คำถามแรกสำหรับนักศึกษาลงทะเบียนเรียนกระบวนวิชา 1213-734
สอบปลายภาคการศึกษาเพื่อวัดความรู้แบบไหนดี ในเวลา ๓ ชั่วโมง วันอาทิตย์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๙?
๑. ด้วยความรู้ของตนเอง ไม่อนุญาตให้นำเอกสารคำสอน หนังสือ สมุดบันทึก และ คอมพิวเตอร์ เข้าห้องสอบด้วย (Closed-book examination)
๒. ด้วยความรู้ของตนเอง และอนุญาตให้นำกระดาษบันทึกขนาด A4 เข้าห้องสอบด้วย (Open-note examination)
๓. ด้วยความรู้ของตนเอง และอนุญาตให้นำเอกสารคำสอน หนังสือ สมุดบันทึก และ คอมพิวเตอร์ เข้าห้องสอบด้วย (Open-book examination)
๔. ด้วยความรู้ของตนเอง ให้สร้างแบบจำลองระบบตามที่อาจารย์กำหนด โดยใช้โปรแกรม SIMILE และ/หรือ EXCEL (Open-book examination)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อรรถชัย จินตะเวช
เชียงใหม่
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๔๙
เห็นด้วยกับข้อ 3 Open-book examination
ข้อ 3 ครับอาจารย์
ข้อ 3 ครับอาจารย์
ข้อ 3 ค่ะ รวมข้อ 4 อีกนิดหน่อยแบบง่าย ๆ (ถ้าอาจารย์ไม่เห็นด้วย ก็ข้อ 3 ข้อเดียวค่ะ)
ข้อ 3 และ ข้อ 4 ครับ เพื่อแสดงความรู้ ความเข้าใจ การประยุกต์ใช้เครื่องมือในการสร้างแบบจำลองระบบ
ขอบคุณครับ รอให้มีความเห็นถึง ๔๐ คน แล้วอาจารย์จะลองประมวลและพิจารณาสนับสนุนครับ
ท่านที่แสดงความเห็น ขอความกรุณาลงชื่อ+นามสกุลด้วยครับ
ข้อ 1.ครับอาจารย์
คำว่า"อนุญาต"ไม่มีสระ "อิ"ครับ
ขอบคุณครับ รอให้มีความเห็นถึง ๔๐ คน แล้วอาจารย์จะลองประมวลและพิจารณาสนับสนุนครับ
ท่านที่แสดงความเห็น ขอความกรุณาลงชื่อ+นามสกุลด้วยครับ
...ถ้าข้อสอบต้องการวัดว่านักศึกษาเรียนมาแล้วจำได้มั้ย ต้อง Closed-Book...
...ถ้าข้อสอบต้องการวัดว่าเรียนแล้วจำมาปฏิบัติใช้งานได้มั้ย ก็ต้อง Close ในภาคทฤษฎีและ Open ในภาคปฏิบัติ ครับ ข้อสอบต้องมี 2 แบบ...
ถ้าข้อสอบแบบ T F ผมคิดว่าควร Closed-book examination เพื่อทดสอบความเข้าใจในวิชาครับ
ถ้าสอบแบบการปฏิบัติผมเห็นด้วยกับข้อ 4 ครับอาจารย์
เห็นด้วยกับข้อ 3 ครับ เพราะผมคิดว่าการเรียนเพื่อรู้แล้วนำมาจัดเรียบเรียง เป็นองค์ความรู้ของตนเอง ไม่ได้เรียนเพื่อท่องจำครับ
เห็นด้วยกับข้อ 3 ครับ เพราะผมคิดว่าการเรียนเพื่อรู้แล้วนำมาจัดเรียบเรียง เป็นองค์ความรู้ของตนเอง ไม่ได้เรียนเพื่อท่องจำครับ
อยากสอบแบบ Open-note examination ครับ
เพราะเวลาอ่านหนังสือ ก็ Note ไปด้วยอยู่แล้ว และถ้าเป็นแบบ Open-book examination ผมคิดว่าข้อสอบจะยากตามสมดุลย์ ซึ่งจะทำให้หลงทางได้ง่าย
สอนให้รู้จริง ทำได้จริง และประยุกต์ใช้ได้จริง
อยากสอบแบบ Open-note examination ครับ
เพราะเวลาอ่านหนังสือ ก็ Note ไปด้วยอยู่แล้ว และถ้าเป็นแบบ Open-book examination ผมคิดว่าข้อสอบจะยากตามสมดุลย์ ซึ่งจะทำให้หลงทางได้ง่าย
สอนให้รู้จริง ทำได้จริง และประยุกต์ใช้ได้จริง
เห็นด้วยกับ ข้อ 3 ครับอาจารย์ เป็นการพัฒนาองค์ความรู้และเกิดนวัตกรรมด้วย ครับ
ข้อ 4 ครับ เพื่อเป็นการทดสอบความเข้าใจในการนำความรู้ไปปฏิบัติได้จริง "สอนให้รู้จริงๆ ทำได้จริงๆ และประยุกต์ใช้ได้จริงๆ"
ผมวาคือสิยากสูแนวละครับ คันอาจารย์สิเอาคักๆ ผมวาเอาหมอ่งอาจารย์ภูมิใจแล้วสุมผมกะมีแฮงพอเฮียนต่อไปได้อีกซะเนาะครับ
ขอบพระคุณครับ
ข้อ 2 ค่ะอาจารย์
ข้อดีของ open book คือ ผู้สอบจะตอบทฤษฎี สูตร คำนวณได้ เพราะมีในหนังสือ ส่วนข้อเสียของ open book จากประสบการณ์ คือ ทำไม่ทัน(มัวแต่เปิดหนังสือ) ข้อสอบยากมาก ข้อสอบไม่มีในหนังสือ คำถามกว้างมาก ส่วนใหญ่เป็นข้อสอบแบบบรรยาย
อาจารย์คิดว่าอาจจะไม่มีใครเข้ามาตอบเพิ่มขึ้นอีกแล้วตามหลักของ Discrete events
สรุปน่าจะเป็นการสอบแบบ Open-book examination และให้สร้างแบบจำลองโดยใช้โปรแกรม SIMILE อาจารย์กำหนดแบบจำลองน่ะครับ ตามแนวคิดของ รศ. ดร. ณรงค์ หุตานุวัตร และผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างมีความสุขมาก ๆ เลย ครับ
วันเสาร์ที่จะถึงนี้ ก็ ตามเดิมคือทำโครงงานส่ง และมีการเตรียมตัวสอบ ครับ
สอบแบบสบาย ๆ และมีความสุข
------------------------
อรรถชัย จินตะเวช, เชียงใหม่
๑ มิ.ย. ๒๕๔๙
เอาไงเอากันครับอาจารย์
พวกเรา ITAR 3 หน้าที่สอบให้ดีที่สุดครับ
ขอให้กำลังใจทุกคน สอบให้ผ่านทุกคน โชคดีครับ !