตนโกสินทร์นั้นผ่านหูผ่านตาแต่ภายนอกอาคารหลายครั้งแล้ว ส่วนที่สำนักงานของบางกอกฟอรั่ม ก็ไปร่วมกิจกรรมเวทีเสวนาและเวทีสร้างการสื่อสารเรียนรู้สาธารณะในแนวประชาสังคมมาหลายครั้งแล้วด้วยเช่นกัน

แต่ครั้งนี้ จะมีสมาชิกของเครือข่ายศิลปินน่าน นำเอาผลงานจากเมืองน่าน มาจัดแสดงและเปิดเวทีเสวนากัน เหมือนกับเป็นการเดินเข้าหากันของสังคมเมืองกับชนบท นำเอาวิถีชีวิต ความรื่นรมย์ และสิ่งต่างๆ ที่สามารถส่งผ่านจากใจสู่ใจกันได้ด้วยงานศิลปะ จากคนในเมืองในชนบท มาฝากชุมชนและคนในเมืองใหญ่ๆดังเช่นกรุงเทพมหานคร สร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายมิติความเป็นส่วนรวมที่มีความร่วมกันมากขึ้นของเมืองใหญ่กับเมืองในพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งสร้างแรงกระเพื่อม เพื่อเสริมกำลังให้กับวิธีสร้างปฏิสัมพันธ์ในเชิงแลกเปลี่ยนคุณค่าและความหมายของชีวิตทางสังคม ที่มุ่งสร้างสุนทรียภาพและความรื่นรมย์ของชีวิตการอยู่อาศัยร่วมกันในสังคม รวมทั้งให้กระบวนการเรียนรู้คุณค่าและปรัชญาชีวิต ตลอดจนสร้างเสริมแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนได้กลับออกไปดำเนินชีวิตและทำการงาน มีความสุข มีคุณภาพชีวิต เป็นพลเมืองและสมาชิกของสังคมที่มีความหมายต่อการเป็นกำลังของเมือง ในวิถีทางที่แตกต่างหลากหลายแต่มีความเชื่อมโยงกันได้ในเชิงจินตภาพและความรู้สึกนึกคิดต่อตัวตนบนความเป็นส่วนรวมร่วมกัน ที่สามารถกล่อมเกลาให้ดียิ่งๆขึ้น ต่อไป

วิธีปฏิบัติการอย่างนี้ทำให้เกิดความหลากหลายในหนทางไปของชีวิตและวิถีสังคมมากยิ่งๆขึ้น เพราะสังคมเมืองและการแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆกันโดยทั่วไปนั้น มักไหลไปกับการเรียนรู้ที่หยาบกระด้างไปบนการให้คุณค่าต่อผลประโยชน์ทางวัตถุและเงินตรา ต้องซื้อขาย เอาประโยชน์ เอาผลกำไรและความได้เปรียบจากคนอื่นให้ได้มากที่สุด จนทำให้การเรียนรู้เพื่อพัฒนาชีวิตและคุณค่าด้านในของมนุษย์ขาดการบ่มเพาะให้งอกงามอย่างสมดุลไปด้วย ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันเรียนรู้และเชื่อมโยงการปฏิบัติเข้าหากันมิให้ความริเริ่มที่เกิดขึ้นสูญเปล่า หากพื้นที่ความสร้างสรรค์อย่างนี้มีงอกงามและยิ่งเกิดอย่างมั่งคั่งในสังคมเมือง ก็จะทำให้ชีวิตและจิตวิญญาณของเมืองมีรากฐานสำหรับการพัฒนาทางวัตถุและทางกายภาพที่ลึกซึ้ง เข้มแข็ง ยั่งยืน 

แต่เดิมนั้น งานจะเปิดในเย็นวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ ผมจึงจะอยู่ร่วมงานและร่วมชื่นชมด้วย แต่ตอนนี้ได้ปรับเปลี่ยนรายการและเลื่อนไปเปิดเย็นวันอาทิตย์ เลยจะไม่ได้อยู่แต่จะขอไปเยี่ยมน้องๆและผู้นำชุมชนแถวนั้นสักหน่อยกันก่อน



ความเห็น

ไม่มีความเห็น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๔. ยักษ์ : ก้าวกระโดด Transnational Cultural Dialogue และอุตสาหกรรมวัฒนธรรมมวลชนในหนังแอนนิเมชั่นสายเลือดไท

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่วงหนึ่งระหว่างพากันทำน้ำพริกและเก็บผักในสวนที่บ้านมาทำอาหารมื้อเย็นนั่งกินด้วยกันไปตามประสา ด้ากับนา ครอบครัวเพื่อนบ้านของผมที่สันป่าตอง ก็คุยเรื่องหนังแอนนิเมชั่นของประภาส ชลศรานนท์ เรื่อง ยักษ์ ทำให้ผมเสนอโปรแกรมพากันไปดูหนัง จากนั้นอีกวันสองวันก็พากันไป ไปดูหนังเรื่องนี้กันแหละครับ

เมื่อไปชมแล้ว นอกจากจะไม่ผิดหวังแล้ว ก็ได้ความประทับใจมากมายหลายอย่าง ทางด้านความเป็นศิลปะหนังการ์ตูนและกราฟิคเคลื่อนไหวหรือแอนนิเมชั่นนั้น ก็เป็นหนังแอนนิเมชั่นไทยที่ก้าวกระโดดก้าวใหญ่ จากยุคที่เคยมีหนังแอนนิเมชั่น 'สุดสาคร' ของอาจารย์ปยุต เงากระจ่างเมื่อทศวรรษ ๒๕๒๕ ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจแล้วก็กลายเป็นตำนานไป ไม่มีหนังแอนนิเมชั่นหนังใหญ่อย่างนั้นออกมาอีก พอมาถึงหนัง 'ยักษ์' แม้จะเป็นเพียงอีกเรื่องในไม่กี่เรื่องที่สร้างขึ้นในสังคมไทย ก็กลับก้าวเลยความเป็นหนังท้องถิ่น โดยได้รับรางวัลระดับโลกและมีการซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายในประเทศอื่นๆด้วย

หนัง'ยักษ์' นี้ หยิบเอาเรื่องราวของรามเกียรติ์หรือเกียรติยศแห่งราม มาคิดและทำใหม่ ภายใต้ความเป็นรามเกียรติ์นั้น เราทราบกันดีว่า นอกจากเป็นวรรณคดีและงานเขียนยุคโบราณของวาลมิกิฤาษีอินเดียเรื่องยาวมากเรื่องหนึ่งแล้ว ก็จัดว่าเป็นโลกทรรศน์และระบบวิธีคิดของอินเดียที่มีอิทธิพลมากสายหนึ่งของโลกต่อหลายสังคม จึงนับได้ว่าเป็นวัฒนธรรมมหาชนแบบข้ามพรมแดนความเป็นรัฐชาติ

หนัง 'ยักษ์' หยิบมาเล่นเหมือนชวนตั้งคำถามใหม่ผ่านสิ่งต่างๆที่สะท้อนอยู่ในความเป็นรามเกียรติ์ เช่น ทำไมถึงมีชีวิตเพียงเป็นกลไก เป็นหุ่นเชิดที่ถูกโปรแกรมคำสั่งให้จ้องทำลายล้างผู้อื่นไว้อย่างปราศจากชีวิตจิตใจและความสำนึกของตนเอง จนมองไม่เห็นคุณงามความดีของเขา ทำไมต้องเป็นศัตรู เข่นฆ่าทำลายกัน เป็นเพื่อนร่วมทุกข์สุข สร้างมิตรภาพต่อกัน มีความสมดุลทั้งความภักดีด้วยคุณธรรมอันสูงส่งในชีวิตและความศรัทธาที่ไม่มืดบอด กับความรู้ดีชั่ว มีศรัทธาที่มีสติและปัญญา มีวิจารณญาณ มีคุณธรรมและความสำนึกที่ออกมาจากความเป็นตัวของตัวเอง เห็นความดี เกียริติยศในชีวิตและความสูงส่งของผู้คนชนชั้นต่างๆจากการปฏิบัติ ความดีงามที่มีต่อผู้อื่น ความมีคุณธรรมในชีวิต ความมีคุณธรรมต่อการสร้างสรรรค์ ทำลาย รักษาระบบและสืบทอดสิ่งต่างๆในสังคม

หรือกล่าวได้อย่างหนึ่งเหมือนกันว่า เป็นหนังที่นำเอามิติด้านในของมนุษย์อันได้แก่กิเลสตัณหา ปัญญา โลภ โกรธ หลง และจิตใจที่กล่อมเกลาและพัฒนาในระดับต่างๆ ที่เป็นพลังขับเคลื่อนสังคมและโลก กับพลังอำนาจที่อยู่ในวรรณกรรมคลาสสิคของสังคมไทยและเป็นประสบการณ์พื้นฐานร่วมกันในอีกหลายสังคมของอีกหลายประเทศ มาชวนพินิจพิจารณา คิดใคร่ครวญ และนำกลับมาฟื้นฟูสู่ยุคสังคมร่วมสมัยในอีกมิติหนึ่งนั่นเอง

จากนั้น ก็เล่าถ่ายทอดด้วยอารมณ์การ์ตูน การ์ตูนที่สร้างสรรค์บุคลิกจากมันสมองและประสบการณ์รอบตัวต่อศิลปะและสื่อบันเทิงของประภาส ชลศรานนท์ ซึ่งทำให้มีความคิดและมุมมองที่แหลมคม ให้ความรู้และความครุ่นคิดที่ลึกซึ้งต่อเรื่องที่คนชอบมองดูเป็นเรื่องวรรณคดีโบร่ำโบราณ  ให้สุนทรียภาพและรสนิยมชีวิต ผมไม่ได้ดูหนังมาหลายปีแล้ว และในจำนวนที่ได้ดูบ้างนั้น ก็มีอันได้ไปนั่งหลับในโรงหนัง แต่หนัง 'ยักษ์' นี้ กลับทำให้รู้สึกว่าจบเร็วจัง มีวาทกรรมทางสังคมและให้โลกทรรศน์ต่อสิ่งต่างๆดีกว่าหนังต่างประเทศหลายเรื่องที่เคยชมเสียอีก



ความเห็น

ยังไม่เคยชมหนังแบบนี้เลยค่ะ ได้ชมการประชาสัมพันธ์บ้าง

อ่านจากอาจารย์เล่า ก็ชื่มชมผู้สร้างมาให้ชม ขอบคุณมากนะคะ

นำยักษ์เฝ้าถ้ำเชียงดาวมาฝากค่ะ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิรัตน์ คำศรีจันทร์
เขียนเมื่อ

๒๕๓. กราบคารวะส่งดวงวิญญาณอาจารย์หมอเยาว์ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/400935

อาจารย์หมอเยาว์ รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงเยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม อดีตผู้อำนวยการคนที่ ๒ สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ถึงแก่กรรมแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมและครอบครัวขอกราบคารวะส่งดวงวิญญาณท่านอาจารย์ ขอแสดงความเสียใจกับลูกหลาน ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงานและผู้ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนลูกศิษย์ลูกหาของอาจารย์



ความเห็น

ลูกศิษย์ท่านใดของอาจารย์หมอเยาวรัตน์ ปรปักษ์ขาม มีความประสงค์ไปร่วมงานสวดอภิธรรมท่านอาจารย์ เรียนเชิญที่วัดเทพศิรินทร์ ศาลา ๑๖ ระหว่าง วันที่ ๑๘ - ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท