"พี่หนาน"
นาย พรพจน์ พี่หนาน เรียงประพัฒน์

อนุทินล่าสุด


"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๙/๐๘/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๑๙.

 

อึดอัดกับความอืดอาดของ G2K…วันนี้

คิดถึงมิตรมากมายสายความรู้

คงคอยอยู่เช่นกันฉันกับเขา

มาวันนี้ที่ระบบทำซบเซา

ให้หงอยเหงาเข้าไปใช้ไม่ดี

ทำให้ฉันนั้นต้องมาตามติด

คอยพินิจคอมนั้นหมั่นถี่ถี่

ปล่อยอารมณ์ไปบ้าง “ย่างหนอ” ซี

เน็ตวันนี้ไม่เข้าท่าดูน่าอาย

G2K ของเรา(ก็)ไม่เข้าท่า

กลัววันหน้าข้อมูลจะสูญหาย

อินไม่ได้บ่อยเข้าเราสิตาย

“ติด”มากมายกลายเป็น “ช็อค” หรือ “น๊อก” ได้

ขอวอนให้ G2K เก็บให้หมด

สิ่งที่จดจารไว้อย่าไปไหน

ก่อนจะปิดตัวลงจงแจ้งไว

ให้ฉันได้เข้าไปเก็บมาเย็บก่อน

...

     วันนี้อินเทอร์เน็ตที่บ้านล่ม พึ่งเข้าได้เมื่อบ่ายโมงกว่า  ทำให้มารู้ตัวเองว่า “เราน่าจะติดโกทูโนว์เข้าอย่างจั๋งหนับเสียแล้ว”  คุณหมอท่านใดเก่ง ๆ ช่วยรักษาอาการให้ด้วย...คงต้องห่าง ๆ บ้างแล้วช่วงนี้

 

 



ความเห็น (4)

ใช่เลยค่ะ ไม่รู้เป็นไงช่วงนี้ การเขียน Gotoknow จึงไม่ค่อยเสถียรเท่าที่ควร แต่ก็เห็นใจผู้ควบคุมระบบนะคะ…ไม่เป็นไรค่ะ รอการแก้ไข ขนาดพี่ Save ครั้งแรกบอกว่าไม่ประมวลผล เคย Click อีกซ้ำ ๒ ครั้ง ดันขึ้นมาตั้ง ๓ ครั้ง แจ้งลบก็ไม่ลบค่ะ ทำใจ คริ ๆ ๆ ยังโทษว่าเป็นที่เครื่องของเราหรือเปล่า ที่ทำงานก็แล้ว ที่บ้านก็แล้ว เหมือนเดิมคร้า…อิอิ…

สวัสดีครับพี่หนาน..ตามมาอยู่เป็นเพื่อนใน G2K ครับ…ติดหนึบ..เหมือนกัน ฮ่า ๆ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๙/๐๘/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๑๘.

 

“เบิกบานยามเช้า”

 

เช้านี้เดินลงบันไดมาด้านล่างพร้อมด้วยถุงห่อข้าว  กำลังจะเข้าไปดูคอมเครื่องหนึ่งของร้านที่ขึ้นหน้าจอไม่เหมือนเครื่องอื่น ๆ ขณะนั้นมีรถเครื่องคันหนึ่งเข้ามาจอด ชายวัยประมาณกลางคนอาจจะอายุมากกว่าผมสัก ๓-๔ ปี จอดรถแล้วก็ถามผมว่า

“อ้าวหนาน  มานอนบ้านเพ่อี๊?”  เขากล่าวต่อ “กะนึกว่าหนานนอนอยู่ร้านบ้านแพะปุ๊นหู้หวั่น”

ผมตอบว่า “มานอนเพ้ทุกวันนะ มีหยังพ่องเนี่ย?”  พร้อมกับถามต่อ

เขาพูดว่า “หนานบุญเขาส่งซิบมาบ้านหนานหนะ หันพ่องก่อ?”  พร้อมกับทำปากจิ๊บ ๆ 

ผมงงแล้วก็ถามต่อ “ซิบอะหยัง”

เขาตอบ  “เขาฮ้องอะหยังเกาะ ชิบ ๆ หยังเนี่ย” ผมงงไปใหญ่    จากนั้นเขาก็พูดยาวว่า  “ตะวาหนานบุญเขาส่งลายเซ็นมาหื้อ  เขาว่าหื้อไปเอาตี่บ้านหนานเอิร์นหั้น  เฮาส่งไปหื้อแล้ว ส่งซิบ ส่งซิบอะหยังมานี่ละ” 

ผมถึงกับบางอ้อ  จึงยิ้มแล้วก็พูดว่า  “อ๋อ...เขาส่งแฟ๊กซ์มาหื้อ...”  เขาพูด “นั่นละ...เฮาฮ้องบ่อถูกแหยะ กะว่าชิบอี้หนะ”  ผมถาม “แล้วหนานบุญเขาอยู่ไหนบ่าเด่ว?”  “เขากะอยู่อุดรปุ้นหนะหนา” เขาตอบ

ผมว่า “อยู่บ้านเมียเขาเหรอ? อ่าว แล้วเขาไปแม่ใดแหน่ะ? บ่อหันได้ข่าว วันนั้นยังหันอยู่เลย” 

เขาตอบ “ไปหลายวันแล้ว”  พร้อมกับถามต่อ  “หนานจะไปละยัง?” 

 

ผมถามสวนไปว่า  “แล้วลุงจะฝั้งเอาก่อหล้า?  ขอผมผ่อคอมตี่นี่สักกำก่อนเน่อ ก๊ำเดียวตะอั้นละ เดียวจะเปิดหื้อ”   จากนั้นผมก็เข้าไปดูหน้าจอคอมว่า  หน้าแฮนดี้คาเฟ่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า  เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงรีบไปนำรถเครื่องใต้ถุนบ้านออก ไม่ลืมหยิบห่อข้าวใส่บ่ามุ่งหน้าไปเปิดร้านเพื่อเอาเอกสารที่ส่งซิบ เอ๊ย! ส่งแฟ็กซ์มาจากอุดรให้ลุงเขา...ขับรถมาก็ให้นึกยิ้มในใจมาตลอดทางวันนี้รู้สึกเบิกบานแต่เช้าเลย 

 

หมายเหตุ   พอรู้ว่าเช้านี้เข้าเน็ตไม่ได้ มือไม้เริ่มสั่นขึ้นมาทันทีทันใดเลย ไม่ใช่เพราะโกรธอะไรหรอก  แต่ไม่พอใจเพราะเข้าเน็ตไม่ได้ "ติดโกทูโนว์จนเข้าขั้น" นี่แหละ  พึ่งจะเข้าเน็ตได้เมื่อเวลา ๑๓.๑๒ น.นี่เอง เพราะเมื่อวานลมแรง ฝนตก ไฟฟ้าดับ  อินเทอร์เน็ตก็พลอยดับไปด้วย ใช้ไม่ได้มาจนถึงตอนบ่าย 



ความเห็น (2)

ระวัง … ช็อคนะครับพี่หนาน 555

ขอบคุณที่เป็นห่วงครับอาจารย์

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๘/๐๘/๒๕๕๖

อนุทิน ๑๗.

 

“ตัดสินใจ”

 

เมื่อวานตอนเย็นเวลาประมาณ หกโมงกว่า ๆ เวลาแบบไทย ๆ ของวันที่ ๒๗ สิงหาคม พอศอ ๒๕๕๖ ได้มอบหมายให้หลานชายตัวเล็กเฝ้าร้านแทน เพราะตนเองต้องขับรถไปที่บ้านท่าดินขาว ตำบลน้ำอ่าง อำเภอตรอน อุตรดิตถ์ เพื่อพาแม่ พี่สาว และญาติสนิทอีก ๒ คน ไปร่วมงานศพของลุงมูน โม้เกิด(สามีพี่สาวพ่อ) ในการสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้าย

ขณะขับรถถึงช่วงระหว่างทางบ้านแพะเนินชัย หลานชายสุดหล่อก็โทรเข้ามือถือของพี่สาว(แม่เขา) ว่า “แม่ ขออู้กับอาวหนานผ่องดุ” พี่สาวก็พูดว่า “ไอ้เอมันจะอู้โตย เรื่องหยังบ่อหู้” ผมขับรถด้วยมือขวา มือซ้ายก็จับโทรศัพท์คุย แม่นั่งอยู่ใกล้ ๆ คงจะกลัวจึงพูดว่า “มึงกะอย่าไปขับเร็วหนะ ขับจ้า ๆ กะได้” ผมก็ว่า “มันเร็วตี่ไหนเหลาะ หันอยู่หน่า” หลานชายพูดว่า “อาวหนาน เขาเอาแบตเตอรี่มาคืน เขาบอกว่าไฟมันบ่อเข้า น๊องกะลองผ่อแล้ว มันบ่อเข้าแต๊ จะหื้อฮยะจ๊ะใด?” ตบท้ายด้วยคำถาม

ผมคิดแว๊บหนึ่งแล้วก็ตอบว่า “ถ้าเขาจะเอาใหม่เกาะเปลี่ยนหื้อเขาไปเหีย ถ้าเขาบ่อเอาก่อคืนเงินหื้อเขาไป ราคาของมัน ๒๙๐ บาท เข้าใจ๋ก่อ?” หลานชายตอบ “อื่อ...” จากนั้นก็คืนโทรศัพท์ให้พี่สาว แล้วก็ตั้งใจขับรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง...จนถึงเป้าหมาย
ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกหรือผิด...?



ความเห็น (5)

“ถ้าเขาจะเอาใหม่เกาะเปลี่ยนหื้อเขาไปเหีย ถ้าเขาบ่อเอาก่อคืนเงินหื้อเขาไป ราคาของมัน ๒๙๐ บาท เข้าใจ๋ก่อ?”…รับทราบ/ถือปฎิบัติคร้าบ!!

มาหัดอ่านออกเสียงคำเมืองเจ้า

ขอบคุณคุณเพชรน้ำหนึ่ง ขอบคุณอาจารย์ GD ครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๗/๐๘/๒๕๕๖

 

อนุทิน ๑๖.

 

“ปรับปรุง G2K”

 

G2K เทใจให้ระบบ

สิ่งที่พบใหม่ใหม่ในที่นี้

คือภาพถ่ายไม่ขึ้นชื่นฤดี

ดังก่อนนี้ที่ท่านและฉันเป็น

 

สองอักษรที่เห็นดูเด่นชัด

กลับเล็กจัดมองไกลแทบไม่เห็น

กล่องใช้เขียนเล็กแคบแนบกฎเกณฑ์

ไม่โดดเด่นมองได้ทั้งสายตา

 

สี่รับได้อักษรก่อนจากเวิร์ด(ฟอนท์อื่นๆ)

เดี๋ยวนี้เกิดไม่เป็นเห็นกังขา

ลิงก์ไม่ได้ไขไม่ออกนอกไกลตา

จึงอยากมาช่วยบอกออกจากใจ

 

มีสิ่งไหนที่ใครยังเห็นอีก

อย่าหลบหลีกจากไปให้หวั่นไหว

ช่วยกันเสริมเติมตกบกพร่องไป

ให้สื่อไทยแห่งนี้แสนดีเอย...

 

ไม่ค่อยได้เขียนกลอนลง เอย สักที พึ่งครั้งนี้แหละ...



ความเห็น (2)

อย่างนี้ก็ต้องลงเอย ที่ G2K นี่แหละ ไม่ไปไหนแล้วครับ

สำหรับผม มีข้อสังเกตว่า การเข้ามาแสดงความคิดเห็นในอนุทิน บางครั้งก็ใส่รูปได้ บางครั้งก็ใส่รูปไม่ได้ครับ ฝากอนุทินนี้บอกด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ผมไม่อยากให้อนุทินมีเสียงเพลงแบบอัตโนมัติครับ ต้องการสงบเวลาอ่านมากกว่า

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๗/๐๘/๒๕๕๖


อนุทิน ๑๕.


หนูจะเอา

 

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาถึงบ้าน
ดูฟุ้งซ่านรานรนทนไม่ไหว
วิ่งเข้าหาดินน้ำมันเร็วทันใด
เหมือนมีใครผลักส่งเธอตรงมา

ร้องแม่จ๋า แม่จ๋า "หนูเอานะ"
จับเลือกละวางลงตรงที่ใหม่
หยิบก้อนนั้นก้อนนี้หลายที่ไป
ที่สุดได้ก้อนหนึ่งซึ่งต้องการ

แม่บอกว่า"อย่างเดียว"ก็พอแล้ว
ก็ไม่แคล้วจับนี่นั่นอย่างอาจหาญ
หนูจะเอาจริงจริงสิ่งพบพาน
แม่คัดค้านเกิดอารมณ์สุดข่มใจ

เห็นนักเรียนตีกันทันดูข่าว
ในช่วงเช้ากระฉ่อนก่อนข่าวใหญ่
เธอตีกันกอดกันมันสะใจ
ส่วนคนไทยที่มุงไม่ยุ่งเลย

กลายเป็นมวยคู่เอกในตอนเช้า
เป็นเรื่องราวที่คนดูอยู่นิ่งเฉย
ไม่ห้ามปรามกันบ้างนางนางเอย
ปล่อยให้เลยตามเลยจนเคยตัว

หรือเห็นว่าเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล
แต่เหตุผลฟังไปใคร่ปวดหัว
พากัน"แย่งผู้ชาย"ไม่อายกลัว
ตีกันนัวผ้าผ่อนหลุดหยุดไม่เป็น

หนูจะเอา “สันออง” นะคุณแม่
ใช่เรื่องแย่กล่าวกันนั่นทันเห็น
มาบัดนี้เป็นจริงยิ่งชัดเจน
ทำล้อเล่นกับอารมณ์ขื่นขมใจ

ทำในสิ่งสร้างสรรค์กันเถิดนะ
มิควรจะ”หนูจะเอา”เมากันใหญ่
เขาเป็นคนใช่สิ่งของมองที่ใจ
แย่งกันไปได้หรือคือความจริง
... 

 

หมายเหตุ   "สันออง" เป็นคำผวน ที่เกี่ยวกับเรื่องเล่าของชนบทที่ผู้หญิงนางหนึ่งใช้ขนไก่ปั่นหูให้รู้สึก "มัน" "คัน" เปรียบเทียบกับหญิงที่อยากมีสามี จึงบอกแม่ว่า "ขอสันออง" คือ "ขอสองอัน" หมายถึง อยากได้สามีพร้อมกันสองคน นั่นแหละครับ



ความเห็น (1)

เห็นภาพที่สะท้อนสังคมในยุคปัจจุบันได้ดีทีเดียวคับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๖/๐๘/๒๕๕๖

 

อนุทิน  ๑๔.

 

ชื่นชมคมความคิดของพี่หนานเกียรติ(แสนภู กมลสะอาด)


คำสอนของพรานบูรพ์ที่เขียนประกอบไว้ว่า


คนเห็นคนเป็นคนนั่นแหละคน
คนเห็นคนใช่คนใช่คนไม่
กำเนิดคนต้องเป็นคนทุกคนไป
จนหรือมีผู้ดีไพร่ไม่พ้นคน


http://www.gotoknow.org/dashboard/home#/posts/546684

 



ความเห็น (1)

ขอบคุณทุกท่านที่สนใจมากครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๕/๐๘/๒๕๕๖


อนุทิน ๑๓.

 

"ยาม ๓"


       เมื่อวานนี้เวลาประมาณเที่ยงวันได้มีรถกึ่งเก๋งสีขาวฮอนด้า ฝีด สี่ประตู ตูดตัด มาจอดที่หน้าบ้าน ความจริงเลยไปหน่อยหนึ่งละแล้วถอยกลับมาหันหัวเข้ามาหน้าบ้าน ก็ยังคิดในใจอยู่ว่าใครมา พอเห็นคนที่ลงมาก็จำได้ว่าเป็นน้องชายของเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานเป็น พขร.ที่ รพ.ทองแสนขัน ในมือถือสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย ผมเห็นก็ถามว่า “ถ่ายเอกสารก่า?” เขาตอบว่า “บ่อใจ่ปี่หนาน ผมมาขอหื้อเขียนป้ายหื้อผ่อง” ผมถาม “ป้ายอะหยั๋ง?”   “คือว่า แม่ผมต๋ายปี่(สม)บัติกำลังจัดศพของแม่อยู่ ผมกะเลยมาขอหื้อปี่หนานเขียนป้ายโฟมหื้อผ่อง”  ผมพูด “อั้นกะจดจื่อเปิ่นมา” เขาถาม “เขียนอะหยังผ่องเนี่ย?” พร้อมกับเปิดสำเนาทะเบียนบ้านดูชือ วันเดือนเกิดของแม่ ผมตอบ “หลัก ๆ แล้วเขากะจะเขียนสี่บรรทัดเต่าอั้นละ มีจื่อนามสกุ๋ลคนต๋าย ชาตะ มรณะ แล้วกะ อายุกี้ปี๋” เขาก็จัดแจงเขียนให้ตามที่ผมบอก แล้วก็ถามว่า “จะได้แม่ใด” ผมบอก "บ่แน่หนา ถ้ายุ่งกะจะจ้าหน้อยหนึ่ง เอาเป๋นว่าจดเบอร์ไว้หื้อกะแล้วกั๋นเน๊าะ เสร็จแล้วจะโทรไปบอก” แล้วเขาก็ถามต่อว่า “ราคาเต้าใดเหยาะ?” ผมบอก “บ่อเอาหลายดอกกั๋นเอง คิด ๕๐ กะแล้วกั๋น ก่าโฟมเกิ่งนิ้วซาวห้า  ก่าเขียนซาวห้าบาท หนะ” เขาก็พยักหน้าแล้วก็เดินขึ้นรถขับออกไป

       ผมก็จัดเตรียมโฟมครึ่งนิ้วลงมาวางแผนตีเส้นแล้วก็หาสีดำมาเขียน ปรากฏว่าสีอะครีลิกไม่มีก็เลยใช้สีโปสเตอร์แทนแก้ขัดไปก่อน เสร็จแล้วก็ใช้สีดำปากกาเคมีตราม้าเขียนทับไปอีกที ไม่ถึงกับสวยแต่ก็พอดูได้ จากนั้นก็ไปเปิดซองขาวแบบสั้นนำมาเขียนชื่อสกุลพร้อมกับข้อความ “ขอแสดงความเสียใจต่อเจ้าภาพด้วย” ใส่เงินไป ๑๐๐ บาท พร้อมกับอธิษฐานแบบผู้ถือพุทธ แต่เงินนี้นำไปทำบุญกับผู้ถือคริสต์ซึ่งแม่ของเพื่อนผมนี้เป็นคริสเตียน นำศพไปไว้ที่ “โฮงสูตร” (สถานที่ทำพิธีกรรมของผู้นับถือคริสต์ศาสนา)ไม่ได้ไว้ที่บ้าน เสร็จแล้วก็มาคิดในใจคนเดียวลึก ๆ ว่า “มันจะได้บุญจ๊ะใดหวะ”
      อดไม่ได้ที่จะให้นึกถึงคำของพระที่สอนไว้ว่า คนเราจะเห็นใจกันซึ้งใจกัน ก็เมื่อ ๓ ยาม คือ ยามจน มีใครคอยให้ความช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยข้าวของเงินทองบ้างไหม ยามเจ็บ มีใครเอาใจใส่คอยให้ยากินหรือพาไปหาหมอคอยเฝ้าไข้ หรือคอยหอบข้าวของผลไม้ไปเยี่ยมเมื่ออยู่โรงพยาบาลบ้าง และยามจาก มีชีวิตอยู่คอยไปส่งขนข้าวของขึ้นรถลงรถไปส่งยังที่ต้องการและตายแล้วช่วยเหลือการงานศพทั้งแรงกายและแรงใจจนเสร็จงาน ทั้ง ๓ ยามนี้หากใครเข้าใจและสามารถทำได้ ก็จะได้ชื่อว่าเข้าใจชีวิตมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

      ซึ่งขณะนี้ผมยังไม่ได้เจอหน้าเพื่อนคนดังกล่าวเลย นาน ๆ ถึงจะได้พบกันสักครั้ง เขาทำงานอยู่ โรงพยาบาลลับแล มีเมียมีลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว กะว่าตอนหัวค่ำจะไปร่วมงานที่โฮงสูตรด้วยสักหน่อย



ความเห็น (2)
 ตามอ่านมาทุกอนุทินและบันทึกของ 'พี่หนาน' เกิดจินตนาการเห็นภาพและเสียงคนสนทนากันเลย ชอบที่เขียนภาษาเมืองด้วยทำให้เรียนรู้เพิ่มขึ้น 

เมื่อเร็ว ๆนี้เป็นกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ ปริญญาเอกเรื่องวัฒนธรรมอาหารไทลื้อ ผู้เขียน เขียนชื่ออาหารเป็นชื่อไทลื้อ และเขียนคำให้สัมภาษณ์ของชาวไทลื้อทั้งในสิบสองปันนาและ ในล้านนา (เชียงคำ ดอยสะเก็ด) เป็นคำลื้อ (สั้น ๆ พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย) ท่านประธานกรรมการสอบ ท่านเป็นคนล้านนา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไทย และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทางด้านชาติพันธุ์และแน่นอนท่านทำงานเขียนและวิจัยวัฒนธรรมไทลื้อมาก ท่านบอกให้ใช้เป็นภาษาไทยทั้งหมด เพราะคนอ่านจะไม่รู้เรื่อง เช่น น้ำปู๋ ให้ใช้ น้ำปู แต่ดิฉันบอกว่าดิฉันเป็นคนภาคกลาง ไม่ใช้ภาษาถิ่นใด ๆก็อ่านรู้เรื่องดี และเห็นว่าเป็นเสน่ห์ของงานวิจัยชิ้นนี้ที่ใช้ภาษาของผู้ให้ข้อมูล ว่าแล้วก็บอกให้ นศ. แก้ เอาใจประธานตรง น้ำปู๋ กลายเป็น น้ำปู (แปลก ๆ) ที่อื่น ๆไม่แก้ ก็เห็นเซ็นต์จบให้แล้ว แถมชวนนักศึกษาเขียนงานลงพิมพ์วารสารที่ท่านเป็นบรรณาธิการอีกด้วย (ดิฉันเป็นประธานกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา)

ขอบคุณอาจารย์ GD มากนะครับที่ให้เกียรติตามอ่านอนุทินและบันทึกของผมมาก  อนุทินที่ผมเขียนนี้เป็นเรื่องจริงนะครับเขียนจากความทรงจำในขณะที่ได้สนทนากับใครคนใดคนหนึ่ง หรืออารมณ์ในขณะนั้นที่เราจำได้ อาจมีเสริมการเขียนทางด้านภาษานิดหน่อย เพราะบางทีการจะหาคำมาเขียนแทนสำเนียงการพูดนั้นยากมาก แต่หากผู้อ่านเป็น "คนเมือง" หรืออยู่กับคนเมืองมานานอาจจะได้อรรถรสของภาษาจนทำให้จินตนาการเห็นภาพได้ชัดเจน  อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณมากนะครับ โอกาสหน้าผมจะขอเป็นลูกศิษย์เรียนวิทยานิพนธ์ด้วยนะครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๔/๐๘/๒๕๕๖

 

อนุทิน ๑๒.

 

“คุยเรื่องการเมือง”

       เมื่อวานนี้ (๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖)มีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ “ลุงจ่าง” นำรถเครื่องมาซ่อมที่บ้านพี่เขย นั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพี่เขย ผมเอาของไปให้แม่กลับออกจากบ้านมาเขากวักมือเรียก แล้วก็ถามว่า “ได้ข่าวว่า หนานจะลงอบต.อี้ แต๊กะว่าเล่นจ๊ะใดหนะ” ผมก็ตอบไปว่า “ไปเอาข่าวมาจากตังใด” เขาพูดว่า “กะหันตังใต้เขาอู้กั๋นว่าหนานกะลงคนหนึ่งอิ๊หนะ” ผมก็ว่า “เขาปล่อยข่าวก้า เผื่อกู่แข่งหลายคนตี่จะลงเขาจะได้อ่อนใจ๋แล้วกะถอนตัวไปจ๊ะใด” เขาถามต่อ “แล้วหนานจะลงแต๊ก่อ” ผมก็ตอบว่า “ผมบ่อลงดอก ยังบ่อมีความพร้อมเตื่อ ก๋ารงานกะยังบ่อมั่นคง ก๋ารเงินก็ยังบ่อมีหลายเตื่อ หันว่ามีคนลงหลายตั้งหกเจ็ดคนแล้วเหลาะคอยลุ้นเขาดีกว่า แล้วอาวดุจะลงแต้ก่อ?” ถามต่อท้าย เขาไม่พูดแต่พยักหน้า ผมก็บอกต่อว่า “ลุยหาเสียงไปเลย บ่อต้องสนใจกำอู้ไผละ บ่อต้องกลั๋ว มั่นใจ๋ได้เลยว่า ผมบ่อลงดอก”
       พี่เขยซ่อมรถอยู่ออกความเห็นว่า “ช่วงนี่คันแม่นไผเฮ็ดถนนสายวัดใหม่ได้คือสิได้เป็นอบต.เนาะ” เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูดถึงถนนผ่านหน้าบ้านผมไปสายวัดใหม่ที่เป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนกับผิวมะกรูดมะนาวว่า “ถนนนี่กะเหมือนกั๋นเหนาะ เฮาเกยถามเขาแล้วว่าไผฮับผิดชอบ เขาบอกว่าเป็นหน้าที่ของ รพช.บ่อแม่นหน้าที่ของ อบต.” ผมก็ขัดว่า “ในหมู่บ้านไผว่าเป็นของรพช.ล้ะ(กรมทางหลวงชนบท) เป็นของอบต.นั่นละ นอกหมู่บ้านไปแล้วกะบ่อว่ากั๋น” เขาก็ยังยืนยันอยู่อย่างนั้น ผมก็ออกความคิดเห็นว่า “ถึงแม๊ว่ามันจะบ่อใจ่หน้าที่ของอบต.กะต๋ามแต่ แต่เขาก็ต้องมีความฮับผิดชอบ ต้องซ่อมต้องบำรุง หรือจะเดินเรื่องหาคนหาหน่วยงานตี่เขามีหน้าที่หื้อมาจัดก๋าร บ่อใจ่ปล่อยหื้อมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่แบบนี่ ผ่อบ้านน้ำฮอกเขาดู้ เขายังฮยะได้เลย” รู้สึกว่าการพูดคุยชักจะไม่ค่อยลงกันแล้ว ผมก็เลยขอตัวกลับมาเฝ้าร้านดีกว่า อยู่และคุยไปนาน ๆ อารมณ์โกรธมันเกิด...
      แบบนี้แหละที่แม่มักจะพูดว่า “กิ๋นเข้าอย่าไปอู้เรื่องก๋ารเมืองหมู่สู” ... แว่วมาว่า ส.อบต.หมู่บ้านผม หมดวาระวันที่ ๕ กันยายน รับสมัครนายกและส.อบต. วันที่ ๙ กันยายน และจะเลือกตั้งวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่จะถึงนี้ งานนี้ชาวบ้านมีสิทธิ์ลุ้นแบ๊งค์ห้าร้อยกันอีกแล้ว

...



ความเห็น (2)

บางแห่งพันห้า หมดวาระเลิกกิจการแล้วจะมีกำไรเท่าใด เศร้าใจที่กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วนะคะ

นั่นสินะ ขอบคุณคุณวิเชียรมาศครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๓/๐๘/๒๕๕๖


อนุทิน  ๑๑.

 

“อารมณ์สนุกกับคนขวานบิ่น”


       ตอนสายของวันนี้หลังจากกินข้าวกับแกงป่าหมูป่าฝีมือแม่ยายแล้วก็ให้รู้สึกคาวปากอยากกินของหวานอะไรสักหน่อย เดินไปหาขนมที่ร้านของน้าก็ไม่มีขนมอะไรที่ดูว่ามันน่าอร่อยบ้างเลย จึงรี่ไปที่ตู้เย็นเปิดดูเห็นมีสปอนเซอร์แบบขวดอยู่จึงหยิบมาดื่มแบบไม่ต้องใช้หลอด
       พอดีมีลุงนวย(อายุ ๖๖ ปี ซึ่งภรรยาของแกตายแล้ว)อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านน้า มาเที่ยวที่บ้านพี่เขยเดินข้ามถนนมา ผมจึงร้องแซวออกไปว่า “วันนี้ไปแอ่วหากิ๊กตี่ไหนเหลาะ กะว่าบะเด่วมีโทรศัพท์แล้วเขาบ่อแอ่วหากั๋นเล่าก้า” ลุงนวยเข้ามาหาซื้อไฟแช็คจุดบุหรี่เสร็จแล้วก็กล่าวว่า “บะเด่วหนาหนาน ต้องฮ้องเพลงคนขวานบิ่นละลุงงะ” แล้วลุงนวยก็ร้องเพลงเล่นว่า “มาเจอไม้งามเมื่อยามขวานบิ่น ศรรักเหมือนปักลงหิน ขวานมันบิ่นหมดสิ้นความคม” แล้วก็หยุดพูดว่า “อันนี้บ่อเต่าใด ไอ้ต๋อนตี่ฮ้องว่า ...ความสวยเนื้อทอง คนจองถึงที่ รอดอกไม้จากเศรษฐี ส่วนตัวพี่รอดอกไม้จัน...นี่ก่า แหมเน้าะหนาน ทำใจ๋บ่อไขได้หยะ” ทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ อะอะอะ
       ช่วงนี้อาหนิดเดินเข้ามาสมทบอีกคนก็พูดว่า “น้านนนักร้องเก่า ตะก่อนหันขึ้นเวทีฮ้องงานอะหยังเกาะ สองคนกับไผหนะ” ลุงนวยก็บอกว่า “จ่างมันเต๊อะ จะไปอู้ถึงมันแถม อายเขา” แล้วก็คุยหยอกล้อเล่นหัวกันเป็นที่สนุกสนาน
      ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเข้าไปหาฟังเพลงนี้จากยูทูบแต่ก็ต้องผิดหวังนิดหน่อย เพราะเพลงนี้หาฟังยากและมีเพลงที่ทำดนตรีใหม่มาแทนอยู่หนึ่งเพลง ดังนี้

(ขอบคุณคุณ preecha charนen ที่นำมาขึ้นมากครับ)

ฟังแล้วก็หันมามองตัวเองว่า หรือว่าเราเองก็ขวานบิ่นเหมือนกันวะนี่...



ความเห็น (2)

อ่านภาษาเมืองพี่หนานม่วน ;)…

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๒/๐๘/๒๕๕๖

อนุทิน ๑๐.

วันนี้ฝนตกตลอดทั้งวัน พึ่งจะมาหยุดเมื่อตอนเย็นนี้เอง คิดว่าวันนี้คงจะขายอะไรไม่ได้เสียแล้ว พอฝนหยุดเท่านั้นแหละงานเข้าตรึมเลย สิ่งที่เราคิดไว้กับความเป็นจริง มักจะสวนทางกันเสมอ และมักจะได้อย่างเสียอย่าง อยู่ตลอดไปด้วย

ยามว่างได้เข้าไปในเฟสซึ่งนานแล้วไม่ได้เข้าไป เห็นเพื่อน ๆ ออนแช็ทกันมากมายแต่ก็ไม่ได้คุยกับใครเป็นพิเศษ สนใจแต่พระอาจารย์รักษาการ ผอ.วส.เชียงรายเท่านั้น ที่อยู่สาวัตถีประเทศอินเดีย รู้สึกอิจฉาท่านจังเลย

นอกจากนี้ก็พบข้อความดี ๆ ที่เพื่อน ๆ โพสกันไว้เห็นว่าเข้าท่าดีจึงอยากเอามากอดเก็บเป็นของส่วนตัวสักหน่อย

...ปิดร้านกลับบ้าน(ภรรยา)ก่อน...



ความเห็น (3)

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านและให้กำลังใจ ขอบคุณที่คอมเม้นท์ด้วยครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๒/๐๘/๒๕๕๖

อนุทิน ๙.

"ฝนตกบ่อย ๆ ชาวนาไถนาบ่อย ๆ"

       ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่ามีฝนตกน้ำท่วมในหลายจังหวัด แต่หมู่บ้านของผมกลับมีแต่ความแห้งแล้ง มีอากาศครึ้มหรือฟ้าหลัว มีเค้าว่าฝนจะตกมืดมาอย่างหนักแต่พอมาถึงหมู่บ้านอีกไม่เท่าไหร่ ฝนก็เปลี่ยนเส้นทางไป เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยมา จนผู้ที่ทำนาพากันหวั่นไหวกลัวภัยแล้งต้องแจ้นไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับทางอำเภอกันเอาไว้เป็นจำนวนมาก
       เมื่อตอนหนึ่งทุ่มของคืนวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ แทนที่จะได้เห็นพระจันทร์เต็มดวง ฝนกลับตกลงมาหนักบ้างเบาบ้างเป็นระยะ ๆ ผ่านมาจนถึงเช้าวันใหม่ขณะนี้ประมาณแปดโมงครึ่ง ก็ยังไม่หยุดตกตั้งแต่เมื่อคืนมาน่าจะได้หลายห่าแล้ว ทำให้คิดถึงเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านในหนังสือพุทธวิธีการสอนของพระธรรมปิฎก ซึ่งเขียนไว้นานมาแล้ว
      เรื่องของชายคนหนึ่งที่ใส่บาตรพระพุทธเจ้าในตอนเช้า ๆ ซึ่งเขาใส่ได้ ๓ วัน พอวันที่สี่พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปรับบาตรอีก ชายคนดังกล่าวก็พูดในลักษณะว่า “พระสมณโคดมองค์นี้ท่าจะติดใจหละสิถึงได้มาขอข้าวบ่อย ๆ” พระพุทธองค์พอได้ยินก็ตรัสตอบชายคนนั้น ในลักษณะของการเล่นคำ(ซึ่งผมเองก็อาจจะจำสับสนไปบ้าง)ว่า

“กสิกรก็ต้องหว่านพืชบ่อย ๆ
ฝนก็ต้องตกบ่อย ๆ
ชาวนาก็ต้องไถนาบ่อย ๆ
คนขอก็ต้องขอบ่อย ๆ
ผู้ให้ก็ต้องให้บ่อย ๆ
โคนมก็ต้องให้นมบ่อย ๆ
คนรีดนมก็ต้องรีดบ่อย ๆ
คนเกิดถ้าเกิดกันบ่อย ๆ
ก็ต้องตายกันบ่อย ๆ
คนฉลาด(ถ้า)ไม่อยากเกิดบ่อย
ก็ต้องหาวิธีที่จะไม่ให้เกิดบ่อย ๆ...”

      ช่วงนี้เป็นฤดฝนฝนก็คงจะตกบ่อย ๆ แต่เราผู้ให้ควรจะให้บ่อย ๆ ไม่ควรจะท้อถอย แม้ว่าพระท่านอาจจะไม่สามารถออกรับบิณฑบาตได้ทุกวันเนื่องจากฝนตกหนัก   ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่เป็นครูอาจารย์เป็นผู้ให้หลายท่านคงขาดไม่ได้ที่จะต้องไป “ให้ความรู้” แก่ “ลูกศิษย์” ถึงแม้ว่าฝนจะตกหนักอย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังใจ...ไม่ท้อแท้ และท้อถอยครับ

 



ความเห็น (2)

คนเป็นครูก็ต้องให้ความรู้บ่อยๆ อยู่แล้วค่ะ มีคนสนใจค่าวที่”พี่หนาน” แต่งให้ครูดาหลา มาอ่านค่าวกันเป๋นดีม่วน เปิ้นอยากไค่ฮู้จักกับ พี่หนาน จึงฝากชื่อมาติดต่อแลกเปลี่ยนค่าวกันทางFB เปิ้นจื้อ flower panphan เจ้า

ขอบคุณ คุณKRUDALA มากครับที่ให้เกียรติและชื่นชอบ “ค่าว” ผมไม่ชอบเล่นเฟสบุ๊คครับชอบโกทูโนว์มากกว่า เฟสบุ๊คทำให้รู้สึกว่ามันอึดอัดอย่างไรบอกไม่ถูก

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๑/๐๘/๒๕๕๖


อนุทิน ๘.

 

         เมื่อตอนกลางคืนของวันที่ ๒๐ พี่เขยของผมรวมกับเพื่อน ๆ ของเขา ๔ คน ได้พากันนำหมูป่าที่ยิงได้มาทำการ “ครัว”  (ชำแหละ) ที่บ้านผู้นำท่านหนึ่ง ซึ่งก็ได้เนื้อหมูคนละ ๗ กิโลกรัม ตอนเช้าได้จัดการแบ่งปันเนื้อหมูและกระดูกเป็นส่วน ๆ รวมทั้งหมดก็ ๙ ส่วน (ตามที่แม่นับให้ฟัง) มิได้นำไปขายเอาตังค์แม้แต่บาทเดียว  แต่ได้นำไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านที่คุ้นเคยกัน ซึ่งผมก็เข้าไปพูดคุยอย่างสนุกสนานกับพี่เขยที่บ้านของเขา(ติดกับร้าน) ว่า “หมูปี่วีนี่ได้กินเมินเหนาะ” ซึ่งพี่วีเขาก็รับว่า “แม่นหละหำ ได้กิ๋นโดน ๆ ตั๊ว มื่อหน้าเขาได้เขากะสิแบ่งให้เฮาคือกั๋นหละ” (คนอุบล)
        ทำให้นึกถึงเรื่องที่เคยมีการถามปัญหากันมาก่อนว่า “มีปลาอยู่หนึ่งตัวทำอย่างไรถึงจะกินได้นาน ๆ ?“ รู้สึกว่าจะใช้ถามสาว ๆ ที่จะมาเป็นสะใภ้บ้านใดบ้านหนึ่งนี่แหละจำไม่ค่อยได้ เพราะว่าเคยฟังหรือเคยอ่านนานมาแล้ว คำตอบก็คงจะมีลักษณะใกล้ ๆ กันอย่างนี้แหละมั๊ง ถ้าเป็นวันนี้ก็ต้องถามว่า “มีหมูป่าหนึ่งตัวทำอย่างไรถึงจะกินได้นาน ๆ ?” สินะ...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๑/๐๘/๒๕๕๖


อนุทิน ๗.

 

เช้าวันใหม่สดใสในวันพระ
จิตที่จะไปร้านให้คร้านถอย
ยังจดจำถ้อยคำครูพระดอย
สอนให้คอยกำหนดเป็นบทเรียน

กายแข็งแรงนั้นต้องคล่องเคลื่อนไหว
จิตของใครอยากแข็งแกร่งไม่เปลี่ยน
ต้องฝึกใจให้นิ่งยิ่งพากเพียร
อย่าได้เวียนวนคิดพิชิตใคร


เช้าตื่นมากำหนดบทเมตตา
ภาวนาดูกายหายใจไหว
ทั้งฟุ้งซ่านวกวกปนยุ่งใจ
นั่นเสียงใครปึงปังดังในครัว

ตื่นขึ้นมาแล้วต้องให้คล่องแคล่ว
เสร็จกิจแล้วมุ่งหน้าเมื่อฟ้าหลัว
สู่ที่ออกกำลังตายังมัว
กายของตัวต้องให้แกร่งแข็งแรงดี...

 

       เคยถามแม่(ทองสุก)ว่าพรุ่งนี้วันพระไปวัดหรือเปล่าแม่ แม่บอกว่าไม่ไป ไปทำไม พระที่บ้านก็มีเยอะแยะ ศีลก็อธิษฐานรับเอาคนเดียว บนห้องนอนของแม่มีพระพุทธรูปตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่หลายองค์ ในวันพระท่านจะหาข้าวน้ำไปถวายของท่านทุกครั้ง วันธรรมดาก็สวดมนต์ตอนเย็นก่อนทุกครั้งที่จะมานอนเฝ้าที่ร้าน แม่สวดมนต์ได้หลายบท พร้อมกันนี้ก็กล่าวคำถวายต่าง ๆ ได้จนคล่อง

       เหตุที่แม่ไม่ไปวัดส่วนหนึ่งท่านไม่ชอบพระที่วัดที่ปฏิบัติตัวหรือวางตัวไม่เหมาะสม ได้แต่สอนคนอื่นแต่ไม่สอนตัวเอง เคยพูดให้ฟังบ่อย ๆ ผมเองก็รู้ดีว่าท่านคิดอะไรได้แต่เงียบ ๆ ไปเสียทุกครั้งเมื่อท่านกล่าวถึงใคร ๆ 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๐/๐๘/๒๕๕๖


อนุทิน ๖.


เช้าตื่นขึ้นล้างหน้าหาห่อข้าว
เร่งรีบอ้าวลงเรือนกายเคลื่อนไหว
จับรถเครื่องเร่งก่อนตะลอนไกล
มุ่งหน้าไปสู่บ้านร้านของเรา
เห็นพระสงฆ์อุ้มบาตรขาดลูกศิษย์
ให้เพ่งพิศคิดไปใจอับเฉา
ครั้งก่อนนั้นฉันเป็นใช่เข็นเอา
อาสาเข้าวัดกันสนั่น “โฮง”
ค้อมศีรษะรับย่าม “พระคุณท่าน”
ด้วยมุ่งมั่นจากใจนำไปส่ง
ถึงศาลาประเคนท่านนั่นอีกองค์
หมอบกราบลงแล้วจรถอนตัวมา
จับรถเครื่องอีกครั้งมายังบ้าน
จิตยังพล่านคิดเห็นเป็น “กังขา”
มาบัดนี้เด็กไทยไปไหนนา
ทิ้งวัดวาพระท่านไม่หันมอง...



ความเห็น (2)

อ๋อ…เด็กไทยไปเข้าสังคมใหม่ สังคมใหญ่…ปลีกวิเวกเสกคาถา นั่งรวมกลุ่ม..แต่ไม่เห็นเจรจา เป็น “ สังคมก้มหน้า “ สมาธิแรง

ขอบคุณคุณครูมะเดื่อ ที่ทำให้ได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกแล้ว...อิอิอิ...

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๒๐/๐๘/๕๖

อนุทิน ๕.

“เงินผู้สูงอายุ”

    เช้านี้ผู้สูงอายุหญิงหลายคนเดินผ่านหน้าบ้าน มีท่านหนึ่งตะโกนถามผมว่า “ข้าวเจ้ากับหยังหนาน” ผมตอบ “ยังบ่อได้กิ๋นเตื่อเลย บ่อหู้แม่เฒ่ายะหยังกิ๋น เปิ้ลห่ออะหยังมาหื้อกะบ่อหู้” ผมถามกลับ “ไปตังใดกั๋นเป้นเส้นเป็นสายเนี่ย?” ท่านตอบ “ไปเอาตังค์” แล้วก็เดินผ่านเลยไป ผมก็มาบ่นต่อกับ “ลุงทราม” ลูกค้าที่มาเติมเงินโทรศัพท์ซึ่งอยู่ในร้านว่า “แหม่...วันนี้เงินเดือนผู้สูงอายุออกเหนาะ ๖๐ ปี๋ เขามีเงินเดือนกิ๋นกั๋นทุกคนหนาเนี่ย” ลุงทรามว่า “ไอ้เฮานี่ก่ะ บ่อหู้จะได้กิ๋นจ๊ะเขาก่อ ทุกวันนี่ชีวิตเฮามีแต่ความเสี่ยง ตึงเตียวตางละกะของกิ๋น” ผมรับและเห็นด้วย “อาหารก๋านกิ๋นของเฮาตึงวันนี้มีแต่สารพิษ แม้นแต่เข้า(ข้าว)กิ๋นกะยังมีสารพิษ” ผมรับ “อู้แหมกะถูกแหมละเหนาะ โรคภัยมันกะมากับอาหารนี่ละ” และก็คุยกันเรื่องการเติมเงินโทรศัพท์และอื่น ๆ อีกพักใหญ่ก็ขอตัวกลับ(มารยาทดีมาก)

 

     พอเขากลับไปแล้วผมต้องกลับมานึกทบทวนคำของแม่ที่ได้มีโอกาสพูดคุยกันเมื่อวานนี้ แม่บอกว่าผู้สูงอายุในปัจจุบัน ถ้าอายุ ๖๐ ปีก็จะได้รับเงินจากรัฐ ๖๐๐ บาท  ถ้าอายุ ๗๐ ปีก็จะได้รับ ๗๐๐ บาท ถ้าอายุ ๘๐ ปีก็จะได้รับ ๘๐๐ บาทถ้าอายุ ๙๐ ปีขึ้นไป จะได้รับ ๑,๐๐๐บาท จริงเท็จอย่างไรไม่แน่ใจ และท่านก็บอกต่อว่า ส.ส.อุตรดิตถ์ท่านหนึ่งกำลังพยายามขอปรับเงินของผู้สูงอายุและเงินผู้พิการให้ได้รับมากขึ้นกว่านี้  รู้สึกว่ารัฐบาลสมัยนี้ “ร่ำรวย” กันจริงเลย หาเงิน(แบบไม่กู้)ไม่เก่ง แต่ใช้เงินกันเก่งจริงเลย ผมเป็นพ่อค้ารู้สึกเสียดายเงินที่ได้จากการเก็บภาษีจากประชาชนมากเหลือเกิน(กว่าจะได้ถึงล้าน) ทำไมไม่รู้จักประหยัด พอเพียง รักษาความอดอยากกันไว้บ้างนะ...เฮ้อ...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๙/๐๘/๒๕๕๖

อนุทิน ๔.

“ความผูกพัน”

     วันนี้บ่ายสองโมงหลวงพี่...ที่บ้านแม่สะต๊อบ ต.ปางอุ๋ง อ.แม่แจ่ม เชียงใหม่ โทรมาหา ไม่ได้พูดคุยเรื่องธุระอันใด ท่านถามสารทุกข์สุกดิบชวยคุยหลายเรื่องราว ตัวเองก็พูดคุยสนุกสนานจนลืมสถานะไปเลย ทำให้นึกถึงตอนที่ได้นำพระพุทธรูปปางนั่งประทานพร(ดีดน้ำมนต์)องค์ใหญ่หน้าตักกว้างประมาณหนึ่งวา จากอ.บึงสามพันเพชรบูรณ์ไปถวายที่วัดท่านหรือที่หมู่บ้านแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน ท่านบอกว่าอาศรมที่เคยไปพักตอนนั้นบัดนี้ได้ย้ายขึ้นไปอยู่เหนือหมู่บ้านด้านบนแล้ว อยู่ใกล้กับน้ำตกซึ่งกลางคืนสงบร่มเย็น(เยือกเย็นนน)มาก ถ้าท่านจิตไม่แข็งจริงคงอยู่รูปเดียวไม่ได้ แต่ท่านอยู่ได้ เก่งนะ  อาศรมเดิมได้ยกให้เป็นศาลาประชาคมของหมู่บ้านไปแล้ว

 

     ท่านเป็นพระที่น่านับถือมากรูปหนึ่งบ้านเกิดอยู่ทางภาคอีสานแต่มาอยู่กับชาวเขาปะกาเกอะญอ(กะเหรี่ยง)จนพูดภาษาของชาวบ้านได้อย่างแตกฉาน ขณะที่ท่านโทรมานั่งพักหลบฝนอยู่ที่ปางอุ๋งรอฝนหยุดก่อนเดินทางเข้าหมู่บ้าน ส่วนที่บ้านของตนเองกลับไม่มีฝนตกเลยแถมแดดยังร้อนมากอีกต่างหาก โลกนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เปลี่ยนคือ “ความผูกพันของมิตรภาพ” ที่เคยร่วมงานกันมาก่อนแม้ว่าเวลาจะเนิ่นนานมาแล้วและตนเองก็เปลี่ยนสถานภาพไปแล้วผมและท่านก็ยังไม่เปลี่ยนไป

ต่าบลึ๊ ๆ โอะมึโชเปอ = ขอบคุณและสวัสดี 



ความเห็น (4)

เรื่องดี ๆ ครับพี่หนาน ;)…

หาโอกาสไปปางอุ่งมานานแล้วค่ะ เห็นอนุทินแล้วนึกถึงบรรยากาศจากรูปที่เคยดูและกำลังพยายามจะไปค่ะปางอุ่ง

หวังว่าคงได้ไปเที่ยวสมใจนะครับ คุณ t write จะให้ดีต้องไปช่วงพฤศจิกา-ธันวาครับเลยไปทุ่งบัวตองด้วย

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๘/๐๘/๒๕๕๖

อนุทิน ๓.

 

"ดูนก ดูตัว"

เสียงกางเขนร้องสั่งดังข้างบ้าน

“แจดแจด”ซ่านผ่านไปมาคราสลัว

คงมองหาคู่นอนก่อนมืดมัว

นั่น!สองตัวเจอคู่แล้วแจ๋วจริงจริง

 

ตอนนี้เรายังไม่ได้กลับบ้าน

รอปิดร้านอีกหน่อยปล่อยทุกสิ่ง

ทำอารมณ์สดใสให้ตังนิง

ทั้งที่จริงหิวข้าวอ้าว!ตาลาย...

 

          คนเราบางครั้งก็ต้องทนหวานอมขมกลืน  ฝืนยิ้มทั้งที่ความเป็นไปภายในนั้น สุดแสนจะอัดอั้นตันทรวง  โบราณาจารย์ท่านสอนไว้ว่า  “ถ้าใครรู้จักอดทนอดกลั้นต่อความหิวได้มาก ก็จะอดทนอดกลั้นต่อความโกรธได้มากเช่นกัน” ดูท่ามันจะจริงเหมือนกันนะ  เพราะไม่อย่างนั้นจะมีคนเขาพูดกันบ่อย ๆ ว่า “โมโหหิว” สามารถฆ่าคนตายได้หรือ...

 

 



ความเห็น (1)

ขอบคุณทุกกำลังแรงใจที่ให้มามากครับ

ต่าบลึ๊ ๆ ภาษากะเหรี่ยงแปลว่า ขอบคุณ ขอบคุณครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๗/๐๘/๒๕๕๖

อนุทิน ๒.

ตอนเช้าคุณแม่ยายตื่นมาบอกว่า "วันนี่ฮู้สึกเมาหัวจั๋งเลย  หน้อย(ริน)ปาแม่ไปหาหมอผ่องหลู่ สองวันมาแล้ว บ่อฮู้เป๋นหยังหวะ สงสัยจะไขมันนักเหียละก้า"  ผมบอกแม่ยายให้ไปหาหมอ รพ.สต.ตรวจ เห็นว่าเป็นวันหยุด เลยต้องไปหา "หมออุ๊" ที่บ้านแสนขัน(ห่างจากหมู่บ้านไปอีก ๗ กิโลเมตร) โดยคุณภรรยารับอาสาพาไป

ขนาดไม่ค่อยสบายคุณแม่ยายยังอุตส่าห์ห่อข้าวให้ วันนี้แม่ห่อนึ่งปลานิล กับ ฟักทองหนุ่มนึ่ง(หม่าน้ำแก้วหน้อยนึ่ง) ถั่วฝักยาวนึ่ง และหน่อไม้ต้ม พร้อมด้วยน้ำพริกน้ำปลาสำหรับปลานึ่งจิ้มอีก  ๑ ถุง ทำให้คิดถึงคำของหมอที่มาแนะนำชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินไว้ว่า  "กิ๋นปล๋าเป็นหลัก กิ๋นผักเป็นยา" ขึ้นมาทันทีทันใด 



ความเห็น (2)

คุณแม่ยายแสนดีจังเลยจ้ะ น่ารัก น่ารัก

ต่าบลึ๊ ขอบคุณทุกกำลังแรงใจมากครับ

 

ขอบคุณคุณครูมะเดื่อแทนคุณแม่ยายด้วยครับ

"พี่หนาน"
เขียนเมื่อ

๑๖/๐๘/๒๕๕๖

 

อนุทิน ๑.

 

วันนี้แอบเข้าไปอ่านอนุทินของอาจารย์ wasawat มีแรงบันดาลใจขึ้นมาจึงอยากเขียนบ้าง (น่าจะไม่ได้ทุกวันเหมือนท่านหรอกนะ)

 

ตอนบ่ายนี้ที่ฉันทำงานอยู่

จิตมันฟูร้อนรุ่มไฟสุมฉัน

ให้รู้สึกปฏิฆะมานะพลัน

ตามไม่ทันจิตตนสักหนเดียว

มีคนมาให้ฉันทำนั่นก่อน

อีกคนจรเร็วรี่ขมีขมัน

ไวหน่อยนะเดี๋ยวจะส่งไม่ทัน

“หวย” ทั้งนั้นส่งไปให้เจ้ามือ

ไม่รู้ว่ามีใครรวยจากใต้ดินบ้างหรือเปล่า?

แต่ที่แน่ ๆ ไม่ได้แอ้มเราหรอก อิอิอิ...

 



ความเห็น (3)

ขอบคุณอาจารย์พิชชา(นางฟ้า)มาก ที่เข้ามาให้กำลังใจเป็นท่านแรกเลย

เป็นอนุทินแรกของผมเหมือนกันครับ

ว้่าว ยินดีครับพี่หนาน ;)…

ขอบคุณทุกกำลังแรงใจมากครับ ต่าบลึ๊ ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท