"พี่หนาน"
นาย พรพจน์ พี่หนาน เรียงประพัฒน์

อนุทินล่าสุด


"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

 ๒๓/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๔๔. 

 

ม้า  เรือ  โคน  ขุน  เบี้ย  >  ธรรม

 

จากได้อ่าน  รส “รุกฆาต”  อันปราดเปรื่อง

เกี่ยวกับเรื่อง  เนื่องบุคคล  แสนกลนัก

สุดลุ่มลึก  ถึงชั้นชน  จนประจักษ์

เห็นเหมือนยักษ์  คอยกลืนกิน  แผ่นดินกัน

 

“ม้า” คือใคร  ในสังคม  นิยมยิ่ง

จักท้วงติง  บ้างได้ไหม  ใช่เย้ยหยัน

“เรือ”ใช่ที่  สุดเร็วรี่  ขี่ขับกัน

แต่ว่ามัน  หมายถึง  ซึ่งบุคคล

 

“โคน” ต้นไม้  ก็หาใช่  อีกนั่นแหละ

ควรแยกแยะ  แนะให้เห็น  เป็นเหตุผล

หมายถึงผู้  ตามสนอง  ครองกมล

“เจ้านาย” ตน  ด้วยสัจจะ  ไม่ละวาง

 

“ขุนเดช”ดี  มีศีลธรรม  ประจำจิต

ใช่ “ขุน”คิด  คอยปลดแก้  แลสะสาง

ให้ “ลูกพี่”  ยี้ของตน  พ้นเส้นทาง

ด้วยแอบอ้าง  เอาตัวบท  กฎหมายไทย

 

“เบื้ย” สุดท้าย  เรียงราย  มากมายนัก

สุดห้ามหัก  ประจักษ์เห็น  ไม่เย็นใส

วิ่งเข้าสู่  หมู่ไฟร้อน ห่อนบรรลัย

ตายกันไป  ไม่เคยเห็น  เป็นน่ากลัว

 

ขอคุณพระ  บารมี  ที่ศักดิ์สิทธิ์

ช่วยแผลงฤทธิ์  อิทธิ์ปกป้อง ผองชนทั่ว

ทั้งคิดดี  คิดไม่ดี  ที่ฝ้ามัว

 ตื่นลืมตัว  ตาสว่าง  พบทางธรรม ฯ



ความเห็น (6)

เห็นธรรมครับ พี่หนาน ขอบคุณ...

ขอบคุณท่านผู้เฒ่า สวนไผ่ มากครับ ผมเคยเข้าไปอ่านเรื่องการเลือกตั้งแต่ตอนนั้นไม่ได้เข้าระบบเลยคอมเม้นท์ไม่ได้ ชอบมากเลย เดี๋ยวจะกลับไปอ่านอีกครับครับผม

กำลังเลือกตั้ง การเมืองท้องถิ่น ขอเอาไปใช้หน่อยนะคะ

…บทบาทและหน้าที่นะคะ…“พี่หนาน”

  • ขอบคุณคุณ krutoiting ที่ร่วมให้อนุโมทนา
  • ขอบคุณอาจารย์ใหญ่อัญชัญ  ถ้าเห็นว่าเกิดประโยชน์ก็ยินดียิ่งครับ
  • ขอบคุณอาจารย์ดร.พจนา ที่แสดงให้เห็นว่าคนเราต้องรักษาบทบาทและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

ทั้งสามท่านและผู้อ่านที่ให้กำลังใจทุกท่านเป็นอย่างสูงนะครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๑/๐๙/๒๕๕๖

 

 อนุทิน  ๔๓.

 

สองวันติดต่อกันแล้วที่ต้องทำหน้าที่ "โฆษกประจำงานศพ" ของหมู่บ้าน ตอนเย็นของเมื่อวานมาอีกท่านหนึ่งเป็นชายวัยประมาณ ๕๕ ปีขึ้นไป มาถึงก็ถามว่า "หนาน วันพูกบ่อได้ไปไหนก้า?"  ผมตอบเชิงถาม "วันนี้วันหยังเนี่ย...วันศุกร์...อื่อ...วันพูกวันเสาร์..ทีแรกตั้งใจ๋ไว้ว่าจะไปซื้อของในเมือง...มีอะหยังก่อครับ?"   ลุงคนนั้นตอบว่า  "วันพูกขอหื้อหนาน ไปจ่วยเป๋นพิธีกรงานศพน้องสาวหื้อพ่อง...จะได้ก่อ?"  ผมพูดเชิงถามว่า "อ้าว..เผาเล่าอี้ สวดพระอภิธรรมกี้คืนหนึ่งหั้นเหลาะเนี่ย?"  เขาตอบ "คืนนี่ คืนเดียวเต่าอั้นละ...ญาติปี่น๊องเขาตกลงกั๋นว่าจ๊ะอั้นเหนาะ"  ผมตอบว่า "เดวจะไปเป๋นหื้อกะได้...บะเป๋นหยัง...วันติ๊ดก่อยไปกะได้...แหม่...เสีย(หมายถึงเผา)เร็วแต๊ว่าเหนาะ...คืนเดวหนึ่งเอี้ย"  เขายิ้มเศร้า ๆ แล้วก็พูดว่า "ขอบคุณหลาย ๆ เด้อหนาน"  ผมตอบ "บ่อเป๋นหยังครับ จ้วยๆ กั๋นไป"  แล้วเขาก็เดินกลับไป

ผมมานั่งคำนึงถึงตอนเช้าที่ลุงหนานท่านหนึ่งพูดที่บ้านงานศพน้องหวี  ตอนหนึ่งเขาว่า งานศพที่หมู่บ้านนี้  ตายกันเฉลี่ยแล้วปีละ ๒๕ คน  ผมเป็นพิธีกรมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ จนปัจจุบัน ๒๕๕๖ ก็ ๔ ปีแล้ว ผู้ตายก็ตก ๑๐๐ ศพแล้ว เฉพาะในหมู่บ้านของผมนะ  นอกหมู่บ้านไม่นับ  เจ้าภาพเขาใส่ซองให้เท่าไหร่ไม่แน่ใจ น่าจะอยู่ที่ ๓๐๐ บาท  ๑๐๐ ศพ ก็คิดเป็นเงินได้  ๓๐,๐๐๐ บาทสินะ จำได้ว่ามีอยู่ ๒ เจ้าภาพที่ไม่ยอมรับเงินทำบุญคืนจากการเป็นพิธีกรของผม เขาจะนำมามอบให้ที่บ้านทั้งโอ้โลมปฏิโลมสารพัดอย่าง จนผมต้องรับเอาไว้  นอกนั้นไม่เคยรับเงินของใครเลยใน  ๒ หมื่นกว่าบาทที่ผ่านมา

รู้สึกว่าครั้งนี้ผมต้องปิดร้านติดต่อกันถึง ๓ วัน เพื่อไปทำหน้าที่ "พิธีกรรับเชิญงานฌาปนกิจศพบ้านแพะ"  อยากจะเปลี่ยนเป็นพิธีกรงานแต่งงานเหลือเกิน...จะได้ร้องเพลงคาราโอเกะแนวเพลงเพื่อชีวิตในแบบที่ตนเองชอบให้สะใจบ้าง...



ความเห็น (3)

อยากให้ใคร ๆรู้จังว่าพี่หนานสนใจเป็นพิธีกรงานแต่ง คราวนี้คงได้ปิดร้านเพิ่มขึ้นแน่

รู้สึก จะยากส์ส์สสสส……………คะ ดูทีท่า ว่าวน่าจะติดลมบน

ขอบคุณทุกท่านมากครับ ขอบคุณอาจารย์GD ที่ช่วยประกาศหางานพิธีกรงานแต่งให้มากนะครับ คงไม่ยากเท่าไหร่หรอกครับอาจารย์อัญชัญ ว่าแต่ความเหมาะสมจะถึงงานแต่งหรือเปล่าเท่านั้นแหละ….อิอิอิ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๐/๐๙/๒๕๕๖

 

 

อนุทิน  ๔๒.

 

เช้าวันนี้ได้ไปร่วมทำบุญงานบุญที่บ้านงานศพของน้องหวีที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ที่ผ่านมา สังเกตดูที่ป้ายที่เขียนติดโฟมไว้เขาบอกว่า น้องเขาอายุได้ ๑๔ ปี ๓ เดือน ๒๗ วัน ซึ่งเขียนละเอียดมาก  กิจกรรมการทำบุญแบบทางภาคเหนือของบ้านผมประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

๑.เช้ามืดชาวบ้านไปถึงบ้านงานก็ทำการไปไหว้พระบูชาดอกไม้ธูปเทียนแบบไม่ต้องจุดไฟจากนั้นก็ไปไหว้ศพ จากนั้นก็นำข้าวอาหารแห้งไปใส่บาตรกัน

๒.ปู่จารย์นำกราบพระ อาราธนาศีล รับศีล จบแล้ว อาราธนาพาหุง(โย ธมฺมํ เทเสสิ...)พระสวดพาหุง มหากา ภวตุฯ

๓.นำอาหารใส่ถาดมาทำพิธีตานขันข้าวให้ผู้ตาย  ๒ สำรับ

๔.ปู่จารย์นำกล่าวคำถวายภัตตาหารพระพุทธ พระสงฆ์และแปล ยกประเคน พระพิจารณาอาหารแล้วฉัน

๕.ปู่อาจารย์อาราธนาธรรม(กาโล ยันเต๋...)พระแสดงธรรมกัณฑ์มหาวิบาก...

๖.ปู่จารย์สมมาครัวตาน...พระพิจารณาบังสุกุล

๗.ปู่จารย์นำกล่าวคำถวายปัจจัย...ถวายปัจจัย...ถวายบ้านน้อย(เฮียนหน้อย)พร้อมเครื่องครัว ทีวี ตู้เย็น ๑ ชุด ด้วยด้ายสายสิญจน์แด่พระสงฆ์

๘.พระให้พร กรวดน้ำ(หยาดน้ำ) กราบลาพระ เสร็จพิธี

เสร็จพิธีแล้วมีโอกาสพูดคุยกับลุงหน้อยจิตร เรื่องภาษาเมืองบ้านเฮา ถึงคำสรรพนาม คำเรียกขานญาติ ๆ ได้ความรู้มาเพิ่มเติมคำศัพท์ที่ตนเองเขียนไว้บ้างแล้วอีกหลายคำ จักได้นำไปเขียนไว้ในบันทึก ในโอกาสต่อไป



ความเห็น (3)

นานไป บันทึกของท่าน จะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จริงๆๆนะขอบอก

น้องหวี อายุยังน้อยนะคะ…ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ

ขอบคุณกำลังใจทุกท่านมาก ขอบคุณอ.อัญชัญ ผมก็คิดและหวังไว้ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันครับ ขอบคุณอ.ดร.พจนา เมื่อวานนี้ผมสงสารแม่น้องเขามากเลยเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ต้องพาไปหาหมอด่วนเลย

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๙/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๔๑.

 

ชอบเนื้อหาของเพลง

เมื่อวานรู้สึกเหนื่อยกับการที่ได้พูดมาก ปกติแล้วอยู่กับบ้านไม่ค่อยพูดมาก และไม่ค่อยได้คุยกับใครสักเท่าไหร่  เช้านี้จึงอยากหาเพลงเพราะ ๆ ฟังเพื่อผ่อนคลายบ้างสักเพลงสองเพลง  ลองลิงก์ตามเพลงของพงษ์สิทธิ์เข้าไปในยูทูบเห็นเพลงชื่อว่า“จดหมายถึงพ่อ” ก็ลองคลิกฟัง ชอบเนื้อหาของเพลงมาก ดังนี้ ที่มาhttp://musicstation.kapook.com

 

 อ่านคำบรรยายจดหมายถึงพ่อ หนูยังรอวันพ่อกลับบ้าน  ก้านมะละกอที่พ่อเคยหว่าน แยกปลูกไม่นาน ลูกโตน่าดู

* กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า พุ่มกระดังงาเลื้อยซุ้มประตู   ทานตะวันชูคอชูช่อรออยู่ คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมา

แม่อธิบายที่พ่อไปทำงาน เพื่อเงินเพื่อบ้านและเพื่อลูกยา   จะมีบ้านโตมีรถโก้สง่า มีหน้ามีตาเหมือนดังใคร ๆ

พ่อไปคราวนี้แม้จะยาวนาน พวกเราทางบ้านเป็นกำลังใจ   แต่บางคืนแม่สะอื้นร้องไห้ หนูแกล้งทำหลับไปสงสารแม่จัง

ส่วนน้องหญิงยิ่งยามเย็นค่ำ อ้อนประจำเหตุผลไม่ฟัง   ไม่เอาบ้านโตไม่เอาทุกอย่าง จะเอาขี่หลังของพ่อคนเดียว 
( ซ้ำ * )

สุดท้ายนี้ขออวยพรให้พ่ออยู่แดนไกล หัวใจเด็ดเดี่ยว   ขอพระคุ้มครองยามใจห่อเหี่ยว ปกป้องแลเหลียวร่ำรวยกลับมา
( ซ้ำ * , * , * )  คลิก
ดูตรงนี้   

 

 มานั่งคิดดูว่า ความรู้สึกของผู้ใหญ่ กับความรู้สึกของเด็กมักจะสวนทางกัน... 

ความรู้สึกของผู้ใหญ่ถูกหล่อหลอมด้วยธรรมชาติของสังคมเมืองในปัจจุบันคือ ต้องการมีฐานะการเงินที่มั่นคง มีรถกระบะ รถเก๋งขับหรู ๆ มีบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าอลังการ มีหน้ามีตาได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่รอบข้าง...สะท้อนตามเสียงของผู้อื่น

ส่วนความรู้สึกของเด็กนั้นขึ้นอยู่กับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ภายในจิตสำนึกคือ ต้องการความรักความอบอุ่นความเอาใจใส่จากพ่อแม่ จากญาติหรือจากครอบครัว โดยไม่สนใจเรื่องภายนอกว่า จะมี จะจน จะเป็นเช่นไร...สะท้อนตามเสียงภายในของตัวเอง

 

ความจริงถ้าผู้ใหญ่เห็นความสำคัญของความเป็นมนุษย์เหมือนกับเด็กกันเป็นส่วนใหญ่คือมองจากภายในจิตของตนแล้ว  บ้านเมืองคงจะน่าอยู่และดูอบอุ่นมากกว่านี้...



ความเห็น (6)

เวลาเด็กพูด ต้องเชื่อเด็กมากกว่าผู้ใหญ๋ แม่นก่อ เพราะผู้ใหญ่มีสานปนเปื้อนเยอะ คริคริ

ความต้องการเพิ่มมากขึ้นตามความรู้ อายุและประสบการณ์คะะ เด็กเล็กๆเลยต้องการแค่พ่อและแม่เท่านั้น ^^

ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ เห็นด้วยกับอ.อัญชัญ อ.นีโอ..เบเอรี่ และขอบคุณอ.ดร.พจนา ที่ชอบมากครับ

นักแต่งเพลงทุกคนมีพรสวรรค์ทางภาษาและจินตนาการสูงมาก ไม่ทราบว่าเพลงดัง ๆที่สร้างความร่ำรวยให้ค่ายและตัวนักร้อง ผู้แต่งเนื้อร้องได้ส่วนแบ่งอย่างไร

ขอบคุณอาจารย์ GD อีกท่านครับ เรื่องการแต่งเพลง ส่วนแบ่งรายได้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๗/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๔๐.

 

สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “ให้”

 

 ตอนบ่ายวันนี้  น้อง ๆ ผู้หญิงน่าตาน่ารัก ๓ คนมาหาที่ร้าน หอบหนังสือเรียนพร้อมสมุด ดินสอ ปากกามาด้วย  มาถึงหน้าร้านผมก็ถามว่า “สาวหน้อย ๓ นางนี่มาหยังกั๋น?”  คุณเธอทั้ง ๓ ตอบเบา ๆ  “มาหาลุงหนาน”  ผมถามต่อ “มาหื้อฮยะอะหยัง?”  สองในสามคนนั้นตอบ  “มาหื้อลุงหนานจ่วยแป๋ภาษาอังกฤษหื้อพ่อง”  ผมถาม “มีหลายก่อ?” หมายถึงมีกี่หน้า คนหนึ่งตอบว่า “มีหน้าเดว”  ผมพูดต่อ  “อั้นกะนั่งตรงนั๊นกะแล้วกั๋นนะ...ไหนผ่อหลุ...เรื่องอะหยัง?”  เธอทั้ง ๓ คนนั่งล้อมวงลงกับพื้นบ้านแล้วนำเอาหนังสือมากางพร้อมกัน  ผมก็แนะนำให้ว่า อ่านยังงี้นะ แปลว่าอย่างงี้นะ  คุณเธอทั้ง ๓ ก็จดตามกัน ขณะนั้นผมก็ถามไปด้วยว่า “เฮียรจั๊นหยังกั๋นแล้วเนี่ย?”  คนหนึ่งตอบว่า “จั๊นปอห้า...”  ผมก็พูดต่อว่า “ตะก่อนลุงหนานกำลังเริ่มเฮียร ABC เลยหนาเนี่ย...หมู่ตั๋วยังดีหนา...ได้เฮียรตั้งแต่อนุบาลกั๋นแล้ว...เล่าเป๋นหยังปั๋นอี้ยังมาอ่านกั๋นบ่อออกแป๋กั๋นบ่อได้อยู่ล่า?”  พากันเงียบ และยิ้มน้อย ๆ สักพักก็แนะนำคำอ่านคำแปลในหน้านั้นจนเสร็จ สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ พอบอกว่ามีแค่นี้แล้วนะ เด็กพยักหน้ารับ ไม่รู้จักคำว่า “ขอบคุณ” ไม่เห็นมีใครกล่าวคำนี้กันสักคนเลย...อือ แปลกดีนะ...แต่เราก็สุขใจที่ได้ให้...แม้จะเล็กน้อยก็ตาม



ความเห็น (5)

ขอบคุณที่เข้าถึงจิตใจเด็กยุคใหม่ กริยาและมารยาทเป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่ที่บ้าน และคุณครูสานต่อโดยเป็นแบบอย่างที่ดีจึงจะก่อให้เกิดและรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีของคนไทยค่ะ รวมทั้งสภาพสังคมรอบด้านก็ควรต้องมีส่วนรับผิดชอบร่วมกันค่ะจึงจะได้สิ่งที่สูญหายไปคืนมา ขอชื่นชมคุณหนานนะคะ

ดีใจที่ได้อ่านค่ะ

ติดตามอ่านมาแล้ว 2-3 ครั้ง ชอบ "กำเมือง" ที่เขียนมาค่ะ

นึกถึงสมัยละอ่อน ตี่เกยอู้กำเมืองเจ้า ^___^

ขอบคุณนะคะที่แบ่งปัน

ชื่นชมความมีน้ำใจของ “พี่หนาน”

ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากครับ…ช่วย ๆ กัน “ให้” เท่าที่จะทำได้ครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๗/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๓๙.

 

"หลากอารมณ์"

ตอนเช้า ครึ้มฝนออกจากบ้านแม่ยายมาที่ร้านแต่เช้า แต่ก็ยังไม่ทันแม่ตัวที่ตื่นก่อนทุกเช้า เอาตังค์ใบละร้อยไปแลกใบละพันกับพี่สาว เพื่อเอาเงินพันเตรียมไว้ซื้อตัวเงินสำหรับใช้เติมโทรศัพท์ พบแม่ยืนอยู่หน้าบ้าน แม่พูดว่า “ไอ้หนาน...ไอ้หวีลูกป้าเนียงมันต๋ายไอ้...ฮู้เรื่องก็เหลาะ?” 

ผมถามแม่ว่า “ป้าเนียงไหนเหลาะ?”  ใจก็คิดถึง ป้าเนียง...พี่สาวพ่อที่บ้านน้ำอ่างซึ่งก็ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว และลูกของท่านก็ไม่ได้ชื่อ “ไอ้หวี” แต่ชื่อว่า “น้องโต้”

แม่ตอบว่า  “กะป้าเนียงเอ้ยหนานกรข้างบ้านเฮานี่ดุ”  ผมรู้สึกขนลุก “อ้าว...มันเป๋นหยังต๋ายเหยาะ”  ใจก็คิดไปถึงเรื่องการขับขี่มอเตอร์ไซค์ของวัยรุ่นไปโน่น น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ รถคว่ำรถชน

แม่ตอบว่า “มันล้มในห้องน้ำ...เขาว่ามันเจ๊บอ๊กมาก่อนหน้านี่ ๒ วันแล่ว...ตะคืนมันเข้าห้องน้ำ...แม่มันว่าได้ฮยินเสียงคะลึก ๆ แล้วกะเงียบไป...พอออกไปผ่อหยั่ง...มันเงียบไปเหียแล้ว...เขาสันนิษฐานกั๋นว่า หัวใจ๋ล้มเหลวเฉียบพลัน...ก่อนหน้านั่นแม่มันว่า...มันไปแข่งกีฬาตี่อุตรดิตถ์มา...แล้วมันจ่มเจ๊บอก เจ๊บมาสองวันแล้ว...ไปหาหมอ เขากะว่าบ่อเป๋นอะหยังหลาย...น่าจะเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหน้าอ๊กมันฉีกอี้หนะ”  แม่เป็นนักข่าวเช้านี้ได้ดีมาก  แม้ผมจะถามสถานการณ์บ้านเมืองเกี่ยวกับเรื่องอะไร แม่ก็จะรู้เรื่องทุกอย่าง เพราะแม่ชอบดูข่าวและมักจะฟังข่าวตอนตีห้าของกำภูและรัชนีเป็นประจำ

ผมถามว่า “มันอายุเต่าฮือหนึ่งหั้นเหลาะ?”   แม่ตอบว่า “มันกะบ่อ ๑๔-๑๕ นี่กะเหลาะ บ่าเด่วมันก๋ำลังอยู่ ม.๒ หนึ่งหลุ”  ผมพูดว่า  “โอ่วว...หยังมาดีเอ็นดูมันแม่ใจ๋เหนาะ อายุยังหน้อยอยู่เลย...บ่อน่าเจื่อ...หู้สึกว่าบ้านเฮาบะเด่วนี่ต๋ายกั๋นกำกู่เลยเหนาะ...หยังมาแปลกเอาแต๊เอาว่าหนะ”   สักพักพี่สาวเดินมาจากบ้านน้าผู้ชายก็เอาเงินไปให้เขาแลก  แล้วก็เดินกลับมาที่บ้าน(ร้าน)ของตน  ใจก็คิดไปว่า

“คนเรานั้น ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็มีสิทธิ์ตาย และตายโดยไม่คาดคิดได้ด้วยกันทั้งนั้น  แต่โดยทั่วไปแล้ว เราก็คิดเข้าข้างตัวเองกันลึก ๆ ว่า...ปู่ย่า ตายาย ตายก่อน  ต่อมาก็พ่อและแม่ของเราตาย  ถึงจะมาเป็นคิวเราตายมั่ง  จากนั้นก็ลูกของเราตาย  ต่อไปก็หลานเราตาย เหลนเราตายไปตามลำดับ...ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่” 

 

อย่างกรณีน้องหวีที่เสียชีวิตในครั้งนี้ อายุ ๑๕ เอง ตายก่อนย่าที่กำลัง “โซ”(ป่วยเรื้องรังเป็นระยะเวลานาน) อยู่ก่อนหน้านี้  และตายก่อนแม่ซึ่งป่วยเป็น “โรคลมชัก” (บ้าหมู) ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของเธอเสียอีกด้วย...รู้สึกหดหู่ใจแต่เช้าเลย



ความเห็น (3)

การตายไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ตายได้เหมือนกันนะคะ…ใช่ว่าจะตายเฉพาะคนแก่เท่านั้น

.. กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เจ้าคะ

ขอบคุณกำลังใจ ขอบคุณอาจารย์ใหญ่ทั้งสองท่านครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๖/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๓๘.

 

"งานเข้า"

ตอนเช้าขณะที่เปิดร้านมีผู้สูงวัยคนหนึ่งขี่จักรยานผ่านหน้าบ้าน ท้ายรถมัดเสียมติดไว้หนึ่งอัน มีน้าหญิงคนหนึ่งอยู่ที่สามแยกใกล้กับร้านของน้า ตะโกนถามว่า “ฮย่าจะไปตังใด?”  ผู้สูงวัยตอบว่า “จะไปขุด จิ๊กุ่งคันนาปุ๊นหน่ะ”  เธอถามต่อ “ตะวาได้หลายก่อ?”  ผู้สูงวัยตอบว่า  “ตะวาได้ได้ ๓๐๐ กว่าตั๋ว”  เธอร้อง “โอ่...ได้หลายหน่าเฮา”  จิ๊กุ่ง ๓๐๐ กว่าตัว คิดเป็นเงินก็ได้ ๓๐๐ กว่าบาทแล้ว ตอนนี้จิ๊กุ่งตัวละ ๑ บาท

 

สักพักก็มีคนมาซื้อของที่ร้านน้าคุยกับป้าพันว่า มีแกงอะไรขายมั่ง ป้าพันก็บอกมีหลายอย่างดูเอาเถอะ เขาบอกจะเอาไปทำกับข้าวเลี้ยงคนที่ไปช่วยงานจัดสถานที่  ที่บ้านงานศพของคนที่แขวนคอตายเมื่อวานนี้ ป้าพันพูดว่า   “มันอยากไค่ต๋าย...มันกะได้ต๋ายสมใจ๋มันละ...เพราะว่ามันพยายามกิ๋นยาพ่อง... แขวนคอพ่องดุ...หม๊ดก๋ำหม๊ดเวรไปเหีย...จ่ามมันหยัง...มีแต่หมู่เฮานี่กะแม่ใดกะบ่อหู้”เสียงพูดคุยลอยมาจากร้านขายกับข้าวบ้านน้า เดี๋ยวก็ดัง เดี๋ยวก็เบา  พอสักพักมีมีรถอีแต๋นลากเต็นท์ผ่านหน้าบ้านไป

  

สรุปว่าน้องชายของป้าที่มาเติมเงินที่แขวนคอตายและญาติพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์เมื่อวานนี้ เสียชีวิตแล้ว คืนนี้ก็คงจะมีการสวดพระอภิธรรมกันเป็นคืนแรก อาจจะมีการสวด ๒ คืน จากนั้นวันเผาก็คงจะเป็นหน้าที่ของ “โฆษกประจำงานศพ”  อีกแล้วสินะ...งานเข้าอีกแล้วเรา



ความเห็น (1)

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกท่านมากครับผม

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๕/๐๙/๒๕๕๖

อนุทิน  ๓๗.

“บรรเทาทุกข์”

  ตอนสายของวันนี้มีน้าผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบกว่า ๆ เข้ามาเติมเงินและถามว่า “หนานผ่อโทรศัพท์หื้อป้าผ่องดุ้...บ่อหู้เป๋นหยัง ตังค์มันหยังมาหมดเร็วแม่ใจ๋?” ผมรับโทรศัพท์มากดดูว่ามีข้อความอะไรผิดปกติเข้ามาบ้างหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่มี จึงพูดแกมแซวเล่น ๆ ว่า “ผ่อแล้ว เอ๊า...บ่อหันเป๋นหยังหลุ” เธอว่า “หนานกะดาย...บ่อมีอี้...มันหมดเร็วแหว่...อั้นกะเติ่มเงินหื้อพ่อง...ห้าสิบบาท”  ผมก็จัดการเติมเงินให้ จากนั้นเธอก็พูดยาวว่า

“น๊องของป้า มันแขวนคอต๋าย...ว่าจะโทรไปหาไอ้...สักกำ มันเฝ้าอยู่โฮงบาลอุตรดิตถ์ปุ้นบะเด่ว...นี่หนาหนาน...ขนาดเง่วแตกเลยเด้ออ...หลังมันนี่หนาแข็งโหม๊ดนะ...มือมันก็ยังประสานกั๋นอยู่เลย..(พร้อมทำท่าทางประกอบ)แขวนคอกับขื่อ ตั๋วจนปออ่อนเหียหมดละ ต๋อนตี่เอาลงหนะ...เอ็นดูมันจ่น”

ผมก็ถามวา “แล้วบะเด่วเป๋นจ๊ะใดพ่องเหยาะ?” เธอตอบว่า “หมอหื้อสายยางหายใจ๋อยู่ อาก๋ารบ่อดีขึ้นเลย...ป้าจ๋นปอเผ้วบ้านกั๋นไปพ่องเล่าหนะ”

แล้วก็พูดยาวต่อว่า “อู้หนี้หายหนี้หนะหนาน...มันเป๋นโรคซึมเศร้าหนะ  เมียมันกะบ่อสนใจ๋ กำขบกำกิ๋นมันกะบ่อหามาฮยะหื้อผัวมันกิ๋น นอนไปขับข้วยยะ ปอกันเฮาว่า มันกะซื้อมาเหียเตื่อหนึ่ง กันบ่อว่า ถามมันแม่ใด มันกะตอบว่า ..น้ำพริก..ทุกเตื่ออะ แถมมีกิ๊กเหียเด้อ(ใช้ภาษาทันสมัยเหมือนกัน) น๊องเฮาหนะต๋อนตี่มันยังดี  หน้าต๋าผ่องใส ได้ข่าวเขาปฏิบัติธรรมตี่ไหน...มันจะไปโหม๊ดกู้ตี่ยะ  มันมีทองสลึงหนึ่ง เขาทำพิธีเททองบรรจุทองหนะ  มันกะเอาใส่โตยเขา  มันนั่งสมาธิ เดินเตียวหม๊ดวัน หม๊ดคืน มันเกยจ้างป้าไปเดินโตย หื้อวันหละ ๕๐๐ ก่อนหนะ ป้าบ่อเอา บ่อมีไผเอาโตยมัน อย่างตี่มันบอก  ก่าแต่อู้กั๋นนี่เฮากะบ่อหู้เรื่องกั๋นอยู่แล้ว  มันว่ามันหันตั๋วมันนี่เป็นทอง เหลืองเต๋มตั๋วเลยเด้อ”

ผมได้ทีแทรกบ้าง “ปฏิบัติหลาย สงสัยจะติดสุขเหียละก้า”  เธอว่า  “บ่ออั้นกะ เฮาบ่อหู้หนะเหนาะ...มันบ้าแต้หนะ ผ่อมันนั่ง ตังหลังมันนี่แข็งเป๋นแผ่น ๆ เลยเน่อ(ทำท่าและมือแบประกอบ) คอนี่แข็งหมด แล้วกะขึ้นมาหัวเพ้...มันเครียดเรื่องก๊าขายพ่อง เรื่องปฏิบัติพ่อง แล้วไหนจะลูกเมียบ่อสนใจ๋แถม  ป้านี่เอ็นดูมันจ่น” 

ผมได้ทีเสริมบ้าง  “ก๋ารปฏิบัติธรรมหนะ เขาถ่าจะหันนิมิตหยังพ่องละ เพาะว่าทำมาเมินแม่นก่อ  คนเฮาปฏิบัติธรรมคนเดียว ไผว่าสักเตื่อ  ก๋ารปฏิบัติธรรมมันต้องมีครูบาอาจ๋ารย์อยู่ใกล้ ๆ เขาจะได้แก้กัมมัฏฐานหื้อเวลาติดสุขหน้ะ  นี่เปิ่นฮยะคนเดียวก็บ่อหันนิมิตพ่องก๊ะ กะเลยอยากไค่หั๋นธรรมหรือบรรลุธรรมเร็ว ๆ เข้ากะเหลาะ ฮยะไปฮยะมากะกล๋ายเป๋นว่า...ธาตุไฟแตก...หรือตี่เขาว่า...กั๋มมัฏฐานแตก...หนะ” 

เธอว่าต่อ “ป้ากะว่า มันถ่าจะ...จิตแตก...เหียละ... มันก๋ายเป๋นคนซึมเศร้าไป คิดนักคิดหลาย...เลยแขวนคอต๋ายเหีย...นี่เตื่อตี่สองแล้วหนะ... ขอป้าละบายพ่องเด้อหนาน  อยู่บ้านกะบ่อจ่างอู้หื้อไผฟัง...หันเป๋นหนานหนะเนี่ยถึงกล้าอู้  คนอื่นกะบ่ออู้หื้อไผฟังดอก” พร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมาตรงขอบตา   ผมชักพูดไม่ค่อยจะออกแล้ว ฝืนพูดไปว่า “บ่อเป๋นหยังดอกครับ ผมบ่ออู้ไปไหนดอก(แต่เขียนระบายเอา) มันเป๋นก๋ำของเขาเนาะ อย่าไปกึ๊ดหยังนัก ถ้าบ่อฟื้นกะทำบุญหื้อเขาไป้ เต่าตี่เฮาจะทำได้...เหนาะ”  เธอพยักหน้า จากนั้นก็มีลูกค้าเข้ามาอีกคนพอดี เธอก็เลยขอตัวขับรถเครื่องออกจากร้านไป ขณะสตาร์ทรถก็ยังบ่นไม่พอใจน้องสะใภ้อยู่เลย...

ช่วยเขาบรรเทาทุกข์  เรากลับจะรู้สึกทุกข์ขึ้นมาเสียแล้วซี

ว่าแล้วก็ไปร้องเพลงพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ คลายเครียดบ้างดีกว่า ชื่อเพลง ม.ให้อะไร?...http://www.youtube.com/watch?v=JXyN4ZUp-5U

ต้องขออภัย ถ้าอ่านไม่เข้าใจนะครับ.

 

 หมายเหตุ  ๑. ผมจะนำไปเขียนเป็นบันทึกก็กลัวหลายท่านจะอ่านไม่ออกและรำคาญ เขียนไว้ตรงนี้เฉพาะแฟนอนุทินพันธุ์แท้อ่านก็แล้วกันนะ

                ๒. การปฏิบัติธรรมตามลำพังคนเดียว ผลที่ได้อาจจะไม่เท่าเสียก็ได้นะครับ ท่านใดที่กำลังปฏิบัติอยู่ก็ขอบอกว่า อย่าห่างครูบาอาจารย์นะครับ ธาตุไฟอาจแตกซ่าน ดังกรณีนี้ได้

ขอบคุณทุกท่าน

ขอบคุณโกทูโนว์



ความเห็น (1)

ขอบคุณทุกกำลังใจมากครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๔/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๓๖.

 

ตอนเกือบเที่ยงเข้าไปอ่านอนุทินและได้ฟังเพลงจากอนุทิน “คืน” ของ อ.ภูสุภา ทำให้เกิดอารมณ์กวีขึ้นมาทันใด ลองแต่งตามอารมณ์เพลงจากที่ได้ฟัง ก็เขียนได้ประมาณนี้แหละ...

 

ดนตรีเร้า พลังจิต ให้คิดถึง

นวลนางหนึ่ง ในห้องฝัน อันแสนหวาน

คราเมื่อพบ เห็นซึ่งกัน ในวันวาน

สุดแสนหวาน เฝ้าละเมอ ถึงเธอจริง

 

เธออยู่บน สวงสวรรค์ อันวิจิตร

เฝ้าเพ่งพิศ ดื่มด่ำใจ ไปทุกสิ่ง

หลงรักเธอ แม่มิ่งมิตร จิตประวิง

เธอท้วงติง อย่าได้ทำ ให้ช้ำใจ

 

รักของฉัน มีให้เธอ เสมอฟ้า

เธอสูงค่า กว่าแผ่นดิน ได้ยินไหม

เธอตอบรับ กับตัวฉัน อย่างมั่นใจ

นานแค่ไหน ยังรักพี่ มิผันแปร

 

ตื่นภวังค์ หลังมีใคร มาสะกิด

อ้าวนิมิต จิตฝันไป ในกระแส

ตื่นเถิดพี่ มีเรื่องใหม่ ให้ดูแล

คอมมันแย่ อยู่หนึ่งเครื่อง ช่วยเปลืองแรง

...(หน่อย)

 

...ตกลงเราฝันไปหรือนี่...โอ้!...เสียดายจัง...

 

 

 

 



ความเห็น (3)
"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๓/๐๙/๒๕๕๖ 

 

อนุทิน ๓๕.

 

เช้ายังบ่น ฝนปีนี้ มีน้อยนัก

ที่ตกหนัก ไม่เคยเห็น เป็นไฉน

มาตอนนี้ เทลงมา หลังคาไง

ดังใช้ได้ สังกะสี  "พี่" แทบพัง

 

ก่อนหน้านี้ ที่ฝนมา ทุกครานั้น

ยังนึกหวั่น วิตกให้ ใครหมดหวัง

นาขาดน้ำ รอจนสิ้น ดินแห้งกรัง

มีเมฆยัง ลอยผ่านพ้น ฝืนทนดู

 

หรือว่าบ้าน นาของเรา ผู้เฒ่าบอก

จักช้ำชอก แห้งแล้งไป ให้อดสู

เพราะผู้นำ ทำผิดคลอง ของพระครู

ทั้งมวลหมู่ จึงรับกรรม ผู้นำแทน

 

ขอเถิดนะ ผู้นำดี จงหนีห่าง

จงละวาง สิ่งผิดคลอง ของหวงแหน

ผิดลูกเมีย คนใกล้ไกล ในดินแดน

นั้นสุดแสน เสื่อมและทราม ไม่งามเลย

...

เคยอ่านหนังสือคุณธรรมสำหรับนักบริหารนานมาแล้ว สิ่งที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายและปั่นป่วนอย่างหนัก คือการที่ "ผู้นำ" ไม่ปฏิบัติตามธรรม(ทศพิธราชธรรม)และไม่อยู่ในกรอบของศีลธรรม จักทำให้บ้านเมืองเกิดกลียุค เกิดความผิดพลาดไปทั้งระบบจนถึงกฎของธรรมชาติหรืออุตุนิยามด้วย  ขณะนี้ฟ้าที่เหนือหัวบ้านเราร้อง "ตึง ตัง" เสียงดังอย่างผิดปกติมาก แต่ฝนได้หยุดตกและหายไปหมดแล้ว ผิดกับเมื่อกี้ที่ตกอย่างหนัก เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านของเรานะ...

 

 

ร้านบ้านแพะ เวลา ๑๔.๕๗ น.

 



ความเห็น (1)

ขอบคุณทุกท่านมากครับผม

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๓/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๓๔.

 

เป็นเรื่องกับเครื่องถ่าย

เช้านี้อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เวลาประมาณ ๗.๔๐ น. อยู่ดี ๆ ไฟฟ้าก็ดับ พอสักพักก็มาแต่เครื่องสำรองไฟฟ้องว่า ไฟไม่พอ ร้อง “ติ๊ด ๆ” จึงรีบปิดเครื่องคอมที่ให้บริการทันที  แต่เครื่องถ่ายเอกสารยังไม่ได้ปิด  พอสักพักมีคนมาถ่าย จึงลองถ่ายดูปรากฏว่า เครื่องน็อค ขึ้นเออเร่อสีแดง ฟ้องโค๊ตเป็นรูปประแจ มีตัวหนังสือว่า E00002-0000  ขอบด้านหน้าสีแดง ๆ โดยเครื่องบอกว่า ให้ลองปิดสวิทช์และเปิดขึ้นมาใหม่ พอทำแล้วหลายครั้ง ก็ยังเหมือนเดิม จึงคิดถึงน้องฟิลม์ที่เปิดร้านถ่ายเอกสารและทำป้ายไวนิลอยู่แสนขัน โทรไปสอบถามน้องเขา เขาถามว่าเครื่องรุ่นไหน เดี๋ยวเปิดตำราดูให้ ผมก็บอกว่า เครื่อง canon iR3300i  ก็แนะนำวิธีให้

เขาให้ “กดเครื่องหมายดอกจัน” ที่มีสัญลักษณ์คล้ายกับรูปศีษะคนใต้ปุ่มสัญลักษณ์คำถาม พร้อมด้วย “กด เลข ๒ กับเลข ๘ พร้อม ๆ กัน” แล้ว “กดดอกจัน” อีกครั้ง

จากนั้นก็จะขึ้น “เซอร์วิสโหมด” ขึ้นมา ให้เลือกทำงานที่โหมด  copies  จากนั้นน้องเขาบอกให้กดที่หมวด function แล้วไปคลิกที่ปุ่ม clear  และเลื่อนไปที่ปุ่ม  ERR เออเร่อ แล้วก็กด ok  ด้านล่าง จากนั้นก็กดถอยออกมาโดยปุ่ม สีเหลืองที่มีขีดสองขีดอยู่ตรงกลาง แล้วก็ปิดเครื่อง สักพักก็เปิดขึ้นมาใหม่ ปรากฏว่า ใช้งานได้แล้ว  นอกจากนี้น้องเขายังแนะนำการปรับค่าของหมึกที่ออกมาให้เบาลงด้วย 

 

น้องฟิลม์เป็นคนที่มีน้ำใจมาก  ให้คำแนะนำและให้ความรู้ใหม่ ๆ โดยไม่คิดค่าบริการหรือค่าเสียเวลาเลย จึงต้องรีบขอบคุณน้องเขาเป็นการใหญ่ เอาไว้วันหน้าจะไปให้ทำป้ายไวนิลหรือป้ายร้านตอบแทนก็แล้วกัน "ขอบคุณน๊องหลาย ๆ ครับ"



ความเห็น (1)
"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๒/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๓๓.

 

“ช่วยได้ในด้านความจำ”

 

วันนี้เป็นวันพระขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๐  นับตามปฏิทินแบบภาคเหนือก็จะเป็น ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๒ แล้ว เพราะจะนับข้ามกันไป ๑ เดือน ดูปฏิทินใหญ่ที่ได้รับมาจากร้านค้าสังฆภัณฑ์ในเมืองอุตรดิตถ์ บอกด้วยว่าวันนี้ ห้ามทำการมงคล และมีคำสอนเตือนด้วยว่า  “ความกล้าทำให้บ้าบิ่น” ก็ดูเข้าทีดีเหมือนกัน 

ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ไปทำบุญที่วัดอีกแล้ว แต่ตอนเช้าก็ทำการเจริญพุทธมนต์ไหว้พระแล้ว ซึ่งบทที่เจริญก็คือ “บทสรรเสริญพุทธคุณ” เชื่อว่าเป็นคาถาที่ค้าขายดี  “บทกรณียเมตตสูตร(เมตตัญจะ)”  เสริมเมตตาบารมี  “บทอภยปริตร(ยันทุน)” ประจำวันเกิดเจริญทุกวัน  “บทอานิสงส์อุณหิสวิชัย(สักกัตตะวา)”ตามความเชื่อคือป้องกันรักษาโรคภัย   “บทบูชาพระสีวลี” เสริมเสน่ห์การค้าขาย(ตามความเชื่อดั้งเดิม) และ “บทคาถาชินบัญชร” ซึ่งวันนี้เป็นวันพฤหัสฯ ผมมักจะเจริญพุทธมนต์บทนี้ ในวันพระที่ตรงกับวันพฤหัสบดี เพื่อบูชา “สมเด็จโต” และพระเถรานุเถระที่กล่าวถึงในบทนั้น ปิดท้ายด้วยบทแผ่เมตตา ให้กับสรรพสัตว์ และแผ่เมตตาให้กับตนเอง เป็นภาษาบาลีโดยเร็วทั้งหมด เพราะพระคาถาเหล่านี้ท่องได้ “ขึ้นใจ”  หมดแล้ว  นอกจากจะทำให้จิตใจสงบดีแล้ว ยัง “ช่วยในด้านความทรงจำ” เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ได้ไปทำบุญตักบาตรที่วัด  แต่ก็ กราบไหว้ บูชา เจริญพระคาถาบูชาคุณในด้านต่าง ๆ  มิเคยขาด  เป็นการบำเพ็ญบุญใน “ด้านภาวนา” ซึ่งเชื่อกันว่า “ได้อานิสงส์มาก” กว่าด้านอื่น ๆ มิใช่หรือ... 



ความเห็น (2)

ใช่ค่ะ..บุญอยู่ที่ใจ..ทำแล้วสุข..ได้บุญแล้วค่ะ

ขอบคุณครับ อาจจะขาดปฏิสัมพันธ์ไปบ้าง คงไม่เป็นไรนะครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๒/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๓๒.

 

"ทบทวนความรู้ด้านช่าง"

 

เช้าตื่นมาทำภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว คนข้าง ๆ บอกให้ไปช่วยดูคอมให้หน่อย ซึ่งก็เป็นผลมาจากเมื่อวานคือ คอมเครื่อง ๓ ใช้งานอยู่ดี ๆ เครื่องก็ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ค้างบ่อย ๆ เข้า ก็ให้เป็นที่เชื่อแน่หรือแน่ใจได้เลยว่า ฮาร์ดดิสก์เราเดี้ยงอีกแล้ว ฮาร์ดดิสก์มีอาการหนักเกินจะเยียวยา  เพราะตอนที่ใช้แผ่นติดตั้งวินโดว์ใหม่นั้น ไม่สามารถมองเห็นไดรฝ์ที่ต้องการทำการติดตั้งได้ พอใช้แผ่นไฮเร็นบู้ท เซ็ทเข้าไปดูก็มีอาการสีเหลือง ๆ  มีหนังสือฟ้องเออเร่อขึ้นมาว่า มีปัญหาร้อยกว่ารายการ นั่นหละชัดเลย “เสียแล้ว” ส่งเคลมได้

ตอนเช้าจึงนำฮาร์ดดิสก์ตัวใหม่ไปเปลี่ยนแล้วก็ใช้แผ่นไฮเร็นบู้ท แผ่นอเนกประสงค์สำหรับช่างซ่อมคอมจัดการแบ่งพาติชั่น ออกเป็น ๓ ส่วน คือ ไพรมะรี่ ๑ ส่วน และโลจิคอลอีก ๒ ส่วน สำหรับการเก็บข้อมูล  เรียกคนข้าง ๆ มาให้ลงมือทำเอง โดยตนเองทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยกำกับอยู่ใกล้ ๆ   พอติดตั้งวินโดว์ได้แล้วก็ให้รีบจรมาเปิดร้านทันที เดี๋ยวเด็กจะต้องมาหาซื้ออุปกรณ์ลูกเสือกันเป็นแน่ เพราะวันพฤหัสฯเท่าที่ผ่านมา เครื่องเขียนจะขายได้ดีเป็นพิเศษ...

หากสนใจเกี่ยวกับการใช้แผ่นไฮเร็นบู้ท แนะนำตรงนี้ครับ

http://www.it4x.com/forum/index.php?topic=1930.0

 

ไม่แน่ใจว่าจะลิงก์ได้หรือเปล่า…ตกลงว่าได้ ความรู้มีอยู่ทั่วไป แม้แต่...อนุทินครับ 



ความเห็น (1)
"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๑/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๓๑.

 

“เตือนความจำทำคอม”

 

เมื่อวานตอนเย็นมีเด็กนักเรียน ๒ พี่น้องต่างหมู่บ้านมาใช้คอม เครื่อง ๑ กับเครื่อง ๒ ว่าง  คนพี่ใช้เครื่อง ๑ คนน้องไม่ยอมใช้ เครื่อง ๒  เธอบอกว่า “เครื่อง ๒ มันซ้า เดี่ยวรอเครื่อง ๓ ก่อนเหลือเวลาเท่าใด๋?” (เธอทั้งสองมีรกรากบรรพบุรุษมาจากเลยและทางอีสานห่างจากบ้านผมไปหลังเขาประมาณ ๒ กิโลเมตร)  ผมก็ตอบว่า “เครื่อง ๓ ใกล้หมดเวลาแล้ว ถ้าสักกำหนา?”  ผมจึงได้ลุกไปเช็คดู เออ มันก็ผิดปกติจริง ๆ ตรงที่ปุ่มสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ถัดจาก shut down มาตัวหนังสือที่ขึ้นให้เราเลือก start, sleep,lock… ไม่ขึ้น ไม่สามารถรีสตาร์ทเครื่องได้  จึงคิดว่า น่าจะผิดปกติจริง ๆ  เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนเถอะ ถึงค่อยจัดการ 

เช้านี้ตอนสาย เปิดร้านได้สักพักก็จัดแจงเอาแผ่นวินโดว์ที่มีอยู่มาบู้ทเข้า cdrom ที่ไบออสกด f10 เอ็นเทอร์แล้วใช้แผ่นวินโดว์ติดตั้งใหม่ โดยไม่ลืมที่จะ format วินโดว์ที่มีอยู่ในฮาร์ดดิสก์ก่อนหน้านั้นออกไป เสร็จแล้วก็เช็คไดรเวอร์ ลงออฟฟิส ลงโปรแกรมเสริมอื่น ๆ พักเดียวก็เสร็จ พอมาทำงานอื่น ๆ อีกพักใหญ่ก็เลยลืม อ้าว เรายังไม่ได้คืนค่าไบออสนี่หว่า  จึงลุกไปเปิดคอมอีกครั้งแก้ไบออสให้กลับมาอ่านฮาร์ดดิสก์ดังเดิม นาน ๆ ทำทีก็ให้ลืมไปได้เหมือนกัน ความรู้ไม่ได้มากอะไร แต่ก็พอแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องพึ่งใครมาทำให้

 

ทำให้นึกถึง ๒ วันก่อนที่น้องผู้ชายคนหนึ่งมาขอใช้คอมซึ่งพี่สาวของเขาก็เปิดร้านคอมเหมือนกัน ร้านของเขาใช้ระบบดิสก์เลส  ซึ่งใช้เครื่องแม่หนึ่งเครื่องคุมเครื่องลูกอีก ๑๐ เครื่อง โดยเครื่องลูกนั้นไม่มี ฮาร์ดดิส  เขาบอกว่า เครื่องแม่ถูกไวรัสรับประทาน ทำให้ระบบล่ม จึงไม่สามารถใช้เครื่องที่มีอยู่ในร้านได้เลยสักเครื่อง  ตัวเราเองก็ไม่เก่งและมีความรู้เรื่องดิสก์เลสน้อยมาก  แต่ดูแลคอมถึง ๒ ร้านได้  คอมเพียง ๑๐ เครื่อง จะทำดิสก์เลสทำไม  เครื่องไหนเสียเราก็ซ่อมเครื่องนั้น  เครื่องอื่น ๆ ก็ยังสามารถใช้ได้ ไม่เสียลูกค้า  ถ้ามี ๒๐ เครื่องขึ้นไปก็ว่าไปอย่าง และที่สำคัญ “เตือนความจำทำคอม” ให้เรา ช่วยให้เราไม่เป็นอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี แถมยังประกันความเสี่ยงได้ดีกว่าด้วย ทำไมเราคิดไม่เหมือนเขานะ...หรือว่าเขาซ่อมไม่เป็น...



ความเห็น (1)

ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านมากครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๐/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน ๓๐.

 

"อารมณ์วันรับสมัครเลือกตั้ง"

เมื่อวานวันที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๖ เป็นวันที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อทอง ได้เปิดรับสมัคร นายกฯ และส.อบต. เป็นวันแรก มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งมาถ่ายเอกสารตอนไฟฟ้าดับ เวลาประมาณ ๑๖.๕๐ น. ผมได้สอบถามว่าลงเลือกตั้งกับเขาด้วยหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่า ลงเหมือนกัน ถามดูว่า หมู่ ๗ ของเรามีทั้งหมดกี่คน เขาบอกตอนนี้ มี ๗ คนแล้ว อือ เยอะเหมือนกันนะ มีนายกลงแข่งด้วยไหม ตอบว่า มีเหมือนกัน  ดีใจมากที่ปีนี้มีคน(กล้า)ลงแข่งนายกด้วย  ตอนนี้ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า แต่ละหมู่บ้าน ลงสมัครกันกี่คน เพราะยังเหลือวันรับสมัครอีกหลายวัน

การที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะลงกันมากน้อยไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่า เขาเป็นคนดี มีการศึกษาหรือเปล่า  

ถ้าดี   มีการศึกษามาก      ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก

ถ้าดี  แต่การศึกษาน้อย     ก็ยังพอรับได้

ถ้าไม่ดี การศึกษามาก       ก็ไม่ควรยอมรับ 

แล้วถ้าไม่ดีด้วย การศึกษาน้อยด้วย   ยิ่งไม่ควรใส่ใจเลย 

ทำให้คิดถึงเมื่อครั้งที่ทำงานอยู่ที่ อ.ขุนยวม เห็นป้ายพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯตามหัวมุมถนนหลายแห่งใกล้สถานที่ราชการบนดอย ที่ตรัสเตือนถึงเรื่อง "คนดี" "คนไม่ดี" โดยสรุปได้ว่า "การที่จะทำให้คนทุกคนในบ้านเมืองเป็นคนดีทุกคนนั้น ทำได้ยาก แต่การที่จะกำราบคนไม่ดีได้บ้างนั้น ก็คือ การยกย่องส่งเสริมคนดีให้เข้ามาหรือขึ้นมาบริหารปกครองบ้านเมืองให้ได้มาก ๆ" เป็นสิ่งที่พวกเราควรกระทำ  ใจก็คิดอยู่ว่า "ถ้ารวยมีเงินทองเยอะ ๆ จะสนับสนุนคน(ที่เราคิดว่า)ดี ให้เข้ามาบริหารบ้านเมือง ด้วยการบริจาคให้ฟรีโดยไม่มีข้อแม้สักหน่อย  ก็ได้แต่คิดไป เพราะตอนนี้เรายังไม่มี(รวย)

ก็ต้องคอยลุ้นกันไปว่า วันปิดรับสมัคร จะมี ส.อบต.หมู่ ๗ บ้านแพะ กี่คน มีหลายคนถามมาว่า "หนานบ่อลง อบต.โตยเขาก่า?" ตอบได้คำเดียว อย่างผู้ที่ชนะใจตนเองได้แล้วว่า "บ่อ"  แล้วก็ต่อด้วยคำพูดที่ว่า  "เขาลงกั๋นหลายแล้ว หื้อโอกาสคนอื่นตี่เขาอยากเป๋นกั๋นพ่องเต๊อะ...ขอเวลาแหม ๔ ปี๋ สมัยต่อไปถ้าบ่อได้เรื่องผมจะลุยเองเลาะกำนี่" หลายคนบ่นเสียดาย แต่นั่นมันไม่ใช่เป้าหมายของเรา...



ความเห็น (2)

อื้มมมหายากนะคะ..สมัยนี้เงินเท่านั้นล่ะ..

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ เห็นด้วยกับคุณ “แค่หนึ่งกำลังใจ” อย่างยิ่งครับ “เงินไม่มากาไม่เป็น” ยกเว้น “ผม” อิ อิ อิ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๘/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๒๙.

 

“คุยกับเด็ก ๆ”

 

ตอนสายวันนี้ มีเด็ก ๆ  ๓ คน มาเล่นคอมก่อนเวลา ๑๐ โมงเช้า ผมก็ชี้ไปที่ป้ายที่ติดไว้ข้างฝา บอกว่า “เวลาเข้าใจ๊งานวันเสาร์อาทิตย์ ๑๐ โมง ถึง ๒ ทุ่ม  วันธรรมดา บ่าย ๒ โมง ถึง ๒ ทุ่มหน้ะ  ต๋อนนี่ยังบ่าถึง ๑๐ โมงเตื่อ หื้อหมู่น๊องไปแอ่วตี่อื่นกั๋นสักกำก่อนไป๊  ขอเวลากิ๋นเข้างายสักกำ ถึงเวลาแล่วก่อยมาแหมใหม่”  เขาก็เข้าใจแล้วก็พากันขับ “รถถีบ” ออกไป

สิ่งที่เป็นข้อสังเกตพบได้บ่อย ๆ ก็คือ  เด็กหรือเยาวชน  ไม่ค่อยสนใจอ่านหนังสือ  ป้ายที่ทำไว้ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ ที่จะอ่านและปฏิบัติตาม ถามกันเป็นประจำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่นั่นแหละ ทำให้นึกถึงป้ายที่เกี่ยวกับหนังสือที่ตนเองทำติดไว้ จะมีคนอ่านกันสักกี่คนที่ว่า “คนยากจนเป็นเศรษฐีได้เพราะหนังสือ คนมั่งมีมีเกียรติได้เพราะหนังสือ” (คำคมจีน) สำนวนของบ้านเราหากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ “คนจะได้ดิบได้ดีก็เพราะหนังสือ” (จากการอ่านมาก)นั่นแหละ

สักพักก็มีน้อง ๆ เด็กผู้หญิงมาอีก ๒ คน คนหนึ่งพูดไทย(ภาษากลาง) อีกคนหนึ่งพูดเมือง(อู้เมือง) ผมก็แกล้งถามน้องขิมว่า “เปื่อนน๊องคนตี่ไหน  หยังมาอู้ไทย”  เธอบอกว่า “บ่อหู้ มันหยังมาอู้ไทย มันบ่อยอมอู้บ้านเฮาหวะ” 

ผมพูดกับน้องที่พูดภาษากลางว่า “น๊องมาอยู่บ้านนี่ เขาอู้เมืองกั๋น น้องหยังมาอู้ไทย บ่อเกยได้ฮยินก่ะกำตี่เขาว่า ...เข้าเมืองหลิ่วต้องหลิ่วต๋าต๋ามหนะ... ไปอยู่ตี่ไหนต้องอู้ภาษานั๊น น๊องต้องหัดอู้เมืองหื้อได้หนะ”  เธอก็ได้แต่ยิ้ม ๆ แล้วก็มองในตู้กระจกดูนั่นหน่อยดูนี่หน่อยทำเฉไฉไป

แล้วผมก็ถามน้องขิมอีกว่า “แล้วน๊องมาฮยะหยังกั๋น?”  น้องขิมตอบ “เอาจื่อเพลงมาหื้ออาวหนานโหลดเพลงหื้อผ้อง”  ผมถามว่า “แล้ว น๊องหยังบ่อโหลดเอาคนเดียว?”  เธอตอบว่า “น๊องฮยะบ่อจ่าง”  ผมก็ว่าต่อ “นี่ละควรต้องหาคำตอบ หู้ก่อ...ในเมื่อเฮาฮยะบ่อเป๋น หยังบ่อหัดฮยะหื้อมันเป๋น  เธอก็เงียบไป ไม่พูดอะไร คนเรานี่ก็แปลกอยากได้นั่นอยากได้นี่ แต่ไม่รู้จักหาวิธีที่จะทำให้มันได้มา

 

จากนั้นก็ส่งรายการเพลงที่จดมาให้ซึ่งมีไม่กี่เพลง คุยกันอีกพักหนึ่งแล้วก็พากันเดินออกจากร้านไป



ความเห็น (1)

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมากครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๗/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๒๘.

 

“เข้าเมือง”

 

วันนี้เดินทางเข้าเมืองอุตรดิตถ์ตั้งแต่เช้า เพื่อไปซื้อเครื่องเขียน สินค้าไอทีนิดหน่อย และที่สำคัญได้ไปหาหมอคลินิก เพื่อตรวจร่างกาย ก่อนที่หมอจะมาไปหากินข้าวที่ ตลาดสด “คุณนาย”  บริเวณรอบตลาดสดเป็นร้านขายขนมแห้ง แปลกใจ ไม่น่าเชื่อว่า ร้านอาหารตามสั่ง จะมาแทรกอยู่กับร้านขายขนมแห้งได้ โดยทำความสะอาด และทำกระโจมสังกะสีดูดอากาศที่ทำกับข้าวขึ้นด้านบน ที่ทำกับข้าวอยู่ด้านหน้าร้านซึ่งดูคับแคบมาก แต่ความคับแคบก็ทำให้ผู้ทำหมุนตัวหยิบจับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ไม่ต้องเดินไปเดินมา ร้านนี้ผู้ขายเป็นหญิงวัยกลางคนขึ้นไปแล้ว อายุคงจะประมาณ ๕๕-๖๐ ปี ช่วยกันทำอยู่ ๓ คน คนละหน้าที่

กินข้าวจานด่วนเสร็จแล้ว ก็กลับมาหาหมอที่คลีนิกอีกรอบ  นั่งรอหมอไปด้วยดูลมหายใจไปด้วยเกือบจะหลับแล้ว กว่าหมอจะมาก็ปาเข้าไป ๓๐ นาที ช่วงที่รอคิวอยู่นั้นเป็นคิวของชายสูงวัยคนหนึ่ง เข้าไปหาหมอตรวจสักพักก็เดินออกมา ภรรยาหมอคนจ่ายยาเรียกให้ไปรับยา  แต่คนที่ไปรับกลับเป็นชายหนุ่มร่างบอบบางคนหนึ่ง ประคองคนที่มาตรวจเข้าไปรับยา พร้อมกับฟังภรรยาหมอบรรยายว่า ยาแต่ละอย่างกินอย่างไร ก่อนอาหาร หลังอาหารหรือก่อนนอน พยักหน้ารับแทนคนป่วย พร้อมกันนั้นก็ควักกระเป๋าสตางค์ออกมา เปิดกระเป๋าหยิบเงินมาจ่ายค่ายาให้กับภรรยาหมอ  จากนั้นก็ประคองคนป่วยเดินออกจากคลินิกไป  ซึ่งผมนั่งมองอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกประทับใจในความเป็น “ลูก” ที่ปฏิบัติต่อ “พ่อ” ได้เป็นอย่างดี(ตามที่ผมคิดเอาเอง)

ได้ไปซื้อเครื่องเขียนที่ร้านศรีพงษ์กรุ๊ป แล้วไปซื้อบัตรเติมเงินของดีแท็กที่สี่แยกทางไปลับแล ไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร หลังมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ อยากจะเข้าไปดูงานไอทีที่ราชภัฏแต่คนข้าง ๆ แย้งว่าคนมันเยอะรถมันติด เพราะวันนี้จะมีคณะครูหลายโรงเรียนพานักเรียนมาแข่งขันอะไรกันต่าง ๆ มากมาย จากนั้นไปที่เทสโกโลตัส  เห็นความเปลี่ยนแปลงของเทสโก มีการขยายพื้นที่ แยกร้านอาหารออกไปด้านนอกจากที่เดิม มีร้านดัง ๆ ที่คุ้นหูคุ้นตาทางทีวีอยู่ภายในบริเวณโรงอาหารอย่างมาก  ที่นี่ซื้อของนิดหน่อย แต่ก็หยิบแล้วหยิบอีก เลือกแล้วเลือกอีกกว่าจะตัดสินใจซื้อได้ เพราะคำนึงถึงเรื่อง “คุณค่าแท้” “คุณค่าเทียม” นี่แหละ

 

ขากลับออกจากเมืองมา มีรถกระบะโตโยคันหนึ่ง “สีขาว”  แต่เขาเขียนติดด้านท้ายว่า “รถคันนี้สีน้ำเงิน” ยังคุยกับคนข้าง ๆ ว่า ถ้าฝรั่งเขาอ่านกับเรา โดยเราบอกว่า “ดีสอีสเออะบลูคาร์” เขาจะตอบว่าอย่างไร คนข้าง ๆ ตอบว่า “โน่ ดีสอีสเออะไวท์คาร์” คุยกันเล่น ๆ อย่างสนุกสนาน ผมก็ว่า “แล่วฝรั่งเขาจะเข้าใจ๋ว่าจ๊ะใดน๊อง?” คนข้าง ๆ ตอบเล่น ๆ ว่า “เขากะบ่อว่าเฮาง่าวกะปี่” จากนั้นก็ขับเข้าปั้มลงไปยิงกระต่ายซื้อกาแฟ ขนมที่สะดวกซื้อ แล้วก็กลับมาบ้าน มาเปิดร้านเช็คของขายของอีกพักใหญ่ วันนี้ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างที่บรรยายไม่หมด



ความเห็น (4)

คุณมะเดื่อมีเื่พื่อนครูที่เคยสอนโรงเรียนเดียวกันที่อุตรดิตถ์ด้วยจ้ะ เคยมาแวะอุตรดิตถ์หลายครั้ง เพื่อนเคยพามาลอดโบสถ์ไม้สักด้วย ต่อไปที่น้ำตกแม่พูลถิ่นหลงลับแลจ้ะ

ชื่นชมการเขียนค่ะ ทุกการเดินทางได้เรียนรู้ นำมาแบ่งปัน ได้ทราบการดำเนินชีวิตของคนรอบข้าง ทราบมุมมองผู้เขียน จุดประกายความคิด ชอบอ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ

     ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่มาเล่าให้ฟังค่ะ ...พี่หนาน ...ครูมุกพาแม่ไปพบหมอตามนัด ...ครูมุกเห็นเด็กหนุ่มก้มลงถอดรองเท้าให้แม่ เพราะแม่ต้องชั่งน้ำหนก แต่ด้วยความชราแม่ถอดรองเท้าไม่ถนัด เด็กหนุ่มละจากการประคอง ก้มลงถอดรองเท้าให้แม่ แม่เซนิดหนึ่งครูมุกอยู่ใกล้พอดีเลยช่วยประครอง...เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณครูมุกยิ้มตอบพร้อมกับพูดว่าไม่เป็นไร ...ในใจคิดเด็กคนนี้ช่างกตัญญูดีแท้น้อ...

ขอบคุณทุกท่านมากครับ ชื่นชมเรื่องเล่าจากครูมุกเช่นกันครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๖/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน ๒๗.

 

"หนังสั้น"

วันนี้ได้อ่านอนุทินของครูคุณมะเดื่อที่จะเปิดฉายหนังสั้นรอบปฐมทัศน์ในวันที่ ๑๔ ที่ถึงนี้ทำให้นึกถึง "หนังสั้น" ที่ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "Go To Father" ถ้าแปลเป็นคำเมืองแถวเชียงราย พะเยา น่าจะได้ในลักษณะว่า "ไปห้าป้อคิงก่า" แต่ถ้าเป็นสำเนียงแบบทางบ้านผมก็น่าจะได้ในลักษณะว่า "ไปหาป้อมึงก่ะ"  เป็นคำที่ใช้พูดกันในแบบชาวบ้าน กลุ่มเพื่อน ที่เวลาใครคนใดคนหนึ่งชวนไปนั่นไปนี่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อน ๆ มักจะพูดขัดขึ้นมาในลักษณะนี้

ไม่ได้เป็นคำหยาบโลนแต่อย่างใด (นอกจากผู้พูดในเวลานั้นกำลังโกรธก็ไม่แน่) ไม่เชื่อก็ลองดูครับ...ให้ทายด้วยว่าเป็นหนังสั้นเกี่ยวกับอะไร? ใครตอบได้ไปรับรางวัลกับอบเชยฟิล์มนะครับ

...ได้เวลาปิดร้านอีกแล้ว พรุ่งนี้พบกันใหม่...ไหว้สาทุกท่านครับ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๖/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน ๒๖.

 

วันนี้ตอนเช้าเวลา ๐๗.๔๔ น. ลองเข้าโกทูโนว์ดูว่ามีอาการเหมือนอย่างเมื่อวานหรือเปล่า ปรากฎว่าอาการคล้ายกัน หากแต่ว่าโค้ดตัวเลขที่ขึ้นดูเหมือนจะต่างกันนิดหน่อย เมื่อวานที่จำได้ดูเหมือนว่าจะเป็น 504 แต่วันนี้ เปลี่ยนเป็น 522 โดยเสิร์ทเว็บเพจที่ใช้คือ กูเกิ้ลโครม เพราะตัวนี้ใช้มาจนติดแล้ว แต่ก็มีปัญหาในรายละเอียดอยู่พอสมควร

วันนี้จึงลองจับภาพที่หน้าจอด้วยโปรแกรมจับภาพ shotty v.2.0 ให้เครดิตเขาหน่อยเพราะว่า "ใช้ฟรี" และใช้ง่ายด้วย จึงได้ภาพสวย ๆ ประทับใจผู้จับมาชม แต่อาจจะไม่ประทับใจผู้เป็นเจ้าของบล็อกเกอร์ก็ได้ ดังนี้

เผื่อว่าจะเป็นแนวทางให้ได้ศึกษาเพิ่มเติมนะครับ...



ความเห็น (2)

สวัสดียามสายก่อนออกบ้านเจ้า เปิดเน็ตไว้เป็นชั่วโมงกว่าจะใช้งานได้ก็ปอขวายกำเดียวใช้เวลาปิดเครื่องแถมเป๋นชั่วโมง เครื่องมันเฒ่าเหมือนเจ้าของนั่นเนาะ ตึงบ่จ้างจ่มฮื้อไผละ

ไหว้สา ฮยามค่ำครับ แม่ครู วันนี้มัวแต่อ่านหนังสือของมูลนิธิสยามกำมาจลเพลินไปหน้อยหนึ่ง ก๋ำลังเข้ามาอ่านอนุทินครับ(๑๙.๑๕น.) ขอบคุณแม่ครูและทุกท่านครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๕/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน ๒๕.

 

เมื่อวานเวลาประมาณ ๑๙.๓๐ น. ตอนหัวคำ ไม่สามารถเข้าเว็บโกทูโนว์ได้ หน้าหน้าเว็บแจ้งและฟ้องในลักษณะว่า ที่เราทำงานอยู่นี้คือ ประเทศไทย  ตรงกลางคือประเทศสิงคโปร์ และที่โกทูโนว์อยู่นั้นมีสัญลักษณ์เหมือนกล่องฮาร์ดดิสก์ถูกกากบาทด้วยสีแดง บ่งบอกเหมือนกับว่า ระบบโกทูโนล่มหรืออะไรประมาณนี้ (ลืมก๊อปปี้ภาพเอาไว้) พอถึงเวลา ๒๐.๐๐ น.ก็ทำการปิดร้านปิดเครื่องที่ตนเองเล่นอยู่ คุยกับแม่นิดหน่อย วันนี้แม่ทายากันยุงกลิ่นฉุนมาก จนทำให้รู้สึกว่า แสบจมูก เกือบจาม(เป็นภูมิแพ้) แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้แม่รู้สึกเคืองใจหรอก เพียงแต่เก็บความรู้สึกไว้เงียบ ๆ คนเดียวเท่านั้น กลัวแม่น้อยใจ สักพักก็ขอตัวกลับบ้านแม่ยาย

เช้านี้ตอนสายได้ยินเสียงเปิดประตูสังกะสีหลังบ้านโครมคราม แม่ตะโกนถามว่า "หนานกิ๋นเข้าแล้วก่า?" ผมตอบว่า "ยัง บ่อได้กิ๋นเตื่อ" แล้วถามต่อว่า "แม่ฮยะหยัง?"  แม่ตอบว่า "เอายำไก่มาหื้อ" ผมก็พูดว่า "ต่าบลึ๊ ๆ ขอบคุณ ๆ หลาย ๆ ครับ" จากนั้นก็เงียบกันไป

มาคิดดูว่า "ความจริงที่เรากำลังหาเงินอยู่นี้ เงินไม่อาจจะทำให้เราอิ่มได้ สัมผัสได้โดยตรงเลย  แต่ ข้าว ต่างหากที่ทำให้เราอิ่มท้องและมีความสุขสัมผัสได้โดยตรง" ว่าแล้วก็ไปกิน "ยำไก่" ก่อน เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด

ลาภปากอีกแล้ววันนี้...



ความเห็น (4)

น่ารักจังนะคะ คุณแม่คุณลูกค่ะ

 

วันนี้ กทน.อืดมากนะคะ โหลดช้า  บันทึกช้าค่ะ 

ลองเปิดอย่างอื่นๆ ปกติค่ะ 

 

ตอนนี้๑๙.๔๒ ก็อืดอีกแล้วครับ

น่าจะประสบปัญหาเดียวกันนะคะ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๓/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๒๔.

 

วันนี้ได้ส่งเงินไปใช้คืนให้ "เพื่อนเก่า" ที่อยู่ต่างจังหวัด ๕ พันบาท ซึ่งเคยให้ความช่วยเหลือในยามที่เราลำบากและต้องการความช่วยเหลือนานมาแล้ว  พร้อมกับบอกว่า "ไม่ต้องเอามาคืนให้หรอกนะ ถือเป็นการตอบแทนที่เคยช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาก่อนก็แล้วกัน" 

ส่วนตัวคิดว่า "เมื่อเป็นหนี้ก็ต้องใช้ ถึงแม้เขาจะให้เราด้วยความเสน่หาก็ตาม"  หนี้เงินนั้นใช้หมด มีกำหนดตัวเลขที่แน่นอนชัดเจน

แต่หนี้บุญคุณ "หนี้พ่อแม่" หรือหนี้ชีวิตนั้น ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด  เราต้องชดใช้ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่นั่นแหละ



ความเห็น (6)

ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่นักค่ะ ^^

สุดยอดครับ พี่หนาน ;)…

น่าชื่นชม …และปลื้มใจมากนะคะ

ความรักของพ่อแม่แม้ชีวิตหนึ่งยังใช้ไม่หมด พระคุณท่านยิ่งใหญ่เหนืออื่นใด..ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑/๐๙/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๒๓.

 

 "คุยกับแม่"

 

เช้านี้แม่มาหาผมที่ร้านนำเอาฝรั่ง(ผลไม้)ลูกใหญ่ ๆ มาให้ ๕ ลูก ลูกใหญ่มาก ๕ ลูก เต็มถุงเลย แม่พูดว่า “เอ๊า หม่าแก๋ววะ ต้นบ้านหนานหล้าหั้น แบ่งกั๋นกิ๋น” 

ผมถามแล้ว “อี่แม่ห่อไว้อี้? หยังมาโหน่ยใหญ่แต๊ว่า”

แม่ตอบ “ห่อไว้ก่ะ ลองบ่อห่อดู๊ จะได้กิ๋นกะดียะ” 

ผมพูดพร้อมกับมองที่ลูกฝรั่ง “มันหยังมาบ่อเรียบแหมะใจ๋?”

แม่ตอบ “บ่อหู้หนะ มันเป๋นมาตั้งแต่หน้อยแล้วดู่ ผิวมะหรูดจูดจีด ลองผ่าผ่อดู้ดีก่อ?”

ผมยังไม่ทำตามที่แนะนำ และแกล้งถามย้อนกลับไปว่า “หมายความว่าจ๊ะใด มะหรูดจูดจีด?”

แม่ว่า “กะมันบ่อเรียบหนะนะ เป๋นตะปุ่มตะป่ำนั่นหละ” ผมร้อง “อื่อ...”

จากนั้นแม่ก็คุยเรื่องกับข้าวที่จะทำในเช้านี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเภทผักข้าง ๆ บ้านและหลังบ้านที่แม่และผมปลูกไว้นั่นแหละ มีกระถิน บอน ผักกูด ผักเสี้ยว ผักชะอม มะเขือ มะเขือพวง พริกขี้หนู ผักหวานบ้าน แคขาว ผักเฮียก กล้วยน้ำว้า มะรุม ผักแส่ว(ไม่แน่ใจว่าภาคกลางเรียกชื่อว่าอะไรเวลาแกงออกขมนิด ๆ) และที่นึกชื่อไม่ออกอย่างละนิดละหน่อย

วันนี้แม่แกงผังปัง และก่อนจะไปบอกว่า “แหมบึด จะไปขุดข่าเอามาต๋ำน้ำพริกแก๋งก่อน” ว่าแล้วก็เดินออกจากหน้าบ้านไป

 

 



ความเห็น (4)

หมายความว่าจ๊ะใดเจ้า แหมะใจ๋ หม่าแก๋ววะ แหมะใจ๋ ขอบคุณเจ้า

  • ขอบคุณคุณครู ถ้าเชื่อว่าไม่แพ้ เราก็จะไม่แพ้ ที่ชมมากครับ
  • ขอบคุณอาจารย์ GD มากครับ

"หม่าแก๋ว" คือ ฝรั่ง(ผลไม้)ที่ทางบ้านผมและแพร่เรียกขานกัน ทางภาคเหนือ เรียกได้ต่างถิ่นกัน ลำปางเรียกว่า หม่ามั่น  แถวเชียงใหม่อาจจะเรียกว่า บะกล้วย, หมะก้วย หรือ หม่ากล้วยก๋า ก็ได้ ไม่แน่ใจ ลองสอบถามนักศึกษาดูครับอาจารย์

ส่วนคำว่า "แหมะใจ๊" เป็นคำต่อท้าย ไม่มีความหมายอะไร ทำให้ภาษาดูเพราะนุ่มนวล แปลเป็นกลาง "ทำไมดูผิวของมันไม่เรียบเลย?" ประมาณนี้นะครับ 

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๓๑/๐๘/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๒๒.

 

คุยกับฝรั่ง

 

วันนี้เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง มีฝรั่งท่านหนึ่ง ชื่อ มาร์ที (ถามเขาแล้ว) ชาวสหรัฐฯอดีตวิศวกรตอนนี้ปลดเกษียณแล้ว ที่ได้ภรรยาเป็นคนไทยน้องสาวของสามีคนข้างบ้าน  นำแฟรชไดรฝ์มาให้ปริ้นท์งาน  เป็นไฟล์ PDF ซึ่งเขาสร้างเป็นแบบเครื่องบินบังคับด้วยวิทยุ  พร้อมกันนี้เขาก็  ฝากผมซื้อโฟมอย่างดี ๓ มิล อีก ๕ แผ่น ถ้าหากว่าผมเข้าไปซื้อของในเมือง

ทำให้นึกถึงหลายวันก่อนที่ผ่านมา  เขาสั่งให้ซื้อโฟมเกรดเอ บรรทัดเหล็กยาว ๑ เมตร(ไม่แน่ใจว่าเรียกถูกหรือเปล่า) และกาวยูฮูอย่างดีสำหรับติดโฟมเครื่องบิน ๒ หลอด  ผมก็ซื้อมาให้และยังข้องใจว่า บรรทัดเหล็กนั้นฝรั่งเขาเรียกว่าอะไร  ผมก็เลยถามและเขาก็ตอบว่า “สเกล” พร้อมกับทำท่านับช่องตาม  และพูดอีกคำหนึ่งว่า “สเกล ออ รูล” คือจะเรียกว่า “สเกล” หรือเรียกว่า “รูล” ก็ได้

เขาบอกว่าไม่ใช่  “รูเลอะ” ที่มีตัวอาร์ต่อท้าย ซึ่งไทยเราแปลกันว่า “ไม้บรรทัด” นั้น ใช้ไม่ถูกต้อง

มาร์ทีบอกว่า คนไทยเราที่สอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนทุกวันนี้สอนกันไม่ถูก พร้อมกับส่ายหัวขณะพูด และบอกว่า  คำว่า “รูเลอะ” นั้นเขาใช้ได้เฉพาะกับพระเจ้าแผ่นดิน “คิง” หรือรัฐมนตรี ผู้นำระดับประเทศ “บิ๊กบอส”เท่านั้น ไม่ใช่ใช้หมายถึง “ไม้บรรทัด”  อย่างที่สอนกัน

ผมถึงกับอึ้งและสงสัยอยู่ว่า “แล้วคนไทยเขาสอนภาษาอังกฤษกันแบบไหนนะ”  

 

เรื่องนี้ครูอาจารย์ท่านใดพอจะให้คำตอบเราได้บ้างน๊า....



ความเห็น (2)

พอดีคุณมะเดื่อสอนภาษาไทยจ้ะ ก็เรียก ไม้บรรทัดน่ะแหละ อิ อิ

ขอบคุณครับคุณครู อิ อิ อิ ยามเช้า

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๓๐/๐๘/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๒๑.

 

“ไฟดับแต่...ไม่มีฝน”

 

ฟ้ามืดดำเป็นกลุ่มลอยคลุมบ้าน

ลมสะท้านพัดมาคราหนึ่งนั้น

ไฟฟ้าดับทันใดในฉับพลัน

เสียงร้องลั่นเครื่องสำรองให้หมองใจ

 

วานก็ครั้งหนึ่งแล้วพ่อแก้วเอ๋ย

เป็นอย่างเคยบ่อยเข้าไม่เอาไหน

การไฟฟ้าบกพร่องต้องทำไง

เก็บค่าไฟไปแก้ดูแลก่อน

 

เด็กลุกเดินมาถามว่าเท่าไหร่

จ่ายคืนไปให้ได้ไม่ผัดผ่อน

เงินที่ค้างเท่าไรไม่แน่นอน

จ่ายแล้วจรจากร้านสู่บ้านตน

 

เดินไปหยิบรองเท้ามาสวมใส่

เตะตะกร้อนั่นไงได้ฝึกฝน

ออกกำลังได้เหงื่อร้อนเหลือทน

“ห่วง”มาวนสลับด้านไม่คร้านอาย

 

พอเสร็จแล้วไปยกลูกเหล็กหนัก

แล้วหยุดพักให้เย็นยืดเส้นสาย

มาเช็คของพอมองเห็นเป็นหลายราย

“แจ้ง”แล้วไงไฟเปิด “เหิด” สักที

 

 

ห่วง : ฮูลาฮูป

เหิด: เป็นอาการที่แสดงออกถึงความดีใจหรือชอบใจอะไรสักอย่างด้วยเสียงดัง ๆ



ความเห็น (1)
"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๓๐/๐๘/๒๕๕๖

 

 

อนุทิน ๒๐.

 

ชวนอู้กำเมือง

 

 ตอนสาย ๆ ของวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖  มีผู้หญิงคนหนึ่งมาถามหาเอกสารเกี่ยวกับใบสำคัญการซื้อขายที่ดินซึ่งผมถ่ายเอกสารแล้วลืมคืนให้กับเขาไป ในวันที่ถ่ายรูปด่วนวันนั้น พอมาถึงจึงถามว่า “อาวหนาน มีเอกสารของน๊องอยู่นี่ผ่องก่อ ตี่ถ่ายฮูปวันนั่นหนะ?” 

 

ผมตอบ “มีกะ ลืมเอาคืนหื้อ เพราะวันนั่นมัวแต่แต่งรูปเพลินไปหน้อยหนึ่ง ขออภัยหลาย ๆ เน้อ”

เธอตอบ “บ่อเป๋นหยั๋งดอก และกะจะหื้ออาวหนานถ่ายฮูปหื้อแหมใหม่โตย ตังโรงเรียนเขาบ่าเอาสองนิ้ว เขาจะเอาหนิ้วเกิ่ง ถ่ายแหมใหม่เนาะ กะว่าจ๊ะใด?” พร้อมกับนำรูปขนาด ๒ นิ้วที่ถ่ายไปก่อนหน้านั้นแล้วนำมาวางบนหลังตู้กระจก

ผมกล่าว “เดียว ขอผ่อในเครื่องก่อนบ่อหู้ข้อมูลเก่ายังมีเหลืออยู่ก่อ หรือว่าลบไปแล้วกะบ่อหู้” ผมดูสักพักก็ไม่พบรูปเธอดังกล่าว จึงกล่าวว่า “อั้นกะเอาฮูปตี่ถ่ายแล้วนี่ มาสแกนเอากะได้ บ่อต้องไปถ่ายแหมใหม่ละ คิดราคาค่าปริ้นเฉพาะกระดาษกะเอาเลาะ ขอหกสิบบาทกะแล้วกั๋นเหนาะ” เธอพยักหน้า ผมก็จัดแจงสแกนรูปเข้าคอมและก็ใช้โปรแกรมโฟโต้สเคปตัดแต่ง และปรับขนาดให้เหลือเท่าขนาด นิ้วครึ่งคือ 3*4 เซ็นติเมตรตามที่เขาต้องการ

จากนั้นก็ปริ้นออกมาทางเครื่องปริ้นท์สีแคนนอน ได้ความสวยงามไม่ต่างจากเดิมเลย เสร็จแล้วก็นำไปตัดได้ทั้งหมด ๖ ภาพ ส่งให้เธอ

เธอรับแล้วก็จับมาพิจารณาแล้วก็กล่าวว่า “อื่อ...เหมือนเก่าเลยเหนาะ ถ้าบ่อได้กำนี่กะคงบ่อเฮียนละก้า”

ผมยิ้มและพูดว่า “เฮียรไปเต๊อะ... ความหู้มันจะมีก่ากับเฮาสักวัน อาจจะจ้าหน้อยหนึ่ง แต่มันหันผลแน่นอน” เธอเอารูปไปสมัครเรียน กศน. ครับ

จากนั้น เธอก็ถาม “ทั่งหมดเต่าใด?”

ผมคิดเงินแล้วตอบ “ทั่งหมด ๗๐ บาท รวมปากก๋า ๒ ด้ามครับ”

เธอก็พูดขอบคุณว่า “ถ้าบ่อได้ร่านหนานนี่ ถ่าจะไปแหมไกล๋(บ้านแสนขัน ๕ กิโลเมตร) ขอบคุณหลาย ๆ เน่อ”

ผมตอบ “บ่อเป๋นหยังดอกครับ กะพยายามตี่จะหื้อมันมีครบทุกอย่างเหมือนกั๋น อาจจะต้องก่อยปรับปรุงไปเรื่อย ๆ แต่ต๋อนนี่กะมีหลายอย่างผ่องเลาะ” และเธอก็สตาร์ทรถเครื่องแบบสายพาน “แซะตื๊นนน”

ผมก็พูดตะเบ็งเสียงไปพร้อมกับเสียงรถว่า “ขอบคุณหลาย ๆ ครับ...” แล้วการสนทนาก็สิ้นสุดลงกลายเป็นอดีตไปในเวลาต่อมา

 

หมายเหตุ  กำเมือง หรือภาษาไทยเหนือ ถ้าต้องการฝึกพูดให้คล้ายคนเมืองควรสังเกตการออกเสียงคำ เช่น

๑. คำลงท้าย “เน่อ+เด้อ = คำที่เราควรออกเสียง ควรให้ก้ำกึ่งกัน ระหว่างสองคำนี้

๒. คำลงท้าย “เลาะ+ละ = คำที่เราควรออกเสียง ควรให้ก้ำกึ่งกัน ระหว่างสองคำนี้

๓. ไม่ใช่คำลงท้าย “บ่อ+บ่า = คำที่เราควรออกเสียง ควรให้ก้ำกึ่งกัน ระหว่างสองคำนี้

ผมมีตัวอย่าง การอธิบายความหมายของคำ ให้ได้ลองฟังสำเนียงกันดูนะครับ สำเนียงอาจแตกต่างจากบ้านผมนิดหน่อย...



ความเห็น (3)

ขอบคุณเจ้าอ้ายหนานตี่ฮื้อความฮู้ดีดีเจ้า

เบาะเป๋นหยังครับ ฮยิ๊นดีขนาดเจ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท