ไม่แน่ใจว่า ซ้ำซ้อนกับท่านอื่นไหมคะ ?
จำไม่ได้ ช่วยกรุณาคลิกดูนะคะ ถ้าซ้ำกับท่านที่เลิกไว้ก่อน ก็ไม่ได้ค่ะ
ปัญหาการเสียสัญชาติอเมริกันหรือไม่ ? ย่อมเป็นไปตามกฎหมายอเมริกันค่ะ ต้องค้นดูค่ะ ตอบทันที่ไม่ได้ค่ะ แต่เดาว่า การมาเมื่องไทย ไม่น่าทำให้เสียสัญชาติอเมริกันนะคะ แต่การใช้สัญชาติอเมริกันในประเทศไทย อาจเสียสัญชาติไทยนะคะ
คุณที่รัก อ.แหววน่ะ สอนกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลนะคะ "คดีบุคคล" ก็หมายถึง "กรณีศึกษา" นะคะ ไปสอน ๒ ครั้ง ก็เล่าถึงกรณีศึกษาไปเพียบ ว่าแต่นักศึกษาจดได้ครบไหม ?
ลองศึกษาหลักกฎหมายและกรณีศึกษาแบบพื้นๆ ก่อน ลองคลิกแล้วเรียนรู้ดูก่อน
http://www.archanwell.org/office/download.php?id=136&file=121.pps&fol=2
สิ่งที่อาจารย์คุยกับพวกคุณในห้องเรียน ก็แค่เป็นการชวนคุณคิดและตัดสินใจว่า เราจะเรียนกันแบบขอไปที หรือเราจะเรียนกันแบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย
ถ้าจะเอาแค่แบบสอนกันไป บอกจดกันไป อาจารย์ก็คงบอกลา MUT เสียที แต่ถ้าเราเอา "อนาคตความรู้ของประเทศไทย" มาไว้บนบ่า เราก็น่าจะทำงานร่วมกันต่อไปได้
สิ่งหนึ่งที่เราทราบกันหมดแล้วว่า ประเทศไทยยังไม่อุดมปัญญา และเราคงลำบากมาก และอาจตกเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจของทุนต่างด้าว ซึ่งการเสียกรุงครั้งนี้ คงหนักเอาการ
การเรียนรู้ธุรกิจเพื่อเราเองร่ำรวยนั้นคงไม่อาจปฏิเสธ แต่อยากเติมว่า เราควรร่ำรวยทั้งเงิน..ปัญญา และคุณธรรม
และถ้าประเทศไทยเป็นประเทศที่รวยทั้งเงิน ปัญญาและคุณธรรม เราก็คงอยู่ในประเทศที่แสนสุข ใช่ไหมคะ
หรือคุณว่าไง
ขอบคุณค่ะ ดร.จันทวรรณ
อ.ตีความอีเมลล์อันนี้ อย่างไรคะ ?
ดิฉันตีความว่า น้องดอกไม้ทราบว่า ขอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาความไร้สัญชาติไทยของเธอได้โดยผ่านโกทูโนได้อย่างไรเนี่ย ? แปลว่า โกทูโน ได้ทำหน้าที่เป็น "ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย" แล้วไหมเนี่ย ??!!
ธนาคารเก็บความรู้ ก็ทำหน้าที่ให้กู้ยืม หรือให้เปล่าความรู้ได้นะคะ
เรื่องของน้องดอกไม้เป็นกรณีของ "คนไร้สัญชาติแบบเทียม" เคยเขียนไว้แล้วที่ "คนที่มีสัญชาติต่างประเทศแต่สัญชาตินี้ไม่ก่อสุขภาวะอันพึ่งมี จึงเป็นเสมือนคนไร้สัญชาติ" กล่าวคือ เป็นคนสัญชาติของรัฐต่างประเทศ แต่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย และขาดความผูกพันกับประเทศเจ้าของสัญชาติจนไม่อาจกลับไปยังประเมศนั้นได้ อยู่เมืองไทย ก็เป็นคนต่างด้าว ซึ่งทำให้ "ไม่มีที่ยืนทางกฎหมาย" จะกลับประเทศเจ้าของสัญชาติ "ก็ไม่มีที่ยืนทางข้อเท็จจริง" คนอย่างน้องดอกไม้นี้นะคะ จึงมีสถานะเป็น "เสมือนคนไร้สัญชาติ"
การแก้ไขปัญหา โดยหลักการ ทำได้ ๓ ทาง กล่าวคือ (๑) ให้น้องไปร้องขอความช่วยเหลือจากสถานทูตลาว ซึ่งหากรัฐลาวมีแนวคิดแบบรัฐบาลอเมริกันหรือแม้ไทยในปัจจุบัน ก็จะมีกงสุลลาวดูแลให้ความช่วยเหลือคนสัญชาติของตนในต่างประเทศ (๒) เราต้องช่วยคุณจาตุรนและอาจารย์ ดร.สายสุรีย์ ที่จะรับรองสิทธิทางการศึกษาของเด็กโดยไม่ต้องคิดเรื่องสัญชาติ โดยเฉพาะกองทุนการศึกษาไม่จำกัดสิทธิเฉพาะแก่เด็กสัญชาติไทย และ (๓) เราแก้ปัญหาที่ปลายเหตุกัน โดยการพยายามทำให้น้องดอกไม้มีสัญชาติไทย ซึ่งก็อาจทำไม่ได้ เพราะน้องดอกไม้ไม่มีเงือนไขที่จะแปลงสัญชาติเพราะไม่ได้เกิดในไทย ประการหลังนี้ คงต้องมีข้อเท็จจริงมากขึ้น
และที่ต้องสงสัยก็คือ น้องดอกไม้อาจจะเป็นแค่ "คนเชื้อชาติลาว" มิใช่ "คนสัญชาติลาว" ดังที่เคยเขียนไว้ใน "ลาวอพยพ ซึ่งอาจไม่ใช่ลาวอพยพ "
สรุปเรื่องนี้ เดียวส่ง "อาจารย์บงกช นภาอัมพร" ซึ่งเป็น "ครูใหญ่" ของโรงเรียนสำหรับคนไร้รัฐคนไร้สัญชาติพิจารณาดูค่ะว่า เป็นกรณีใดกันแน่ ?
แล้วเดียว "อ.เตือน" ก็มาเล่าให้เราทราบใน
ขอโทษด้วยที่ตอบช้า งานก็ยุ่งตามปกติ จึงไม่ใช่สาเหตุที่ตอบช้า ที่ตอบช้า ก็เพราะกำลังตรึกตรองว่า ควรจะตอบคุณอย่างไรดี
อ.คิดว่า การเขียนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้ทำความเข้าใจกันก่อนนั้น ก็ทำได้ แล้วค่อยมาปรับกันในภายหลังให้ตรงกัน ก็คงทำได้
แต่ทางที่น่าจะปลอดภัยนั้น ก็คือ การได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความเข้าใจระหว่างกัน แล้วค่อยไปเขียน แต่วิธีนี้ ก็จะยากหากไม่มีเวลามากกันทั้งสองฝ่าย
ในวิธีวิจัยปัจจุบัน จึงเสนอให้มี งานเขียนสั้นๆ เพื่อส่งความเข้าใจให้กัน ดังที่เขาเขียนกันในโกทูโนนี้เอง การทยอยลงให้ อ.ได้อ่าน อ.ก็จะมีโอกาสแลกเปลี่ยน และเสนอให้แก้ไขและเพิ่มเติมได้ และคนอื่นๆ ก็จะมาช่วยแต่งเติมได้
ข้อเสนอแนะก็คือ ทำไมไม่ทะยอยเอาแนวคิดที่คิดในแต่ละประเด็นที่ว่ามา มาแลกเปลี่ยนกันดู เป็นทาบทามความคิดของกันและกัน
มีแนวคิดอยู่ ๓ ลักษณะที่น่าจะเอามาทบทวน
ในประการแรก เลือกที่เราชอบ เราจะรู้สึกอยากทำงาน
ในประการที่สอง เลือกในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเรา สิ่งที่เราชอบในวันนี้ พรุ่งนี้ อาจจะเบื่อ แต่สิ่งที่มีประโยชน์ เบื่อแล้ว ก็ยังกัดฟันทำต่อได้นะ
ในประการที่สาม เลือกทำในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคนอื่น แม้เราไม่ชอบ และแม้ไม่มีประโยชน์ต่อเรา แต่ถ้าเราทำ เราเองก็จะรู้สึกว่า ตัวเราก็มีคุณค่า
สองหัวข้อที่เสนอมา ทำได้ทั้งสองล่ะค่ะ จะเอาแนวคิดไหนตัดสินใจล่ะคะ
ยากหรือง่าย ก็ไม่เป็นไร สิ่งที่สำคัญสำหรับคุณ ก็คือ คุณได้เรียนรู้ สิ่งที่สำคัญสำหรับอาจารย์ ก็คือ คุณได้พยายามที่จะเรียนรู้ แค่พยายาม ก็สอบผ่านแล้วค่ะ
ไม่ขัดข้องค่ะ แต่ขอรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือนะคะ ในลักษณะที่เราค้นต่อไปกัน เช่น พิมพ์ปีไหน พิมพ์โดยใคร ใช้ในโอกาสไหน
ไม่ขัดข้องค่ะ แต่ขอทราบรายละเอียดของหนังสือสักนิด พิมพ์เมื่อไหร่ โดยใคร ในโอกาสไหน ประมาณนี้นะคะ