บันทึกความทรงจำจากการลงชุมชนตำบลจอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 51
ชุมชนนี้มีแม่น้ำสองสีคือมี แม่น้ำแควน้อยและ แม่น้ำน่าน ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำสองสี
ชุมชนจอมทองมีทั้งหมด 9 หมู่บ้านด้วยกัน ทางคณาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก ได้ลงชุมชนไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนในชุมชน ตัวแทนแต่ละหมู่บ้านได้มาเล่าเรื่องราวในชุมชนตนเอง หลายท่านพูดจาคล่องแคล่วฉะฉานทราบมาว่ากำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏของเรานั่นเอง
หมู่ที่ 1 บ้านท่าตะเคียน มีประเพณีทำขวัญพระแม่โพสฬ การแข่งขันเรือพาย เพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างหมู่บ้าน ซึ่งตอนนี้ได้ประยุกต์ 12 ฝีพาย เป็นอีกสนามหนึ่งในพิษณุโลกด้วย
มีกลุ่มแม่บ้าน OTOP สามดาว คือกลุ่มจักสานหมวก ในสมัยก่อนเป็นไม้ไผ่แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นปอพลาสติก
สถานที่อยู่ของหลวงปู่ฤทธิ์ พระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่แจง
มีการรวบรวมของเก่าเพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ ในปี 2549 ทางมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ลงมาช่วยดูแล ที่วัดท่าตะเคียนเป็นการรวมตัวกันของสามหมู่บ้านคือ หมู่ที่ 1,2 และ3 มีตู้พระธรรมจากช่างหลวงสมัยรัชกาลที่ 5 มีตำรายาใบข่อย ทางชุมชนอยากให้มีผู้มาช่วยแปลใบข่อย ใบลาน เพราะเสียดายความรู้ในนั้น เนื่องจากทางมน.ได้มาดูแลและนำผ้าห่อไว้ แต่ชุมชนอยากจะให้ใส่ในกล่องแก้วเพื่อให้ประชาชนสามารถมาชมได้ ซึ่งทางศูนย์วัฒนธรรมก็ได้มาดู แต่ยังไม่มีงบประมาณ
หมู่ที่ 2 เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม มีแม่น้ำน่าน ได้ร่วมมือกับค่ายทหาร ปลูกหญ้าแฝกบริเวณริมแม่น้ำน่านเพื่อป้องกันดิน
ประชากรส่วนใหญ่ทำการเกษตร มีการทำปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ด เพราะปุ๋ยเคมีปัจจุบันราคาสูงมาก ทำให้ต้นทุนสูง แต่วัสดุในการทำปุ๋ยก็ต้องสั่งจากอ.บางกระทุ่ม และจากจ.เชียงใหม่ ไม่สามารถทำเองได้
หมู่ที่ 3 วัดท่าตะเคียนอยู่หมู่นี้ อาชีพของประชาชนมีการเลี้ยงปลาในกระชังคือปลาทับทิม โดยมีบริษัทซีพีมารับซื้อ แต่ก็แบ่งขายด้วย ตอนนี้อาหารปลาก็แพง กำไรจึงลดน้อยลง
ส่วนการทำนาไม่ค่อยมี ไร่นามีน้อย มีสวนยางใหญ่ แต่เป็นของภาคเอกชนมาซื้อไว้
ปัญหาของชุมชนคือ การเลี้ยงปลา ตอนนี้น้ำเริ่มลด ออกซิเจนน้อย น้ำร้อน น้ำขุ่น ปลาแออัด ทำให้ปลาตายอยากให้มีการเคลื่อนย้ายที่เลี้ยงปลาไปบริเวณน้ำลึก ที่น้ำเย็น มีออกซิเจนเยอะ
หมู่ที่ 4 มีวัดเกาะแก้ว มีการสร้างแพเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีตลาดน้ำ นำภาพเรือนแพตั้งอยู่ท่ามกลางแม่น้ำสองสี คือ แม่น้ำแควน้อยกับแม่น้ำน่านไหลมาบรรจบกัน เป็นมุมมองจากการถ่ายจากดาวเทียม....(ที่เห็นเป็นแผงเล็กๆริมแม่น้ำนั่นคือเรือนแพค่ะ) เป็นจุดชมวิวแม่น้ำสองสีที่ดีที่สุดเลย
มีพระพุทธรูปปางต่างๆ ขณะนี้กำลังจะเริ่มทำปุ๋ยอินทรีย์ อยากได้ผู้แนะนำสูตรการทำปุ๋ยอินทรีย์
มีสวนโบราณที่ทางกลุ่ม NGO มาให้การสนับสนุน มีต้นไม้โบราณ ต้นจัน ต้นหมาก มะขวิด มะพลับ
ชมรมดนตรีพื้นบ้านมังคละ ซึ่งได้ไปสอนเผยแพร่ให้กับเยาวชนในจังหวัดพิษณุโลกตามโรงเรียน มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และมหาวิทยาลัยนเรศวร
ปัญหาของชุมชน
อยากของบสนับสนุนการทำมณฑปให้แน่นหนา ไว้เก็บของโบราณ
ปัญหาจากการทำเรือนแพ ต้องมีงบดูแลเดือนละเป็นหลักหมื่น แพเริ่มทรุดโทรม จุดเริ่มต้นของการทำเรือนแพคือ มีการทำประชาคม 9 หมู่บ้าน ทุกฝ่ายเห็นด้วย เพราะอยากจะมีรายได้ ในช่วงแรกมีการประชาสัมพันธ์ ในแต่ละหมู่บ้านจะดูแลแพคนละหลัง ในช่วงแรกๆกิจการก็พอจะไปได้ แต่ขณะนี้คนมาท่องเที่ยวน้อยลง แพก็เริ่มทรุดโทรม จึงอยากจะให้คนที่เป็นมืออาชีพเข้ามาช่วยดูแล
จากการไปดูสถานที่จริง เริ่มเปลี่ยนแปลงไปพอสมควรจากการบอกเล่าของหลายๆคนที่เคยไป
ท่าเรือนี้เคยมีเรือล่องชมพระ 9 วัด แต่ตอนนี้ได้ย้ายเรือไปไว้ที่บริเวณวัดใหญ่แล้ว ทำให้บริเวณนี้ค่อนข้างเงียบเหงา แต่ธรรมชาติและมนต์เสน่ห์ความงามของแม่น้ำสองสี ไม่ได้ลดลงเลย ตำบลจอมทองอยู่อ.เมือง แต่เหมือนกับว่าเราเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากความวุ่นวายในเมือง
ผู้มาเยือนสามารถมาให้อาหารปลาได้ มีปลาตะเพียนอยู่มากมาย สงสัยว่าคงไม่ค่อยมีคนมาให้อาหาร เพราะปลาแย่งกันใหญ่ จนตัวเล็กๆเข้าไม่ถึง
ขอแนะนำหมู่ที่ 5 ต่อนะคะ สำหรับหมู่นี้ มีโบสถ์เก่าแก่ แต่มีการเล่าเล่นๆว่าสาเหตุที่โบสถ์เก่าก็เป็นเพราะว่าวัดเหล่านี้ย้ายหนีน้ำอยู่บ่อยครั้งเลยทำให้โบสถ์เก่า คงต้องไปสำรวจว่าเป็นจริงหรือเปล่า
หมู่ที่ 6
หมู่นี้มีการทำนา ปลูกพืชพวกมันแกว และมีการรวมตัวกันของผู้สูงอายุทำขนมกล้วย ขนมตาล ขนมแตง แต่ที่เป็นสินค้า OTOP คือ ขนมเปียกปูน ระดับ 2 ดาว
สาเหตุที่ได้สองดาว เพราะว่าชาวบ้านไม่มีพื้นที่ก่อสร้างโรงเรือน แต่ใช้ที่บ้านทำ ต้องมีความสะอาดเรียบร้อยและที่สำคัญต้องโอนที่ให้อบต.ด้วย และเนื่องจากเป็นขนมสด พอไปคัดสรรเรื่องคุณภาพ กว่าจะเดินทางไปก็ไม่ผ่านเชื้อจุลินทรีย์
นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์ให้ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงปลา
สำหรับขนมเปียกปูน จากสูตรที่เขาเคยทำกันจะใช้กะลามะพร้าวมาเผา แต่ที่นี่ใช้ใบตาลสดแทน ซึ่งจะทำให้ขนมเปียกปูนเป็นเงากว่า เริ่มต้นก็มีการลองทำกินในงานบวช งานแต่งก่อน จึงพัฒนาขึ้นมาเป็นสินค้า OTOP
ผู้ทำจะเป็นแต่ผู้สูงอายุ แต่เด็กๆวัยรุ่นไม่ชอบ เพราะใช้นานในการทำ ซึ่งเด็กจะไม่อดทน ต้องใช้เวลาทำในกระทะประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง
ส่วนด้านการตลาดปกติจะไปติดต่อขายเองตามอำเภอ และจังหวัดเวลามีการประชุม
หมู่ 7 ดินแดนแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน
มีแม่น้ำธรรมชาติโอบล้อม มีป่าไผ่ อยากให้มีการอนุรักษ์ เพราะกำลังจะถูกทำลาย เนื่องจากมองว่าไม่สามารถสร้างประโยชน์ได้
คนต่างถิ่น ไม่ค่อยรู้คุณค่าของป่าไผ่ เข้ามาซื้อที่ เดี่ยวนี้ป่าไผ่กำลังถูกเปลี่ยนเป็นเกษตรสมัยใหม่
ตอนแรกจะทำเฟอร์นิเจอร์ผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่ แต่ไม่คุ้มทุน
ที่นี่น้ำท่วมทุกปี มีแหล่งอาหาร คลอง หนองน้ำ ตอนนี้มีเกษตรสมัยใหม่มาทำลายระบบนิเวศน์ มีการใช้สารเคมี มีการทำปุ๋ยอินทรีย์แทน
พยายามทำให้คนในชุมชนสำนึกรักบ้านเกิด มีการปลูกต้นไม้สลับฟันปลาไว้ เพื่อกันน้ำ สำหรับพืชผัก ผลไม้ ในตลาดในเมืองจะมาจากหมู่นี้เยอะ
หมู่ที่ 8
บ้านท่าโค(ได้ยินแบบนี้นะคะใช่หรือเปล่า) สาเหตุที่ชื่อนี้ก็เพราะว่า แถวไผ่ขอดอนมีการเลี้ยงวัว ควาย แต่ไม่มีที่สำหรับให้วัว ควายเล่นน้ำ จึงต้องมาเล่นที่หมู่บ้านนี้ เลยได้ชื่อว่า "บ้านท่าโค"
สำหรับหมู่บ้านนี้มีการเลี้ยงปลาในกระชัง การทำขวัญแม่โพสฬ การแห่กลองมังคละ กลุ่มขนมไทย จักสาน มีปราชญ์ชาวบ้าน มีช่างทำบายศรีสู่ขวัญ งานบวช งานแต่ง
จะมีเจ้าพิธีรับเหมา คือจะรับจัดงานพิธีต่างๆ เช่น งานแต่งงาน ทำศาลพระภูมิ การทำบายศรี แต่...ต้องนำใบกล้วยตานีมาจากอ.สวรรคโลก จ.สุโขทัยค่ะ
หมู่ 9
วิถีชีวิตมีการทำไร่ ทำนา ทำสวน อยู่ติดริมแม่น้ำ แต่ย้ายออกไปทำกินกันด้านนอก การปลูกผลไม้พื้นบ้าน ไม่ค่อยได้ผลแล้ว มีการนำเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้
มีการปลูกไม้ชนิดใหม่เช่น ส้มโอ กระท้อน ไผ่หวาน มะพร้าว ส่วนผลไม้พื้นบ้านไม่เป็นที่ต้องการก็ตกลงมาเน่าเสีย ทำให้เกิดแมลงวันทองมากมาย
หมอดินอาสาได้เข้ามา มีโครงการ เผ่าถ่านไล่พวกนี้.... มีการทำน้ำสัมควันไม้
ได้ความรู้อย่างหนึ่งว่าดอกลำโพงที่ขึ้นอยู่ริมน้ำมากมาย สามารถมาทำน้ำส้มควันไม้ได้
บันทึกนี้เป็นการสรุปคร่าวๆจากที่ได้ไปลงชุมชนมา กำลังรอความคิดเห็นจากเพื่อนๆอาจารย์ที่ไปในวันนั้นด้วยนะคะ เพราะหลายประเด็นก็อาจจะตกหล่นไปได้ค่ะ
สวัสดีครับ
เอารูปดอกไม้ในมุมที่มองไม่ออกมาฝาก อิอิ ดอกอะไรเอ่ย น้องลูกหว้าครับ
สวัสดีค่ะ อ.ลูกหว้า
ผมเป็นคนหลงรักภูเขาและสายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ... สามารถดั่งดูสายน้ำได้ค่อนครึ่งวัน
ที่อุบลราชธานีก็มีแม่น้ำสองสี , ....
ความเป็นมนุษยชาติล้วนผูกพันกับสายน้ำอย่างสนิทแน่น ผมชอบชุมชนที่มีลำธาร หรือสายน้ำไหลผ่าน อยากมีหลังบ้านที่แว่วยินเสียงธารน้ำไหลรินอยู่อย่างไม่ขาดสาย
....
ลุ่มน้ำสงครามที่สกลนคร, นครพนม ก็เป็นแหล่งน้ำอันยิ่งใหญ่และเป็นประวัติศาสตร์ของอู่ข้าวอู่น้ำ หรือ "ไหปลาแดก" ของคนอีสาน ซึ่งผมเคยได้ไปสัมผัสฝังตัวอยู่ร่วมเดือน จึงยิ่งหลงรักสายน้ำอย่างเท่าทวีคูณ
.....
มหาสารคาม มีน้ำชีไหลผ่าน ชาวบ้านได้อาบได้กิน แม่น้ำชีไม่มีวันสูญสิ้น ได้อาบได้กิน เพราะเป็นถิ่นพัฒนา ......
นี่เป็นท่อนหนึ่งของเพลงที่เคยร้องในสมัยที่เข้าประชุมเชียร์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ...
ทุกวันนี้แม่น้ำชีก็ยังคงไม่ละวางจากการทำหน้าที่หล่อเลี้ยงคนเมืองมหาสารคาม หรือแม้แต่คนอีสานทั่วไป ซึ่งแม่น้ำชีมีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดชัยภูมิ ถึงแม้จะไม่ใช่สายน้ำใหญ่ แต่ก็เป็นสายน้ำที่ยาวที่สุดในภาคอีสานเลยทีเดียว ครับ,
...
คิดฮอดอยู่ตลอดเวลา เด้อ..เอื้อย เด้อ
ธรรมชาติยังสวยงามจริงๆเลยครับ
ยังไม่เคยไปเลย วันหลังไปอีก ชวนผมด้วยนะ
สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
ขอบพระคุณทุกท่านนะคะที่แวะมาทักทาย แล้วจะมาเพิ่มรายละเอียดค่ะ
มาเยี่ยม มหาวิทยาลัยที่ทำงานใกล้ชิดกับ ชุมชน จะทำให้ สิ่งที่สอนนักศึกา เป็นทฤษฎีที่อยู่บ้านพื้นฐานปรากฏการณ์จริงของสังคม และนำไปใช้ได้ และ ผู้นำในการประยุกต์ใช้ ควรต้องเป็นครู ...
ดีจังเลยน้องลูกหว้า ได้ลงชุมชนด้วย แต่พี่กลัว แพล่ม อิอิๆๆ
แวะมาเยี่ยมครับ ไปคราวหน้าคงมีบันทึกมาฝากอีกนะครับ
ระวังตกน้ำด้วย
ขอขอบคุณอาจารย์ลูกหว้า เป็นอย่างสูง ผมหวังว่าหนังสือ "ทางรอดในภาวะเศรษฐกิจถดถอย : โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" คงมีประโยชน์สำหรับอาจารย์และผู้อ่านทุก ๆ ท่าน ถ้าหากอาจารย์ลูกหว้ามีขอแนะนำและข้อเสนอแนะเพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กับผม ผมยินดีและขอขอบคุณอาจารย์อีกครั้งครับ
ด้วยจิตมุ่งมั่นและเข้มแข็ง
ขอบคุณนะคะ ^^ สำหรับข้อมูล จะได้เอาไปทำรายงานอ.กุลแก้ว หุหุ
ยินดีค่ะ เด็ก ท่องเที่ยวเหรอ อยากได้ข้อมูลอะไรอีกก็บอกได้ค่ะ
จะเอาไปทำรายงานเหมือนกัน แต่เคยไปมาแล้ว เก็บรายละเอียดไม่ได้เลยขอบคุณนะค่ะ
อ้อ..บันทึกนี้ไม่ค่อยละเอียดหรอกค่ะ เพราะใช้จดแบบเร็วๆเหมือนกันเลย แต่ชุดที่ละเอียดนั้นทำส่งที่คณะไปแล้วค่ะ แต่อันนี้ก็พอจะบอกเรื่องราวได้ค่ะ