การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่
การเรียนรู้ ก็จะไม่สิ้นสุด....ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
การศึกษาทางโลก
- ป.บัณฑิต สาขา การพัฒนาระบบสารสนเทศฯ
มหาวิทยาลัยมหิดล
การศึกษาทางธรรม
- หลักสูตรครูสมาธิ รุ่นที่ 35 ปัญจติงสโม วิเศษพล (กำลังพิเศษ)
- หลักสูตรอุตมสาสมาธิ รุ่นที่ 1 พระพรหม
- หลักสูตรสมาธิชั้นสูง รุ่นที่ 2 พญาฉัตทันต์
- หลักสูตรญาณสาสมาธิ : รุ่นที่ 1 ความหยั่งรู้จากสมาธิ
- หลักสูตรอาจาริยสาสมาธิ รุ่นที่ 14
สถาบันพลังจิตตานุภาพ
ประวัติการทำงาน/ประสบการณ์
- อาจารย์สอนสมาธิในสมเด็จพระญาณวชิโรดม(พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
- ชาวสวน
- ข้าราชการบำนาญ รับราชการที่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ,
ช่วยราชการศูนย์สุขภาพจิตเขต 11 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
- นักวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) รหัสนักวิจัย 46020107
- รางวัลสุดคะนึง "นักเขียนยอดเยี่ยม เว๊ปไซด์ด้านการศึกษา GotoKnow ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2556"
กำเนิดสวนโมกข์ สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งการหลุดพ้น
http://www.rosenini.com/suanmokkh/index.htm

เราเดินตามโลกตั้งแต่นาทีที่เกิดมา
จนถึงนาทีที่มีความรู้สึกนี้
ต่อนี้ไป เราจะไม่เดินตามโลก
และลาโลกไปค้นหาสิ่งที่บริสุทธิ์
ตามรอยพระอริยะที่ค้นแล้วจนพบ...
ไม้ร่าย ๕ มิถุนายน ๒๕๓๓ ณ ลานทราย เขาพุทธทอง สวนโมกข์ฯ เวลา ๑๖.๑๐
ลมร่ายไม้ร่ายระเริงเสียง
ส่ายเพียงแผ่นฟ้าภูผาไหว
แดดสาดส่องปรุทะลุใบ
ไล้ไม้โลมไม้ลงมาดิน
หริ่งหริ่งเรื่อยรับระยับไม้
ร่ายเพลงแห่งไพรและเพิงหิน
ผีเสื้อใบไม้พริบพรายบิน
ค่อยร่วงค่อยรินระเริงรำ
ความนิ่งมีในความไม่นิ่ง
ลึกซึ้งหนึ่งสิ่งในสิ่งส่ำ
หยัดร่างหยั่งรากแกร่งกรากกรำ
ทำโดยไม่ทำตลอดมา
ดวงแดดเลือนดับกับพื้นทราย
ใบไม้ทักทายกับลมป่า
ความเงียบกึกก้องอยู่โกลา
เสียงของธรรมดาอันได้ยิน
เขียนแผ่นดิน ...เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์….

พ่อเป็นคนเพชรบุรี แม่เป็นคนเกาะสมุย
สร้างครอบครัวด้วยน้ำพักน้ำแรง มีลูกคลานตามกันมา 7 คน(พี่เปี๊ยกเสียชีวิตเมื่อครั้งยังเด็กด้วยโรคหัวใจรั่ว ที่โรงพยาบาลศิริราช) ที่เหลือ 6 คน ต่างเติบโตบนเส้นทางชีวิตของตนเอง

พี่สาวคนโต...เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ พี่ชายคนโต...เปิดร้านขายข้าวแกง ตัวเองทำสวนและรับราชการ น้องชายผู้พิการ...เดินตามฝันของตัวเองด้วยการเป็นศิลปินวาดรูปเหมือน น้องสาวคนที่หนึ่ง ...กำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ และน้องสาวคนสุดท้องทำงานในวิชาชีพที่เรียนมา
ปริญญาชีวิต มีกันคนละใบสองใบ...และกำลังวิ่งตามฝันของตัวเองที่วาดหวังไว้อย่างไม่ย่อท้อ
คู่ชีวิตที่ทำให้มองโลกกว้างขึ้น

คนเราเมื่อเกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ต้องคิดเสมอว่า..การทำความดี ไม่ใช่สิ่งที่ทำยากเย็นอะไรเลย เพียงแค่คิดและตั้งใจทำเท่านั้น ความดีก็จะปรากฎมาให้เห็น ให้ชื่นใจทันที ความดี.. ทำได้ง่ายจากสิ่งที่ตัวเองได้ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน...ความดีจึงไม่ต้องค้นหาหรือดิ้นรน ขอเพียงใจคิดและได้ลงมือกระทำ ก็ดีแล้ว
สิ่งที่เฝ้ามองด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา


หวังไว้เพียงว่า..อยากให้ลูกเติบโตเป็นคนดีของสังคมที่ลูกอยู่

แค่นี้ ชีวิตก็มีความสุขมากพอแล้ว

อันที่จริงเราต่างเป็นครูชีวิตให้กันและกันนะครับ ในภาษาศิลปะนั้น อย่างคุณแสงแห่งความดีเนี่ย อยู่ในช่วงที่ต้องจัดว่ากำลังมีพลังชีวิตน่ะครับ ในช่วงเวลาอย่างนี้เหมาะสำหรับการทำงานที่มีความสะท้อนและเชื่อมโยงกับความเป็นชีวิตจิตใจ มีพลังสร้างสรรค์และได้ความเป็นหนึ่งกับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มากกว่าการใช้ความสามารถของสมอง เป็นงานแบบ Reflection เหมือนเป็นลายแทงชีวิตน่ะครับ เมื่อได้ย้อนกลับมาอ่านแต่ละครั้งก็จะเห็นอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นพลังชีวิตที่เหมือนไม่ใช่มาจากตัวเรา ช่วงเวลาอย่างนี้ หากได้ทำงานก็จะออกมาดี และเมื่อได้นั่งอยู่กับการทำงานเชิงความคิด ก็เหมือนกับมีกำลังสติพอที่จะเป็นครูของตนเองได้ครับ
โครงสร้างชีวิตของคุณแสงแห่งความดีที่กำลังเป็นอยู่ ณ เวลานี้ เมื่อบวกกับวิธีมองโลกที่ถือเอาการใช้ของจริงในชีวิตเป็นมรรควิถีแห่งการเรียนรู้และฝึกอบรมตน และรวมเข้ากับความสามารถของคนชั้นกลางรุ่นใหม่ของสังคมซึ่งมีการศึกษาสูง สามารถทำประสบการณ์ชีวิตให้เป็นวัตถุดิบในการคิด เขียน สร้างความรู้และสร้างงานวรรณกรรมสะท้อนชีวิต เหล่านี้ เป็นความเป็นตัวของตัวเองที่น่าบ่มเพาะครับ
เป็นคนชั้นกลางที่มีโครงสร้างชีวิตเชื่อมโยงถึงภาคการผลิตที่แท้จริง ขณะเดียวกันก็มีพื้นที่การสร้างสังคมที่ใช้เครื่องมือและวิธีการทางความรู้ของคนชั้นกลางของสังคมไทยที่คนส่วนใหญ่จะยังขาดอยู่มาก เช่น การเข้าถึงพื้นที่สร้างความเคลื่อนไหวทางความรู้ การเข้าถึงสื่อและพื้นที่การสร้างสรรค์ทางปัญญา การเข้าถึงกลไกและองค์กรเพื่อสร้างความเป็นส่วนรวมสมัยใหม่ ซึ่งลักษณะของคนชั้นกลางอย่างนี้ ผมคิดว่ายังขาดแคลนและเป็นตัวแบบเชิงอุดมคติของคนชั้นกลางอันเป็นที่ต้องการมากของสังคมไทย
โดยทั่วไปนั้น คนชั้นกลางของสังคมไทย พอเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่เป็นเด็กตัวเล็กๆจนเข้าสู่ขั้นมหาวิทยาลัยและเข้าไปเป็นกลุ่มสังคมนักวิชาชีพ เจ้าของกิจการ และชนชั้นนำในภาคต่างๆของสังคมนั้น ก็หลุดออกจากความเป็นจริงของสังคมและความเป็นสังคมการผลิต
งานความคิดและการสร้างความรู้เพื่อชี้นำความเป็นไปของสังคมก็จำเป็นต้องสร้างขึ้นจากความรู้ต่อความรู้และความคิดต่อความคิด คิดและนึกเอา ซึ่งบางทีก็อาจไม่ได้มาจากโลกความเป็นจริงเพราะประสบการณ์จากความรู้โดยมากนั้น เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ทางความคิดและผ่านประสบการณ์ของผู้อื่น เมื่อมองในแง่นี้ ก็จะเห็นบางสิ่งที่อยู่ในวิถีของคุณแสงแห่งความดีเหมือนอย่างที่มหาตมคานธีขอเรียนรู้สังคมและตนเองเสียใหม่หลังจบจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และผ่านการใช้ชีวิตจากสังคมยุโรป คือ การตรวจสอบและทดลองกับความจริงแห่งชีวิต ดูออกจะเปรียบกับตัวอย่างที่ใหญ่โตไป แต่ไม่เกินความเป็นจริงน่ะครับ
ส่วนชาวบ้านและชุมชนการผลิตจริงๆทั้งในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการผลิตบริการสาขาต่างๆ ก็มักมีวิถีมุ่งสู่เป้าหมายทางวัตถุและสิ่งตอบแทนทางเงินตรา ขาดการเรียนรู้และทำประสบการณ์ให้เป็นทุนทางปัญญา สังคมจึงมักได้แรงงานและคนกินเงินเดือนที่มีความมั่งคั่งทางวัตถุแต่ขาดอุดมคติแห่งชีวิต เป็นวิถีชีวิตที่ขาดความลุ่มลึก ไม่มีกำลังวิจารณาณต่อสังคม และขาดความสำนึกต่อความเป็นส่วนรวมที่ใหญ่กว่าตัวเอง
หากเรียกอย่างเป็นอนุสติให้กับตัวเราเองก็คือ คนส่วนใหญ่เป็นไปตามกระแสหลักที่อยู่กันในสังคมด้วยชีวิตที่เปล่ากลวง งกเงิ่นหาเงินและแสวงหาตำแหน่งแห่งหนทางสังคมอย่างไร้ความหมาย
เลยก็สักแต่ผลิต ปฏิบัติ และดำเนินชีวิตไป แต่ขาดกำลังที่จะเรียนรู้ ยกระดับคุณภาพแห่งชีวิตและเปลี่ยนแปลงตนเองให้สอดคล้องกับบริบทใหม่ๆของสังคมโลกอยู่เสมอ
สังคมของเราก็เลยมีชนชั้นกลางที่มีทักษะเพียงเป็นแรงงานชั้นดีของกิจการสมัยใหม่และมีความสามารถเพียงเอาตัวรอดได้ก็เก่งแล้ว ส่วนชุมชน เราก็มีความเป็นชุมชนและวิถีการรวมกลุ่มก้อนของปัจเจก ที่ทำหน้าที่ผลิตงกๆและดำรงอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงตามยถากรรม ตามพื้นที่ต่างๆของประเทศ
ทั้งสองด้านที่คนส่วนใหญ่ขาดนี้ มีอยู่ในคนจำนวนหนึ่งหลากหลายสาขาซึ่งสำหรับผมแล้วก็ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวเปลี่นแปลงใหม่ๆของสังคมน่ะครับ ผมเรียกไปก่อนว่าวิถีประชาศึกษา และกำลังมีอยู่ในการดำเนินชีวิตของคุณแสงแห่งความดีน่ะครับ พออ่านงานของคุณแสงแห่งความดีก็เลยได้อรรถรสและได้พลังแห่งชีวิตอย่างที่พยายามกล่าวมานี้เช่นกันครับ ทำ สังเกต ทบทวน และบันทึกถ่ายทอดสะสมไปทีละเล็กละน้อย นอกจากจะได้แบ่งปันกับคนอื่นและสื่อสารเรียนรู้ไปกับสังคมแล้ว ก็จะเป็นวิธีดำเนินชีวิตที่มีการพัฒนาวิถีความรู้ที่น่าสนใจมากเลยครับ เหมือนเป็นการวิจัยจากชีวิตจริงเลยทีเดียว
..
ผมเพิ่งทราบครับว่า....อาจารย์มองอะไรและสิ่งใดในตัวผม
และการที่เราจะเคารพรักใครสักคนหนึ่ง....ผ่านบันทึกเช่นนี้ จึงเป็นสิ่งที่สมควรทำครับ
ชีวิตหนึ่งที่เกิดมา...บางครั้งบางเรื่องราวในชีวิตของผม ที่ยังไม่เคยได้เรียนรู้ ก็ได้รู้.. จากการมองชีวิตมองโลก...โดยภูมิปัญญาของผู้อื่น
วันนี้ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างจากความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ซึ่งตัวเองไม่เคยเห็น ไม่เคยมอง
สิ่งที่อาจารย์กล่าวมาทั้งหมดนี้...จึงมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับผมมากนะครับ
ผมไม่เคยคาดหวังถึงเพียงนั้น.. ในหลายสิ่งที่อาจารย์ได้มองที่ตัวผม มันทำให้ผมต้องคิดทบทวน กับตัวเองครับว่า ..มันอาจเป็นบริบทหนึ่งในชีวิตของเรา..ที่เรากำลังก้าวเดิน
และเราก็ได้ฝากร่องรอยของชีวิตนี้..ไว้ที่นี่ ณ สังคมแห่งการเรียนรู้นี้
ผมจะจดจำสิ่งนี้ไว้นะครับ
วันหนึ่งข้างหน้า.. วันที่ผมแก่เฒ่าลงไป วันใดก็ตามที่ผมหันกลับมามองเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม
เรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจ..แรงผลักด้น..หรือข้อคิดบางอย่างให้กับคนรุ่นต่อไปได้บ้าง
แต่สำหรับผมแล้ว วันใดที่ผมคิดถึงการเดินทางในชีวิตของผม ผมจะมีอนุสรณ์ชีวิต..อยู่ที่นี่
แทนไดอารี่เล่มเก่า..ที่เล่าเรื่องราวของผมเก็บเอาไว้ดูเพียงคนเดียว นับจากนี้เรื่องราวชีวิตของผม จะเล่าผ่านโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
วันที่ผมแก่เฒ่าไปนั้น.. ผมจะเป็นคนแก่ที่มีค่า ...แม้วันหนึ่งข้างหน้า วันที่ผมต้องลาลับจากโลกนี้ไป
ความดีงามในชีวิตของผม... เรื่องราวชีวิตผม จะยังคงอยู่ที่นี่ gotoknow
.........
มันเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่งนะครับ
ที่ได้สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง..ไว้บนโลกใบนี้
.........
ขอกราบขอบพระคุณ..การได้เห็นบางมุมของชีวิตที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยมองและไม่เคยรู้สึกมาก่อน จากครูบาอาจารย์..ซึ่งท่านเป็นดั่งผู้รู้ ที่มากทั้งประสบการณ์ทางโลก.. ทางธรรม..และชีวิต
กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์