ดอกไม้


ครูมุก
เขียนเมื่อ

วันนี้เอางานออกจากตัวเอง 2 ชิ้น คือ

1.  สรุบแบบประเมินผลการอบรมเพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการศึกษาวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ในวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2556 ผลสรุปเป็นที่น่าพอใจ  ครูร้อยละ 89 ขอให้มีการจัดการอบรมอีก

ข้อเสนอแนะของเพื่อนครูก็คือ เวลาน้อยไป และขอเป็นวันเสาร์แทนวันอาทิตย์ในการจัดอบรม

2. รายงานการไปราชการ เรื่อง การเขียนเรื่องเล่าเร้าพลัง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในวันเสาร์ที่ 17  สิงหาคม  2556

"สะสางงาน ดีกว่าสะสมงาน"  จะได้ไม่เป็นดินพอกหางหมูไงคะ

8
1
สุนิษา ดิษฐาภรณ์
เขียนเมื่อ

สัปดาห์ที่ 14 ทางโรงเรียนได้มีการจัดสัปดาห์วิทยาศาสตร์ทั้งสัปดาหืโดยทางหมวดสาระวิทยาศาสตร์ได้มีการทำกิจกรรมการแสดง

ไซโชว์วิทยาศาสตร์ตอนเช้าหน้าเสาธง เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจให้นักเรียนเข้าเยี่ยมชมภายในงาน ในงานมีการทดลองต่างๆที่น่าสนใจมากมาย ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนสนในในด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น เพื่อนำวิทยาศาสตร์นั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันมีทั้งภาค วิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา นักเรียนให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการทำกิจกรรมครั้งนี้ และมีการเปิดสารคดี ภาพยนต์ เกียวกับทางด้านวิทยาศาสตร์ ห้องนั้นเป็นห้องที่นักเรียนสนใจมาก เพราะสารคดี และภาพยนต์แต่ละเรื่องสามารถทำฝห้นักเรียนได้รู้จักกับธรรมชาติวิทยาศาตร์มากขึ้น

2
0
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๔๗๙๕ |

"ผมลิขิต"

เราไม่เชื่อในพรหมลิขิตนะ เพราะถ้ามีพรหมลิขิตจริง ๆ ทุกคนน่าจะได้เจอคู่ของตัวเอง แต่ทำไมบางคนถึงเจอคู่ที่ทำให้เสียใจ บางคนไม่เจอคู่

แต่เราเชื่อใน ความมหัศจรรย์ของการเจอกัน เชื่อว่า จังหวะนั้นเป็นจังหวะที่วิเศษ และอาจไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีก หากเจอคนที่เราอยากรู้จัก เราต้องใช้ "การเจอกัน" ครั้งนั้นให้มีค่า "การเจอกัน" จะใช้ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่ได้ เพราะเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้ในชีวิต

บนโลกใบกว้าง เราได้เจอกับคนบางคนโดยบังเอิญนับเป็นความมหัศจรรย์ ไม่รู้จะเรียกมันว่า "พรหมลิขิต" ดีไหม แต่ที่แน่ ๆ เราเชื่อว่า เมื่อได้เจอกันแล้ว สิ่งต่อไปที่จะเกิดขึ้นนั้นอยู่ในอุ้งมือของเรา ว่าเราจะสานต่อการเจอกันไปเป็นความสัมพันธ์ที่ดีได้หรือไม่ ซึ่งน่าจะพอเรียกมันได้ว่า "ผมลิขิต"

จากบันทึกเก่า ... "นิ้วกลม" ไม่เชื่อเรื่อง "พรหมลิขิต" แต่เชื่อในเรื่อง "ความมหัศจรรย์ของการเจอกัน"

6
2
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๔๗๙๖ |

"นัยยะอยู่ที่เรามอง"

ทุกอย่างมีนัยยะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกมองในมุมไหนของนัยยะนั้น

หากเรามองโลกในแ่ง่ดี เราจะได้นัยยะที่ดีกลับไป

หากเรามองโลกในแง่ร้าย เราก็จะได้นัยยะที่ร้ายกลับไป

บ้านปลายดง ณ หางดอย, เชียงใหม่ (ยามสอง)
๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๖

6
3
Wasawat Deemarn
เขียนเมื่อ

| อนุทิน ... ๔๗๙๗ |

"..."

"... พระพุทธเจ้าจึงหาทางออกให้เรา ท่านว่าถ้าเราศึกษาบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว เห็นว่า การคบกับบุคคลนั้นเป็นการร้ายต่อตัว ท่านบอกให้หลีกเลี่ยงเขาสุดความสามารถ ท่านบอกว่าโลกนี้มันอาจจะเปล่าเปลี่ยว แต่ถ้าต้องเดินเหงาอยู่คนเดียวยังดีกว่าเดินกับคนร้าย แล้วท่านพูดต่อไปว่าเมื่อเราศึกษาบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว แล้วตัดสินใจว่าเขาเป็นคนดีต่อเรา รีบติดตามและอย่าให้เขาหลุดมือไป เพราะคนดีเช่นนี้หายาก ..."

นายแพทย์เดชา สุทธิกานต์

7
2
ปภังกร
เขียนเมื่อ

การบวชพระถือว่าเป็นบุญใหญ่เป็นอานิสงส์ใหญ่

การบวชพระการปฏิบัติธรรมนี่นะ ให้ทุกท่านทุกคนพากันเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ประเสริฐมาก เป็นการเดินตามรอยของพระพุทธเจ้าของพระอรหันต์

การที่จะมีผลใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่ พระพุทธเจ้าท่านให้เราทุก ๆ คนพากันตั้งอกตั้งใจ พากันประพฤติปฏิบัติธรรม ตั้งใจรักษาศีลให้ดีทุกข้อ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง

กิจวัตรประจำวันต่าง ๆ นั้นถือว่าเป็นบุญเป็นกุศล เช่นนั่งสมาธิร่วมรวมกันในศาลาหรือว่าในกุฏิที่พักต้องทำให้ได้ทุกวัน อย่าให้ขาดตกบกพร่องไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะคนเรามันชอบเข้าข้างตัวเอง ทำวัตรสวดมนต์ก็อย่าให้ขาด บิณฑบาตก็อย่าให้ขาด พยายามตั้งอกตั้งใจภาวนา ไม่ให้คลุกคลี ไม่ให้พูดคุยกับคนอื่นในหมู่คณะ เพราะคนเรามันอยู่กับความสงบไม่เป็นอยู่กับตัวเองไม่เป็น ที่อยู่ได้ก็อยู่ได้กับการงาน การพูดคุย เครื่องบันเทิงต่าง ๆ เช่นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ฯ

ตัวเราที่ผ่าน ๆ มาส่วนใหญ่ก็อยู่กับสิ่งเหล่านั้น... เมื่อเรามาประพฤติปฏิบัติธรรมมาบวช พระพุทธเจ้าท่านให้ตัดสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นให้หมด ทุกคนทุกท่านต้องตัดให้หมด ไม่มียกเว้นใคร ๆ ทั้งสิ้น การบวชการปฏิบัติของเราถึงจะมีผลใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าไม่อย่างนั้นการมาอยู่วัดของเรา การมาบวชของเราก็จะไม่ได้ผลแต่กลับมีบาปมีอกุศลติดตามเราไปด้วย


7
0
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท