ความเห็นท่านวอญ่า ในบันทึก Happy Ba CoP ใต้ร่มไม้ Gotoknow http://www.gotoknow.org/blogs/posts/499040
๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๕
วันฮารีรายอ เสียงประทัดที่ต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ เป็น
เสียงที่บอกถึงการเฉลิมฉลองของพี่น้องชาวไทยมุสลิมใกล้บ้าน เมื่อวานนี้มีเพื่อนบ้านเปาะจิ(ลุง) ที่นับถือ แม่นำตูปะ(ช้าวต้มสามเหลี่ยม)กับสะตอดองมาให้
กล่าวกันว่า เทศกาลสำคัญๆในอดีตชาวบ้านสามจังหวัดชายแดนใต้จะนิยมทำข้าวต้มสามเหลี่ยมรับประทานกัน ซึ่งการทำก็ค่อนข้างยุ่งยากเพราะ สมัยอดีตนั้นการหาข้าวเหนียว การหามะพร้าวมาขูดด้วยกระต่ายขูดมะพร้าว คั้นกะทิด้วยมือ แล้วนำวัตถุดิบมากวนเตาถ่านหรืออั้งโล่ไม้ฟืน จากนั้นจึงนำมาห่อด้วยในกระพ้อซึ่งต้องหาจากในป้าหรือในสวน วิธีการห่อก็มีลักษณธพิเศษที่ต้องเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยเฉพาะหากห่อแบบมุสลิมจะมีลักษณะการห่อที่แน่นมากไม่มีมุมใดของสามเหลี่ยมที่ข้าวเหนียวหลุดรอดออกมา เวลาห่อย่าบอกว่าต้องดึงให้ตึงจนกว่านำ้มันมะพร้าวที่ได้จากข้าวเหนียวที่กวนกับกะทินั้นจะหยดออกมาจึงเรียกว่าแน่นจริง จากนั้นจึงนำไปนึ่งหรือต้มให้สุกอีกครั้ง
ในปัจจุบันการทำข้าวต้มสามเหลี่ยมในเทศกาลฮารีรายอยังมีอยู่บ้าง มองว่าวัตถุดิบต่างๆมีความสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งข้าวเหนียว กะทิที่คั้นขายเรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหา คือ เริ่มหาใบกะพ้อยากขึ้น ประกอบกับ การทำขนมชนิดนี้ไม่ง่ายนักทั้งการกวน การห่อ ซึ่งต้องอาศัยการถ่ายทอดภูมิปัญญาผ่านประสบการณ์ ทำให้ยุวชนรุ่นหลังนิยมซื้อจากตลาด สั่งทำ หรือ ซื้อขนมที่มีอยู่ตามท้องตลาดมาทดแทนเพื่อนำไปให้ญาติมัตรในเทศกาลอันสำคัญนี้
จะทำอย่างไรจึงจะคงไว้ซึ่งภูมิปัญญาให้ยาวนานสืบต่อไป
"อย่ามัวแต่มองหาความพึงพอใจ แต่จงรีบปฏิบัติเสีย .."
-------------------------------------------
ภาพ : บทบาทของมนุษย์กับห้วงเรียนรู้
บันทึกภาพ: ณัฐพัชร์ ทองคำ
กล้อง : iPhone4
สถานที่: เขตทวีวัฒนา,กรุงเทพฯ (หลังน้ำลด)
วัน เวลา: ๔ กุมภาพันธุ์ ๕๕
ขณะที่นั่งตรวจงาน มักมีเสียงเตือนซึ่งไม่ใช่ใคร หากแต่ตัวเราเตือนตัวเราเอง คำเตือนนั้นคือ "อย่ามักง่าย" มักเกิดขึ้นขณะตั้งใจทำอะไรหลายๆอย่างเสมอๆ บางครั้งจะได้ยินเป็นเสียงครูบาอาจารย์ที่เคยอบรมเรามาเมื่อสมัยก่อน
ผมไปประชุมที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
ตั้งแต่วันที่ 18-20 มิ.ย.55
ผมกลับมาถึงบ้าน...รู้สึกคิดถึงบ้านโกทูโกว์...หลายไปหลายวัน...หยากไย่...จนหลงทางภายในบ้าน
*****************
ผมไม่ได้กลับไปเขื่อนอุบลรัตน์...หลายปี..ตั้งแต่เพื่อนๆ 39 คน
เสียชีวิตจมน้ำ...จากแพ...ล่ม
ความรู้สึกผมไม่อยากไป...แต่ไปเพราะต้องไปทำงาน
(ผมไม่ได้เกลียดที่นี้...เป็นเพราะรู้สึกว่า...ใจตนเองไม่แข็งแรงพอ...
กับความทรงจำอันแสนเศร้า...และฝันร้าย)
ผมปลีกตัว...มาไว้อาลัยให้เพื่อนๆ...เหม่อมองสายน้ำที่นี้...พร้อมกับหยดน้ำตาที่มันออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ถึงที่นี้จะเปลี่ยนแปลงมากมาย...แต่มันยังมีเรื่องราวที่ยังคงติดตัวไปกับชีวิตของผม
ผมมองเห็นพระพุทธรูปสีขาวตั้งตะหง่านบนภูเขา...ต้นไม้เรียงราย
เสียงสายน้ำ...เสียงให้กำลังใจจากเพื่อน...กระซิบบอกผมว่า
เพื่อนมีความสุข...เพียงแต่ผมไม่เห็นเขาเท่านั้น
ขอให้หยดน้ำตาเยียวยาผม
และเยียวยาจักรวาล......
เราเคยเป็นคนแปลกหน้า
เราเคยเป็นคนรู้จัก...
เราเคยเป็นคนรักกัน...
อยากกลับไปไม่รู้จักกันอีกครั้ง...
อยากกลับไปเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอีกหน...
อยากย้อนเวลากลับไป..ช่วงเวลาที่เราต่างตกหลุมรักกัน...
คำว่าเคย... แปลได้ตรงตัวว่า.. เคยมี...และมีอยู่
บางอย่างที่ว่างเปล่าในวันนี้... เคยมีเรื่องราวซ่อนไว้..
...ดีใจที่ครั้งหนึ่ง ..เราเคยรักกัน...
...ดีใจที่วันนี้...เรายังคงรักกัน...
...ดีใจที่วันนี้...เรายังมีความรู้สึกรักกัน...
***********
ผมแอบเขียนถ้อยคำเล็กๆ บนกระดาษสีแผ่นเล็กๆ
ใส่ในกระเป๋าเงินของภรรยา...
ผู้ไม่เคยได้ไปไหน...ไปคนเดียว...ไกลจากบ้าน...
เขาเป็นแม่ของบ้านจริงๆ...
ถ้าเขาเปิดอ่าน...คงรับรู้ว่า...ไม่ได้โดดเดี่ยวลำพัง
คิดถึงบ้าน...แหงนมองบนท้องฟ้า...ความรักและความคิดถึงอยู่ในนั้น...
555 ได้พยายามเปลี่ยนรูปแทนตัวใหม่ แต่ทั้งราอันและจอมยุทธหญิง ก็ยังคงเกาะไว้อย่างเหนียวแน่นไม่ยอมเปลี่ยนให้ 555