เมื่อพ่อต้องเลือกโรงเรียนให้ลูก


ดิฉันเห็นใจที่พ่อแม่สมัยนี้จำเป็นต้องทำหน้าที่ในบางอย่างบางเรื่องเร็วกว่าพ่อแม่สมัยก่อน อย่างเรื่องโรงเรียนของลูกนี้บางท่านต้องวางแผนกันตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องทีเดียว

         
เมื่อวานเย็นขณะที่ดิฉันขับรถกลับจากสุพรรณบุรีมุ่งสู่นครปฐม ระหว่างนั้นได้รับสายจากเสียงที่ไม่คุ้นชินซึ่งปลายสายแจ้งว่า
ผมชื่อ...อัจฉริยะ โทรเข้ามาพูดคุยสอบถามดิฉันถึงเรื่องโรงเรียนสัตยาไส เนื่องจากพบข้อมูลที่ดิฉันเขียนในบันทึกนี้

          เป้าหมายของการพูดคุยในช่วงเวลาสั้น ๆ ทราบว่า เจ้าของเสียงนามว่า
อัจฉริยะ ท่านมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ มีความสนใจอยากจะพาลูกน้อย (วัยอนุบาล) เข้าเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ ด้วยมุ่งหวังให้ลูกได้เรียนรู้ในบรรยากาศการปลูกฝังคุณธรรม แต่ยังไม่ทราบข้อมูลในการรับเข้าเรียน ซึ่งดิฉันเองได้แจ้งท่านไปว่าสำหรับเด็กในวัยอนุบาลนั้น ทางโรงเรียนสัตยาไสไม่ได้เปิดรับให้พักค้าง ผู้ปกครองยังจะต้องรับ-ส่งทุกวัน แต่หากเป็นระดับชั้น ป.1 ขึ้นไป โรงเรียนจึงจะจัดให้กินนอนอยู่ที่นั่นเลย

          และยังได้แนะนำท่านไปว่า หากท่านไม่สะดวกในเรื่องระยะทางการเดินทาง (เนื่องจากสัตยาไสตั้งอยู่ที่ จ.ลพบุรี) ในช่วงที่เด็กยังเล็กอยู่นี้ ยังมีโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ โรงเรียนรุ่งอรุณ อยู่แถว ๆ บางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งดิฉันเคยมีโอกาสไปเยี่ยมชมประมาณ
2 ปีที่ผ่านมาแล้ว จึงถือโอกาสนี้รำลึกถึง รุ่งอรุณ อีกครั้ง

          โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนเอกชนเปิดสอนเด็ก
3 ระดับ ที่นี่เรียกว่า โรงเรียนเล็ก คือ อนุบาล -ป.1 โรงเรียนประถม คือ ป.2–ป.6 และ โรงเรียนมัธยม ก็จะเป็น ม.1-ม.6 จะใช้การสอนแบบบูรณาการเป็นองค์รวมมีแนวทางพุทธธรรมเป็นแกนหลักเชื่อมโยงกับวิถีปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน โดยมุ่งเน้นในเรื่องทักษะชีวิตผ่านกิจกรรมฝึกปฏิบัติที่หลากหลาย

           ที่นี่เขาจัดบรรยากาศได้เป็นธรรมชาติมาก ๆ ร่มรื่นน่าอยู่ ห้องเรียนจะมีลักษณะเหมือนบ้านเป็นหลัง ๆ ห้องหนึ่งจะมีนักเรียนเพียง
25 คน มีครูประจำห้องเรียนละ 2 คน ไม่นับรวมคุณครูที่มาสอนวิชาพิเศษ เช่น ศิลปะ ดนตรี คอมพิวเตอร์ ฯลฯ

          สังเกตว่านักเรียนของที่นี่จะมีการเรียนที่ต้องลงมือฝึกปฏิบัติแทบทุกวัน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะเห็นเด็ก ๆ แต่งชุดตามสบายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลงมือปฏิบัติ ที่นี่เขาไม่ได้เข้มงวดเรื่องการแต่งเครื่องแบบนักเรียน จะแต่งตัวอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในแต่ละวัน ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะแต่งตัวสวยงามมาแข่งกัน เท่าที่เห็นยังคงเรียบร้อยสุภาพ

          ที่จริงโรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่หลายคนยังไม่รู้จัก ถ้าบอกว่าเจ้าของโรงเรียนแห่งนี้คือ รศ.ประภาภัทร นิยม ก็คงจะมีคนรู้จักกันเพิ่มขึ้นอีก เนื่องด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีบทบาทและประสบการณ์ในหน่วยงานต่าง ๆ อยู่บ้าง หากใครสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่นี่ จะหาข้อมูลได้ไม่ยาก โดยเฉพาะจากเว็บไซต์ของโรงเรียน คือ
http://www.roong-aroon.ac.th

          ในระหว่างที่กำลังบันทึกเรื่องนี้อยู่ก็พอดีว่าคุณอัจฉริยะได้โทรกลับมายังดิฉัน เนื่องจากเมื่อเช้าดิฉันได้โทรไปหาท่านเพื่อจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บไซต์ของโรงเรียนรุ่งอรุณ และข้อมูลการเดินทางไปยังโรงเรียนสัตยาไส จึงได้ทราบเพิ่มว่าขณะนี้ท่านกำลังอยู่ในช่วงเสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อปูทางสำหรับการเข้าเรียนของลูกในระดับชั้น ป.1 ซึ่งตอนนี้ลูกน้อยของท่านอายุประมาณขวบครึ่งเท่านั้น

          ดิฉันคิดตามประสาคนไม่มีลูกเป็นของตัวเอง โดยเทียบจากความเป็นลูกที่เคยผ่านการเลี้ยงดูมาจากพ่อแม่นั้น มีความเห็นว่า คุณอัจฉริยะท่านได้เริ่มต้นทำหน้าที่ของพ่อแม่ที่นอกเหนือจากการให้กำเนิดและให้การเลี้ยงดูแล้วอย่างน่าชื่นชม ก็เนื่องด้วยว่าท่านกำลังเตรียมการ วางแผนปูพื้นฐานด้านการศึกษาให้กับลูก เพื่อต่อไปลูกจะได้มีวิชาความรู้ติดตัว ถือเป็นการให้สติปัญญาแก่ลูก

          ซึ่งสมัยนี้เพียงมีปัญญาเป็นอาวุธในการหาเลี้ยงชีพคงไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะนอกจากนั้นเขาควรจะได้รับการปลูกฝังกล่อมเกลาในเรื่องของจิตใจไปพร้อมกันด้วย เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าเด็กจะมีแต่ความเก่ง แต่ขาดความดี เพราะในที่สุดจะทำให้เขาไม่มีความสุขที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นคุณอัจฉริยะท่านคงไม่ต้องเสียเวลามองหาโรงเรียนที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้เตรียมไว้ให้ลูก

          ดิฉันเห็นใจที่พ่อแม่สมัยนี้จำเป็นต้องทำหน้าที่ในบางอย่างบางเรื่องเร็วกว่าพ่อแม่สมัยก่อน อย่างเรื่องโรงเรียนของลูกนี้บางท่านต้องวางแผนกันตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องทีเดียว หน้าที่ของพ่อแม่ข้ออื่น ๆ ตามที่พระท่านว่าไว้ก็เช่นกัน ดูเหมือนต้องปฏิบัติกันเร็วขึ้น เพราะสภาพสังคมเปลี่ยนไป จะเชื่องช้าเช่นเดิมเห็นจะไม่ทันกาล

          ย้อนมาพูดถึงในเรื่องของโรงเรียน ก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไร เราจึงจะมีโรงเรียนที่ได้มาตรฐานในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้เท่าเทียมกันอยู่ดาษดื่น จนไม่ต้องให้ผู้ปกครองดิ้นรนไขว่คว้าหาโรงเรียนดี ๆ ให้กับลูกเหมือนอย่างสมัยนี้...เท่าที่ดิฉันมีโอกาสได้ประกอบอาชีพอยู่ในแวดวงของการศึกษา ก็พอจะทราบเหตุผลอยู่บ้าง...พูดไปจะเข้าข่ายสาวไส้ให้กากิน...และเข้าใจว่าพูดนั้นง่ายกว่าทำ...ถ้าไม่ได้ลงมือทำเอง...ก็อย่าได้พูดเสียดีกว่า...

          อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจในการทำหน้าที่ความเป็นพ่อแม่ของกัลยาณมิตรใหม่ท่านนี้ให้ประสบผลสำเร็จในการเตรียมการสิ่งดี ๆ ในอนาคตไว้ให้กับลูก ส่วนตัวดิฉันเอง คืนนี้ต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เตรียมออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ไปปฏิบัติราชการเป็นคณะทำงานให้กับ
การประชุมปฏิบัติการเพื่อฝึกกระบวนการจัดการ การจัดความรู้และถอดประสบการณ์การปลูกฝังคุณธรรม ตั้งแต่วันที่ 12-18 มีนาคม 2550 ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ก็ยังไม่ทราบว่าจะได้เข้ามาใน G2K ในช่วงนี้หรือไม่ หากจะหายตัวไปอีก ก็ต้องขออภัยมายังทุกท่านด้วยค่ะ...

หมายเลขบันทึก: 83018เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2007 14:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 22:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

สวัสดีครับ

ต้องถือว่าบันทึกในบล็อกช่วยสังคมได้ราวกับ จส 100

ผมเข้าใจว่าสังคมทุกวันนี้พ่อแม่ต้องลงทุนวางแผนชีวิตให้ลูกด้วยการซื้ออนาคตให้ลูกตั้งแต่รู้ว่ากำลังอยู่ในครรภ์  เริ่มตั้งแต่การกิน การนอน และจิปาถะ  โตขึ้นก็วิ่งหาโรงเรียนให้ลูก ๆ  โตหน่อยก็หาครูสอนพิเศษ (จนบางทีก็ไม่เหลือเวลาให้เด็กได้วิ่งเล่น)  แต่ดีหน่อยคือกลับบ้านมาแล้วพ่อกับแม่ไม่ต้องเหนื่อยกับการสอนการบ้าน เพราะครูพิเศษจัดการสอนและพาทำมาแล้วตั้งแต่ในโรงเรียน

เป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ปกครองที่มีความพร้อมต้นทุนทางการศึกษา  จนสามารถเสาะแสวงหาสถานศึกษาที่มีคุณภาพให้กับลูกได้  แต่บางครั้งก็อดเห็นใจคนที่ขาดความพร้อม  ต้องฝากชีวิตและอนาคตด้านการศึกษาไว้ตามมีตามเกิด

แต่ก็คงไม่แปลก เพราะในอดีต วัด ยังเป็นโรงเรียนดังเดิมของคนไทยเราเสมอ

..คนเก่ง  คนดี  ก็ไร้ประโยชน์  ถ้าการดำเนินชีวิตปราศจากความสุข

ขอบคุณบันทึกของอาจารย์ที่ช่วยเป็นสื่อกลางให้กับครอบครัวของคนที่ให้ความสำคัญของการศึกษา

ขอบคุณครับ

 

ขอฝากด้วยค่ะ   โรงเรียนในลพบุรี นำ km เข้าไปในระดับนักเรียนและทำให้นักเรียนได้มีการช่วยเหลอ

ซึ่งกันและกัน  ซึ่งคิดว่า ดีกว่าสอนให้เด็กมีคุณธรรมโดยวิธีการอื่น ๆ อยากให้

เผยแพร่ความคิดทั่วไป

 

ได้ข่าวว่า...โรงเรียน ลำปรายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ของสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนก็จัดกระบวนการเรียนการสอนเชิงคุณธรรมที่ได้รับการยอมรับติดอันดับโลกนะครับ...

 

ผมกะว่าจะชวนทีมงานไปดูให้ครบทุกแห่งเลยครับ...

  • ขอบคุณ อ.พนัส -แผ่นดิน ท่านอาจารย์ทัศนีย์-tadsanee   และ ท่านนายขำ ที่ได้กรุณาบอกกล่าวเล่าว่ายังมีโรงเรียนอีกหลายแห่งที่จัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมคุณธรรม
  • ใครทราบข่าวว่ามีโรงเรียนใดอีก...วานบอก เพื่อเป็นข้อมูลอันเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปกครองค่ะ
  • เชิญบอกกันมาอีกค่ะ ว่าท่านพบเห็นที่ใดอีก...
*มาต้อนรับวิทยากร ที่นี่ครับ ที่นี่ยังไร้แสงสว่าง ขอต้อนรับดาวจรัสแสงแห่งG2K ด้วยความยินดียิ่งครับผม น่าสนใจนะคงจะเป็น ร.ร.เดียวที่นำร่องสู่ความแตกต่าง ต้องติดตามดูผลผลิตต่อไปนะครับ พวกครูอย่างเราๆ คอยควบคุมเรื่องทรงผม เครื่องแบบนักเรียน แล้วบรรยากาศ ของมิตรภาพระหว่าง ครูกับ นักเรียนเสียหายหมด แต่ก็ต้องดูแลกันไป
  • บรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่ไม่แข็งตัวต้องก่อเกิดมาจากใจค่ะ
  • การบังคับ จับผิด ตีกรอบ ทำให้บรรยากาศของการแลกเปลี่ยนค่อย ๆ หดหายไปในที่สุดค่ะ
  • อย่างไรก็ยังคงเป็นกำลังใจให้พี่บัวเสมอค่ะ

รู้สึกดีที่ได้เห็นประกายแห่งคุณธรรมอันจะนำไปสู่สังคมแห่งความสุขกำลังสร้างแนวทางของตัวเองขึ้น แม้จะเป็นประกายที่ยังไม่ลุกโชน แต่คงต้องดำเนินและฝ่าฟันกันต่อไป  จนกระทั่งประกายนั้นจะโชติช่วงด้วยพลังแห่งความดี  .....สู้ สู้ ค่ะ....

  • ขอบคุณคุณ dh_witch มากค่ะ
  • วันก่อนดิฉันได้ดูข่าวจากทีวีช่องหนึ่ง พูดถึงวิกฤติด้านคุณธรรมของเยาวชนสมัยนี้ ซึ่งเขาจัดอันดับของปัญหาไว้ 5 เรื่องด้วยกัน ซึ่งดิฉันจำได้ 4 เรื่อง คือ ฟุ่มเฟือย แต่งตัวโป๊ กล้าแสดงออกมากเกินไป และก้าวร้าว ที่มาของปัญหาเหล่านี้ก็เกิดจากการขาดความรัก มีความรักหรือมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ติดยาเสพติด-เหล้า-บุหรี่ และขาดแบบอย่างที่ดี
  • น่าเป็นห่วงค่ะ ในภาวะเช่นนี้ ... จึงไม่น่าแปลกใจเลยค่ะว่าพ่อแม่สมัยนี้ จึงจำเป็นต้องดิ้นรนเสาะแสวงหาสถานศึกษาที่จะสามารถหล่อหลอม ปลูกฝังให้บุตรหลานของเขาพัฒนาจิตใจ และลักษณะนิสัยใฝ่คุณธรรมได้ค่ะ
  • ความดีที่เริ่มจากจุดเล็ก ๆ กระจายไปหลาย ๆ แห่ง อาจกลายเป็นร่างแหโยงใยที่แข็งแรงได้ค่ะ

พี่ที่ทำงานช่วงนี้ก็มีปัญหาเรื่องหาโรงเรียนให้ลูกเช่นกัน..โดยตอนแรกพี่เลือกให้โดยคิดในแง่ของความมีชื่อเสียงและการมุ่งเน้นเชิงวิชาการ..ในรอบแรกพี่เขาใช้วิธีการให้ลูกสมัครในโควต้าการมีความสามารถพิเศษซึ่งตอนแรกเด้กไม่อยากสมัครแล้วเพราะเหมือนมีการแกล้งหรือกรรมการคัดเลือกบางคนใช้วาจาที่รุนแรงและทำร้ายจิตใจเด็กแต่พี่ก็ใช้ลุกยุท้าทายจนสุดท้ายน้องไปสอบและแสดงความสามารถจนมีอจ.ท่านหนึ่งก็ชื่นชมและเชื่อว่าน้องน่าจะได้เข้าเรียนอย่างแน่นอน

แต่อจ.ก็ไม่รู้ว่าน้องตัดสินใจแล้วว่าถึงสอบได้แต่จะไม่เรียนที่นี่แม้ว่าจะเป็น รร.ดังและเก่าแก่ก็ตามแต่จะขอกลับไปเรียนต่อที่รร.เดิมเพราะเด็กรู้สึกได้รับความสนใจและใส่ใจรวมถึงการให้เกียรติแก่ตัวเขามากกว่า.

.พี่ก็คุยกับลูก(น้อง)ถึงข้อดีและข้อเสีย..สุดท้ายด้วยเหตุผลที่พี่ต้องยอมรับก็คือคนที่จะต้องเรียนคือลูกไม่ใช่แม่หากต้องฝืนใจไปเรียนในโรงเรียนที่เด้กรู้สึกหมดความสุขแล้วเด็กก็ไม่อยากไปเรียน..

ตอนนี้ที่แม่กลุ้มใจอยู่ไม่ใช่เรื่องที่ลูกเข้ารร.ดังไม่ได้หากแต่กลุ้มเพราะต้องอธิบายให้ผู้ที่รู้จักและไถ่ถามว่าเพราะอะไรจึงไม่ให้ลุกเรียนในโรงเรียนที่ดังและมีชื่อเสียงด้านวิชาการ รร.นั้น

P
  • คุณขวัญช่วยไปเปิดดูสอบถาม seangja หน่อยค่ะ
  • คิดว่าคุณแม่น่าจะตอบแบบที่ลูกตอบนั่นล่ะค่ะ อาจมีคนไม่เข้าใจอยู่บ้าง หรือพาลคิดว่าแม่ลูกคู่นี้โง่ไปแล้วหรืออย่างไร
  • จุดสำคัญน่าจะอยู่ตรงที่ความคิดของแม่...ในเมื่อแม่กล้าที่จะยืนเคียงข้างลูกที่กล้าหาญเดินออกนอกกรอบที่สังคมมักตีไว้ ... แม่ควรจะมีความกล้าหาญที่จะเดินต่อไปกับลูก
  • สิ่งที่ดีสำหรับคนอื่น อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ในทางกลับกัน สิ่งที่ดีของเราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่นเช่นกัน อยู่ที่มุมมองของชีวิตค่ะ
  • แม่ควรเลือกที่จะเป็นผู้ประคับประคอง ดูแล ให้กำลังใจลูก แทนการบังคับ กดดัน ทำในสิ่งที่เป็นความต้องการของคนอื่นไหลไปตามสังคมที่บิดเบี้ยว
  • เด็กที่เป็นคนเก่งอย่างเดียวไปไม่รอดค่ะ ต้องเป็นคนดี และที่สำคัญ...มีความสุข เขาจึงจะดำรงตนอยู่ในโลกวันนี้และวันข้างหน้าได้
  • ฝากความชื่นชมไปยังแม่ลูกคู่นี้ และฝากกำลังใจไปยังคนทั้งคู่ด้วยนะคะ

พี่

P

บันทึกของพี่ที่พูดคุยเรื่องโรงเรียน ของท่าน ดร.อาจอง นั้นน่าสนใจมาก ผมเคยชมในโทรทัศน์ครับครั้งหนึ่ง

ผมชื่นชมผู้ปกครองท่านนั้นด้วยครับ ที่ดั้นด้นไปเพื่อที่จะพาลูกน้อย ไปในที่ๆดี เหมาะสมในการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ถือได้ว่าเป็นโอกาสของเด็กยุคนี้นะครับ

ตัวอย่างเหล่านี้คือ อานุภาพของ Blog

ผมก็เจอเหตุการณ์อานุภาพของ Blog บ่อยๆ ครับ

  • ขอบคุณคุณเอกมากค่ะ
  • พี่ชอบคำว่า "อานุภาพของ Blog" ที่คุณเอกพูดถึงจัง! ใช่เลยสำหรับเหตุการณ์นี้
  • พี่รู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้พูดคุยกับคุณอัจฉริยะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พูดคุยกันไม่นานแต่รู้สึกสนิทสนมเหมือนเป็นเพื่อนกัน ยิ่งรู้ว่าภารกิจนี้คุณพ่อทำเพื่อคุณลูกด้วยแล้ว ยิ่งอยากช่วยเหลือค่ะ
  • เลยได้มีโอกาสทำหน้าที่ของศึกษานิเทศก์ (ช่วยเหลือ แนะนำ ให้คำปรึกษา) บุคคลนอกสายงานไปด้วยโดยปริยาย ก็งานนี้ละค่ะ
  • กลางเดือน พ.ค. ที่เขตฯพี่จะจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่มครูชาวสุพรรณฯ เขต 2 ในวันเสาร์-อาทิตย์ 2 วัน ในวันที่สองนั้นพี่ได้ติดต่อทาบทามผู้รู้จากภายนอกหน่วยงาน ช่วยกรุณามาเติมเต็มต่อยอดความรู้ให้กับพวกเรา ตอนนี้ท่านอาจารย์พินิจ พันธ์ชื่น ( อ.Handy) ได้กรุณารับปากมาแล้วท่านหนึ่ง
  • พี่ยังเสียดายคุณเอก ที่อยู่ไกลกันมาก ตอนนี้ทาบทาม คุณน้อง อ.ขจิตไว้ด้วย แต่เห็นทีจะแห้ว เพราะเพิ่งทราบว่าเธอได้รับทุนไปเรียนต่อค่ะ
  • นี่ก็อาจเป็นอานุภาพของ Blog ได้เหมือนกันนะคะ ถ้าไม่มีพื้นที่ตรงนี้ เราคงไม่ได้รู้จักกัน และมีโอกาสได้รับมิตรไมตรีและความกรูณา ให้ความช่วยเหลือกันเช่นนี้
  • ห่างหายจากการเข้าไปแลกเปลี่ยนกับคุณเอกอยู่พอสมควร ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่พี่ยังคิดถึงคุณเอกเสมอค่ะ ยังส่งความปรารถนาดีเป็นแรงใจให้คุณเอกทำงานดี ๆ เพื่อสังคมอยู่เสมอเช่นกันค่ะ อยากบอกว่า..รูปของคุณเอกรูปนี้เหมือนพระเอกหนังเลยค่ะ หล่อแบบสไตล์จีนค่ะ
ด.ช.วรวัฒน์ มีรักษ์

ใครรู้จักวรพิทยาครับ

อยู่ใกล้อำเภอลำปลายมาศแต่ไม่เคยทราบว่ามีโรงเรียนดีดีอยู่ใกล้ใกล้อยากทราบข้อมูลจังเลยค่ะ

สอบถามที่สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน จ.บุรีรัมย ได้กระมังครับ...ผมก็ยังไม่ได้ไปที่ลำปรายมาศเลย...

 

อยู่ใกล้ ๆ หาข้อมูลมาฝากด้วยนะครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท