สวัสดีครับ อาจารย์กมลวัลย์ ที่เคารพ :)
ขอบคุณครับ อาจารย์
บุญรักษา ครับ :)
สวัสดีค่ะคุณครูเอ
บทความนี้เกิดขึ้นเพราะการสนทนากับอ.ศิริศักดิ์ค่ะ เหมือนตัวเองก็ถูกสอนมาอีกที แ้ล้วนำมาถ่ายทอดต่อน่ะค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณครูผลิต เด็กเก่ง เป็น เด็กดี ที่น่ารักสำหรับเราทุกคนต่อไปนะคะ ^ ^ ต้องมีคุณครูที่ช่วยกันคิดช่วยกันทำเยอะๆ ความหวังที่จะสร้างเด็กๆ ที่น่ารักจึงจะเป็นผลได้ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นนะคะ
สวัสดีค่ะป้าแดง
เห็นด้วยเลยค่ะ ว่าพ่ิอแม่สามารถทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวได้.. เพราะพ่อแม่บางคนเองก็เคยเป็นเด็กที่โตมาในสังคมที่สอนกันมาผิดๆ มาก่อน.. บางคนก็เคยอยู่ในสภาวะขาดแคลนและถูกเอารัดเอาเปรียบมาบ้าง ทำให้เมื่อมีโอกาสก็จะตักตวง กอบโกยให้มากที่สุด และยึดเอาวัตถุเป็นหลัก (เพราะเขามีแต่ประสบการณ์แบบนี้) ทั้งน่าเห็นใจและน่าเป็นห่วงสังคมไทยมากๆ เลยค่ะ ก็เลยเอาขึ้นมาเขียนให้เห็นชัดๆ ว่า ถ้ามีแต่ความต้องการ แต่ไม่เคยมีน้ำใจให้ใคร... พอของ(วัตถุ)น้อย.. แต่ความต้องการมาก ก็ยิ่งแก่งแย่งกันไปใหญ่... น่าสงสารกันไปหมดค่ะ
ต้องช่วยกันให้ (ในบทบาทหน้าที่และบริบทของเราเอง)..เป็นตัวอย่างให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในสังคมค่ะ... ^ ^
สวัสดีค่ะ อ.วสวัตดีมาร
น๊านๆ แล้วที่จะมีคนเขียนชื่อดิฉันต่อท้ายด้วย "ที่เคารพ" แหะๆ ไม่คุ้นค่ะ เดี๋ยวคนอื่นๆจะเข้าใจว่าดิฉันนามสกุล "ที่เคารพ" นะคะ... (เอ..ไม่เลวนะ ความคิดนี้ ^ ^)
ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นอยู่เสมอนะคะ ^ ^
สวัสดีอีกครั้งครับ ... อาจารย์กมลวัลย์ ที่เคารพ (เหมือนเดิม) :)
น่าจะเคยเห็นแว๊บๆ แบบดูไม่จบมาก่อนค่ะ เพราะไม่ได้ดูทีวีไทย (ยกเว้นข่าว) มานานมาก
ส่วนรายการสานรักนั้นเคยดูค่ะ ดีมากทีเดียว.. ดีจังค่ะ ขอบคุณที่แนะนำนะคะ ^ ^
เป็นบันทึกที่โดนใจผมมากจริงๆ ครับ ประเทศไทยเรามีคนอยาก "เก่ง ฉลาด รวย" มาก แต่คนอยาก "ขยัน อดทน เอื้อเฟื้อ" น้อยลงทุกวัน ทั้งๆ ที่ คนเก่งและฉลาดคือคนขยันและอดทน ส่วนคนรวยนั้นเกิดจากการเอื้อเฟื้อครับ
ผมคิดว่าสังคมสอนเด็กยุคใหม่ให้เข้าใจผิดว่าความ "เก่ง ฉลาด รวย" เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป (เหมือนในละคร) เขาก็เลยค้นหาความ "เก่ง ฉลาด รวย" ไม่เจอเสียทีครับ
สวัสดีครับพี่
บันทึกนี้โดนยอด อก เลยครับ แบบว่าถูกใจโดน ยอด อก ครับ
เก่ง ฉลาด รวย สวย เท่ห์ เก๋ ทันสมัย ....
ทำให้ผมนึกถึงบทความที่ฟาดไปเมื่อคืนครับ เมื่อผลผลิตแบบนี้ เราจะต้องปรับที่ผู้ผลิตกันอย่างไรดีครับ
ผมมีบทความมาฝากครับ สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยที่ประชาชนต้องการ
ขอให้พี่เจริญในการสนทนาธรรมและเกิดประโยชน์กับสังคมแบบนี้ต่อไปนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
พรุ่งนี้ ที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ จ.ชลบุรี ก็กำลังชักชวน ให้คนเป็นผู้ให้ค่ะ บริจาคเลือดกัน เมื่อมีจุดเริ่มต้น ก็จะมีต่อๆไปได้ง่ายขึ้นค่ะ ของเป็นกำลังใจ ให้คุณครูทุกคน ท่านเก่ง และสำคัญมาก ในการสร้างคนค่ะ
สวัสดีค่ะ อ.ธวัชชัย
เห็นด้วยค่ะว่าเด็กๆ มีแนวโน้มคิดสั้นๆ ไม่ต้องการรู้ที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความเก่ง ความดี หรืออะไร.. เช่น เขาจะต้องการรู้สูตร เพื่อไปแทนค่า แต่ไม่ค่อยรู้ที่มาของทฤษฎีพื้นฐานของสูตรนั้นๆ แล้วก็ไม่ค่อยสงสัยใคร่รู้... ต้องบอกว่าวัฒนธรรมฟาสท์ฟูตเข้าครอบงำเด็กๆ ไปเยอะทีเดียวค่ะ
โลกนี้คือละครโรงใหญ่ ที่คนเล่นก็ไม่ค่อยรู้ตัว ก็เลยมีละครซ้อนโรงกันมากมายจริงๆ ค่ะ ยิ่งคนเล่นมัวแต่ดูคนอื่นเพลิน ไม่หันมาดูตัวเองบ้าง ก็เลยไม่ค่อยรู้ที่มาที่ไปของอะไรสักอย่างค่ะ
ขอบคุณอาจารย์ที่แวะมา ลปรร นะคะ ^ ^
สวัสดีค่ะน้องเม้ง
โดนยอดอกเลยหรือคะ ^ ^
พี่ไปอ่าน สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยที่ประชาชนต้องการ แล้ว..โดนเหมือนกันค่ะ ปลายคางเลย โอย... ตรงที่บอกว่า"เจ๊งแล้ว ฟันธง" พี่ก็เห็นด้วยเป็นอย่างมากเลยค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นนะคะ ต้องช่วยกันต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอรุ่ง ตันติราพันธ์
ดีจังเลยค่ะคุณหมอ กิจกรรมการให้เลือดก็เป็นกิจกรรมที่ดีมาก (โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ นักศึกษา) ที่สถาบันก็มี blood drive อยู่บ้าง เวลาเห็นก็ชื่นใจทุกทีค่ะ
ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ
สวัสดีค่ะน้องลูกหว้า
เห็นด้วยทุกประการกับที่น้องลูกหว้าบอกไว้ค่ะ พี่เองก็พยายามเป็นต้นแบบที่ดี แต่บางทีเราก็ไม่ใช่ต้นแบบที่เขาเห็นแล้วอยากเป็นตาม.. เพราะเราไม่ค่อยตามสังคมหรือกระแสนิยม.. บางทีเด็กๆ เขาเห็นเราอนุรักษ์นิยมหรือเตือนบ่อยๆ ก็จะเบื่อ.. แต่ก็มีเด็กบางคนที่ดีและพร้อมที่จะรับจากเราค่ะ
ทำงานเยอะต้องพักผ่อนด้วยนะคะ ช่วงนี้พี่ก็งานเยอะ และมีวิบากพอสมควร (ตามสภาพ) น่ะค่ะ ^ ^ คิดถึงนะจ๊ะ
สวัสดีจ้าน้องซูซาน
เห็นด้วยเลยว่าการนำเสนออะไรที่เป็นรูปธรรมนั้นชัดเจนและทำง่ายกว่า เพราะความสุขทางใจ หรือความพอใจในสิ่งที่มีอยู่นั้นทำได้ยากกว่าการนำเสนอรถคันหรู บ้านหลังโตๆ กับแก้วแหวนเงินทองจริงๆ เข้าใจดีเลย.. เพราะพยายามจะสื่อให้เด็กๆ เห็นก็ยากมากๆ เลยเหมือนกัน
พี่เคยดูรายการนี้เหมือนกันนะ แต่ไม่ได้ดูตอนเมื่อคืนนี้ พี่คิดว่าสังคมอย่างเมืองที่ยูฟูอินนั้นเป็นสังคมที่เจริญ(ทางใจ)แล้ว เพราะเมื่อขาดแคลน ก็รู้จักแสวงหา เมื่อได้มาแล้ว ก็รู้จักพอ และรักษาสิ่งที่มีอยู่ไว้... สมควรนำมาเป็นตัวอย่างให้เมืองท่องเที่ยวในเมืองไทยจริงๆ... แต่พอเจอคน(ไทย)ที่คิดแบบง่ายเข้าว่า แสวงหาผลประโยชน์ไว้ก่อน โมเดลของยูฟูอินก็คงไม่เป็นผลที่บ้านเราแน่... เสียดายประเทศไทยจังเลยเนาะ T_T
สวัสดีค่ะคุณครูเอ
น้องซูซานมีความคิดดีๆ กับคำคมมาฝากพวกเราเสมอค่ะ ใน gotoknow เป็นสังคมที่ดีจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมอีกครั้งนะคะ
สวัสดีค่ะอ.พิสูจน์
อาจารย์ชมเกินไปแล้วค่ะ ^ ^ เขินค่ะเขิน ดิฉันก็เป็นคนธรรมดา.. ยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งรู้ตัวว่าตัวเองธรรมดาๆ และไม่มีอะไร มากขึ้นทุกทีๆ เหมือนกับเวลาที่ท่องใน gotoknow นี่แหละค่ะ ยิ่งได้พบคนเก่งคนดีมากมาย ก็ยิ่งรู้ว่าเรามีความรู้น้อย เมื่อเทียบกับความรู้ที่มีอยู่
ดีใจที่ได้อาจารย์เป็นเพื่อนและครูมากๆ เลยค่ะ ^ ^
สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
เห็นด้วยค่ะว่าครอบครัวคงต้องเป็นหลักให้กับเด็กๆ ก่อน.. แต่ในสังคมปัจจุบันที่ครอบครัวเองก็ฝากความหวังไว้มากกับทางโรงเรียน เนื่องจากไม่มีเวลาอยู่กับลูก ก็ทำให้โรงเรียนต้องมาคิดว่าทำอย่างไรถึงจะอบรมให้เด็กๆ เป็นคนดี มากกว่าเป็นคนเก่งได้ เป็นโจทย์ที่ยากจริงๆ
คนสำคัญของเรื่องนี้ก็คือตัวเด็กเองด้วยค่ะ... เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดได้..ไม่ว่าจะคิดได้จากการดูแล อบรมสั่งสอนของครอบครัว หรือจากโรงเรียน..เมื่อนั้นเราจะได้คนดีเพิ่มอีกคนในสังคมค่ะ
ตอนนี้ที่เห็นในระดับอุดมศึกษา..ยังพบว่าเด็กยังไม่คลิก ยังไม่เข้าใจกับเรื่อง"การให้" และยังไม่เห็นว่าผลจากการกระทำของเขาไปส่งผลต่อสังคมได้อย่างไรน่ะค่ะ.. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เกิด realization หรือมี awareness ได้ยากจริงๆ เพราะต้องใช้เวลากับความทุ่มเทมากๆ และเด็กๆ ก็เขวจากสื่อหรือตัวอย่างไม่ดีที่เขาได้พบเห็นได้ตลอดเวลา..
ยอมรับเลยค่ะว่าเป็นโจทย์ที่หนัก แต่ก็ต้องลองดูและสู้ต่อค่ะ
ขอบคุณคุณพี่ที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นนะคะ
สวัสดีครับ อาจารย์
โจทย์หนักจริงๆครับ หลายคนต้องยอมแพ้ และอีกหลายคนก็ล้มหายตายจากไปแล้ว ผมและเพื่อนๆก็เคยคิดทบทวนบทบาทของตัวเองกันว่า จะช่วยเหลือสภาพที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นอย่างไรได้อย่างไร บทสรุปของพวกผมออกมาว่า ให้แก้ไขที่ตนเองให้ดีก่อน และให้เต็มกำลังความสามารถ เพราะการจะไปแก้ไขที่คนอื่นมันมีผลกระทบมากมาย และดีไม่ดีมันก็ย้อนกลับมาเล่นงานเราอีก " บางครั้งการเงียบ และการไม่เคลื่อนไหว ก็นับเป็นการช่วยเหลือที่ดีที่สุด "
ส่วนจะช่วยได้แค่ไหนคงต้องแล้วแต่เหตุปัจจัยแวดล้อมอื่นๆแล้วละครับ
เห็นด้วยค่ะคุณปู่หลง ว่าคงต้องแก้ที่ตัวเองก่อนเป็นแน่แท้ เพราะถ้าเราเองไม่เคยให้ ไม่รู้จักให้ เราจะไปเรียกร้องหรือสอนคนอื่นให้รู้จักให้ได้อย่างไรใช่ไหมคะ ^ ^
ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากปัญหาหนึ่ง แก้ยาก เพราะสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมไม่ค่อยอำนวย แต่ก็ยังต้องแก้ ต้องช่วยกันต่อไปค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นดีๆ นะคะ ^ ^
สวัสดีค่ะ อาจารย์กมลวัลย์
สวัสดีค่ะน้องอ.หัวใจติดปีก
ตอนเขียนเรื่องนี้ก็คันหัว(ใจ)เหมือนกันค่ะ
การศึกษาบ้านเรามีปัญหาเยอะมาก จะว่าไปต่างประเทศเขาก็มีปัญหาเหมือนกัน แต่ว่าค่าเล่าเรียนของเขาในระดับป.ตรีแพงมาก (อเมริกา) คนที่เข้ามาเรียนจะต้องทำมาหากิน อยู่อย่างประหยัด และเรียนให้จบเพื่อหางานทำ (คราวนี้เงินเดือน+สวัสดิการเพียบ) เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาเรียนจะตั้งใจมากๆ เพราะถ้าเรียนแล้วล้มเหลวอาจมีหนี้มีสิน แล้วไปทำงานเป็นแคชเชียร์เงินเดือนน้อย กว่าจะเงยหน้าอ้าปากได้จะลำบากมาก
มันไม่เหมือนบ้านเราเท่าไหร่นัก..ค่าเล่าเรียนถูก(กว่ามากๆ) และไม่ได้เอาเงินมาทำสถานศึกษาให้มีความพร้อมสำหรับเป็นมหาวิทยาลัย บางครั้งเิงินถูกนำไปลงกับการให้ทุนคนมาเป็นอาจารย์ (อย่างตัวพี่เอง) แต่พอคนเหล่านี้จบกลับมา เจอเิงินเดือนราชการ และมีงานข้างนอกมายั่ว .. งานสอนและวิจัยเลยกลายเป็นงานรอง..
บ้านเรายังขาดการลงทุน infrastructure เพื่อการศึกษามากๆ และขาดการลงทุนคนที่จะมาเป็นอาจารย์ที่มีคุณธรรม จริยธรรม (ไม่ได้มีแต่ความรู้และความเก่ง และอัตตาสูง) บางครั้งคนที่มาตั้งใจสอน เจอระบบการทำงานในมหาวิทยาลัยแบบบริหารเพื่อผู้บริหารอยู่สุขสบาย บวกกับเด็กที่มีทัศนคติเกี่ยวกับการเรียนมหาวิทยาลัยที่ได้เรียนเพื่อรู้ แต่เรียนเพื่อใบปริญญา(เรียนเพื่อหน้าตา) ก็เลยเป็นแบบนี้
พี่เองก็อาจจะเขียนแรงเหมือนกัน อิอิ แต่ก็พูดกันตามที่รู้สึกค่ะ อาจจะไม่เป็นอย่างนี้ทั้งหมด อาจารย์ดีๆ เด็กดีๆ ก็มีเยอะค่ะ.. คนที่ไม่ดี..ทำตัวไม่ถูก กลับตัวบ้างก็มี หรือเลวกว่าเดิมก็มีค่ะ ...
ทำใจ..แล้วทำเท่าที่เราทำได้ค่ะ ^ ^