สัปดาห์ที่แล้วดิฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี หลายคนคงรู้จักกันดี ด้วยเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในด้านการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้แก่นักเรียน โดยมีท่านอาจารย์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เป็นผู้ดูแล การบริหารงานเป็นไปในรูปแบบมูลนิธิ ชื่อว่ามูลนิธิสัตยาไส นักเรียนทุกคนของที่นี่เรียนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ดิฉันเองเคยได้ยินชื่อเสียงของสถานศึกษาแห่งนี้มาบ้าง และเคยพลาดโอกาสไปเยี่ยมชมโรงเรียนนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นในเช้าวันพุธที่ผ่านมาของสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันจึงไม่ยอมพลาดอีก และไม่ผิดหวังเมื่อไปพบเห็นเด็ก ๆ ของที่นี่ด้วยตนเอง
ช่วงเช้าเราได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งท่านอาจารย์ ดร.อาจอง เป็นครูประจำชั้น และเป็นผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ และวิชาคณิตศาสตร์เอง ซึ่งท่านบอกว่าท่านเองมีหน้าที่นำพาให้เด็ก ๆ เหล่านี้เข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาเด็ก ๆ สามารถสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ 100 % ส่วนรุ่นนี้ได้เข้าเรียนต่อในสถาบันต่าง ๆ ด้วยวิธีสอบตรงเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่ 2 คนที่ยังสอบเข้าไม่ได้ ซึ่งเพื่อน ๆ กำลังช่วยกันติวให้อยู่ และคาดว่าไม่น่าเป็นห่วง
จากการซักถามข้อมูลและความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ เราพบความพิเศษที่ต่างไปจากเด็กเก่งที่เราพบเห็นทั่วไปในเด็กกลุ่มนี้ คือ ความเก่งที่มีอยู่คู่กับคุณธรรมประจำใจ ที่เป็นอย่างนี้ได้ สังเกตว่าเป็นเพราะที่นี่มุ่งปลูกฝัง หล่อหลอมให้เด็กเป็นคนดีเสียก่อน ความเก่งก็จะตามมาในภายหลังได้
โดยให้ความสำคัญกับเรื่องจิตใจเป็นอันดับแรก ทุกเช้าตรู่เวลา 05.30-06.30 น. เด็ก ๆ ทั้ง 363 คน ตั้งแต่ชั้น ป.1-ม.6 (นักเรียนกินนอน ยกเว้นระดับอนุบาลให้ไป-กลับ) จะมาสวดมนต์นั่งสมาธิพร้อมกัน (ทุกชั่วโมงเรียนก็จะสวดมนต์นั่งสมาธิด้วย แต่เป็นอย่างย่อ)
การสวดมนต์ไม่ได้เป็นทำนองสรภัญญะแบบบ้านเรา แต่มีทำนองคล้าย ๆ การร้องเพลง ส่วนการทำสมาธิเป็นการฝึกจิตมุ่งไปที่แสงสว่าง ให้นำแสงสว่างไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เริ่มตั้งแต่หัว ตา หู ลิ้น แขน มือ ขา แล้วสอนให้คิดดี มองแต่ส่วนดี ฟังแต่เรื่องดี พูดแต่เรื่องดี ทำแต่เรื่องดี และก้าวไปในทิศทางที่ดี ตามลำดับ จากนั้นนำแสงสว่างกลับมาที่หัวใจ กลายเป็นความสุขใจมอบให้กับตัวเอง พ่อแม่พี่น้องและเพื่อนรอบข้าง
คำสอนเหล่านี้เป็นไปตามแนวคำสอนของท่านไสบาบา (อธิการบดีของสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ผู้นำความคิดและการสอนธรรมะ โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นศาสนาใด มุ่งสอนให้มีความรัก ความกรุณา ความเมตตา รับใช้เพื่อนมนุษย์ ค้นคุณค่าความเป็นมนุษย์ และอยู่กับธรรมชาติ
ในการสวดมนต์นั่งสมาธินี้ เริ่มปลูกฝังตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจเท่าใดนัก นั่งไปหลับไป แต่การปฏิบัติเป็นประจำจะช่วยสร้างนิสัย และเป็นกิจวัตรประจำวันไปได้ในที่สุด เมื่อเขาโตขึ้นก็จะค่อย ๆ เรียนรู้ความหมายของการกระทำเหล่านั้นได้
ดิฉันมีความเห็นว่า ข้อได้เปรียบของการฝึกฝนคุณธรรมของที่นี่ คือการตัดวงจรของที่บ้านไป ดิฉันหมายถึงนักเรียนจะอยู่ในโรงเรียนตลอด 24 ชั่วโมง ปีหนึ่งจะอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านได้ 2 ครั้งในช่วงปิดภาคเรียน เสาร์-อาทิตย์ ผู้ปกครองสามารถพาลูกไปทำธุระได้ แล้วพากลับมาส่ง เด็กจะมีเวลาอยู่ในโรงเรียนเป็นส่วนใหญ่ การหล่อหลอมและฝึกฝนอย่างจริงจังจึงทำได้ง่ายกว่าในโรงเรียนปกติที่อยู่โรงเรียนฝึกอย่างหนึ่ง กลับไปบ้านทำอีกอย่างหนึ่ง
รวมถึงส่วนหนึ่งเป็นเพราะเด็กทุกคนของที่นี่ที่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่มีความคาดหวังให้ลูกเป็นคนดี ถือเป็นต้นทุนหนึ่งของการพัฒนา ข้อมูลนี้ทราบได้จากการสัมภาษณ์พ่อแม่เพื่อให้ลูกได้เข้าเรียน ที่นี่เวลารับนักเรียนเขาจะไม่มีการทดสอบเด็ก แต่จะทดสอบพ่อแม่โดยการสัมภาษณ์ ถ้าพ่อแม่ผ่าน ก็ถือว่าลูกสอบผ่าน และจะรับนักเรียนใหม่เฉพาะช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-ป.3) เท่านั้น ช่วงชั้นอื่น ๆ จะเป็นนักเรียนเดิมที่เลื่อนชั้นขึ้นไป จะไม่รับระหว่างปีเพราะโรงเรียนอยากได้เด็กเล็ก ๆ ไปฝึกมากกว่า
ข้อสังเกตที่พบเห็นอีก คือ เด็กที่นี่จะมีความมั่นใจในตัวเอง พูดจาฉลาด และเก่งภาษาอังกฤษ เพราะมีชาวต่างประเทศมาทำหน้าที่ครูอาสาสมัครอยู่ตลอดเวลา บางส่วนเป็นครูประจำรับเงินเดือนจากมูลนิธิเช่นเดียวกับครูไทย ซึ่งมีไม่มาก ครูต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มาร่วมศึกษาเรียนรู้จากห้องเรียนจริงเพื่อนำไปจัดการศึกษาในบ้านเมืองเขา กลุ่มนี้จะเป็นครูอาสาสมัครให้กับที่นี่ ซึ่งมีอยู่ไม่เคยขาด โดยพวกเขาจะไม่รับค่าตอบแทนใด ๆ
ครูทุกคนจะอยู่ประจำที่โรงเรียน มูลนิธิจะมีเงินสนับสนุนให้ครูปลูกบ้านอยู่บนพื้นที่แห่งนี้และสามารถพาครอบครัวมาพักอาศัยอยู่ด้วยได้ มีอาณาบริเวณของบ้านที่ครูจะปลูกพืชผักสำหรับรับประทาน เน้นว่าที่นี่จะทานมังสวิรัติทั้งเด็กและครู อาหารที่รับประทานจะมีทั้งปลูกเองทั้งหมด เช่น ข้าว หรือมีทั้งปลูกเองและซื้อมาเสริม ได้แก่พืชผักทั้งหลาย พืชที่ปลูกมากจนสามารถนำมาสกัดน้ำมันใช้เองได้ คือ ต้นละหุ่ง หากจะดูตัวอย่างของความพอเพียง ที่นี่ก็มีภาพนั้นให้คุณเห็น บนพื้นที่กว่า 200 ไร่
การปลูกฝังคุณธรรมนั้น ที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่การพร่ำสอน หากอยู่ที่การเห็นตัวอย่างและได้ลงมือปฏิบัติจริงเป็นประจำจนเกิดเป็นนิสัย คุณครูของที่นี่จะปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างแก่นักเรียน รุ่นพี่ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างแก่รุ่นน้อง อยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความเมตตา เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น
จะสร้างเด็กสักคนให้เป็นคนดีของสังคม ทำได้ไม่ง่ายนัก โรงเรียนสัตยาไสเปิดดำเนินการมาถึง 15 ปี ขณะนี้มีผลผลิตที่แสดงให้สังคมเห็นถึงความสำเร็จจากนักเรียนที่จบการศึกษาในชั้น ม.6 มาสามรุ่นแล้ว บุคคลสำคัญที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของครูและนักเรียนก็คือ ท่านอาจารย์ ดร.อาจอง นั่นเอง สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่าผู้บริหารสถานศึกษาต้องมุ่งมั่น คุณครูทุกคนต้องเสียสละทุ่มเท ต่อเนื่องยาวนานจึงจะเห็นผลได้
แม้จะมีส่วนพัฒนาเยาวชนได้เพียงสามร้อยคนเศษ เมื่อเปรียบกับประชากรทั้งประเทศก็เป็นแค่เศษเสี้ยว แต่ที่นี่ทำแล้ว หากทุกโรงเรียนมองเห็นความสำคัญที่แท้จริงในการพัฒนามนุษย์ ไม่เพียงแค่เป็นไปตามกระแสเรียกร้องให้คุณธรรมกลับมา ก็น่าคิดว่า วันนี้เราเริ่มฝึกฝนพัฒนาคุณธรรมให้ลูกศิษย์ของเราอย่างจริงจังแล้วหรือยัง
ขอขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะที่นำเรื่องดี ๆ แนวคิดและการกระทำของนักคิดระดับประเทศ ซึ่งมากด้วยคุณค่ามาถ่ายทอด อยากให้บุคลากรทางการศึกษาได้รับรู้เรื่องดี ๆ เช่นนี้มากเลยค่ะ
เมื่อคืนดิฉันมีโอกาสดูรายการ The ICON ปรากฏการณ์ คน จากช่อง ๙ ของคุณดู๋สัญญา ได้รับฟังแนวคิด ในการจัดทำโรงเรียนของท่านมีชัย ซึ่งต้องการพัฒนาเด็กในดินแดนทุรกันดาร แล้วทึ่งมาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เน้นกระบวนการคิดและชุมชนผู้ปกครองมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ดีใจจังได้รับทราบแนวคิดดี ๆ การกระทำดี ๆ ของคนไทยที่เป็นนักคิดของประเทศถึง ๒ ท่านด้วยกัน
สนใจมากเลยค่ะ คิดว่าต้องหาโอกาสตามรอยอาจารย์ปวีณาบ้างเช่นกันค่ะ
น่าประทับใจและตื่นเต้นมากครับ
.............
โรงเรียนเป็นแหล่งเพาะต้นกล้า หากดินอุดม คนดูแลดี ต้นกล้าที่เติบใหญ่ก็จะเเข็งแรง ต่อไป
เพียงหกร้อยคนเศษ แต่นับว่าเป็น ส่วนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ คนหกร้อยกว่าคนที่เป็นคนที่มีคุณธรรมนอกเหนือจากมีความรู้ - เก่ง
อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียนนี้มากขึ้นครับ
รู้สึกว่า ผมเคยชมรายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียนนี้ทางโทรทัศน์แล้วครับ เห็น อ.ดร.อาจอง กับเด็กๆ ที่คลอเคลีย น่ารัก
น่าสนใจมากครับ
เรียนคุณปวีณา
ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดี ๆ ค่ะ
น่าคิดนะคะว่าโรงเรียนนี้ ทำอย่างไรถึงทำให้วิชาการกับคุณธรรม ไปด้วยกันได้ ที่สำคัญเขามีแนวทางการพัฒนาครูผู้สอนอย่างไร ถึงได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กได้
ครูหลาย ๆ โรงเรียน ถ้ามีแนวทางแบบครูโรงเรียนนี้ ก็คงจะดีนะคะ
ตามมาอ่านเรื่องเล่าดีๆ ขอบคุณมากค่ะ ในงานมหกรรม ก็ได้ฟังในห้องที่อาจารย์ ดร.อาจองบรรยาย แล้วก็ได้ดูการสัมภาษณ์ ดร.อาจอง ในรายการ ICON ช่องเก้า มาอ่านบันทึกของคุณปวีณา ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความงดงามของสัตยาไส อยากให้โรงเรียนอื่นๆ นำแนวคิดและแนวทางของสัตยาไสไปปรับใช้ เด็กไทยคงจะมีความสุขกับการเรียนมากกว่านี้หลายร้อยเท่า
ขอบคุณเรื่องเล่าดีๆ...โรงเรียนนี้อยู่ในความสนใจอยากรู้กระบวนการของเขา..เพียงแต่คิดก็มีคนเล่าให้ฟัง...เสนห์ Go2k นะคะเนี่ย..
ตกลงอาจารย์ปวีณาสอนโรงเรียนสัตยาไสหรือปล่าวครับ...555
ผมพี่งได้ยินข่าวเมื่อปีที่แล้ว...คิดฝันอยู่เหมือนกันว่าคงได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่นั่นซักครั้ง...
ไม่ทราบว่าควรใช้รูปแบบ-ช่องทางใดเข้าไปเรียนรู้ได้ครับ...ช่วยแนะนำด้วยครับ...ผมอาจจะพาทีมน้อง ๆ ในสถาบันไปซัก 5-6 คน...น่าจะขอดูกิจกรรมหลัก ๆ ทั้งหมดอ่ะครับ...ควรใช้เวลากี่วัน-ช่วงไหนดีครับ...
มีหลานสาวซึ่งถูกพ่อแม่ของตนทิ้งให้อยู่กับป้า แต่เนื่องจากป้าไม่ค่อยมีเวลาอบรมสั่งสอน จึงทำให้เด็กเป็นคนที่ก้าวราว เอาแต่ใจตนเอง อยากให้เค้ามีจิตใจที่ดี กล้าทำในสิ่งที่ถูกที่ควร ปัจจุบันไม่ยอมไปโรงเรียนไม่ทราบว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ตอนนี้อายุประมาณ 11 ปี แล้วเรียนอยู่ชั้น ป.4 แต่ก็ไม่ยอมไปโรงเรียนเหมือนเดิม ทางโรงเรียนของท่านพอที่จะรับนักเรียนคนนี้อีกสักคนได้ไหมค่ะ สงสารแกพ่อแม่มีก็เหมือนไม่มี คนทางบ้านก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ เพราะต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ขอให้ทางโรงเรียนช่วยเด็กคนนี้ให้เป็นคนดีอีกสักคนนะค่ะจะเป็นพระคุณอย่างสูง
ไม่เกิน 3 วันครับ.....55555(อาจารย์คงจะ...33333333...อิอิ)
ผมกำลังจะถูกให้รับผิด....ชอบ....เรื่องคุณธรรมจริยธรรมอ่ะครับ...ขอคุยกับทีมก่อน...พร้อมแล้วจะนัดไปนะครับ...
โทษทีครับอาจารย์...พอดีผมช่วยสมัครให้พี่เขาแล้วลืมออกก่อน....55555
อยากให้เขาอ่านบล็อกอาจารย์เลยเอาขึ้นทำเนียบให้เขาแล้วลืมตัว...นึกว่าเป็นของตัวเอง...อิอิ
ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า ควรจะพัฒนาเด็กให้เป็นคนดีอย่างจริง จัง จริง ใจ ให้เขาเป็นพลังของดแผ่นดิน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าปัจจุนบันเราสร้างสื่อที่เป็นขยะให้เด็กอย่างเราๆ มากเหมือนที่ท่าน ดร.อาจองเคยกล่าว ข้าพเจ้าได้ฟังก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ถ้าเราไม่ปลูกฝังความดีให้เจริญงอกงามกับเด็กของเรา สังคมก็วุ่นวายและโหดร้ายในพริบตา ข้าพเจ้าก็หวังว่าจะมีโอกาสได้เห็นโรงเรียนแบบนี้งอกเงยขึ้นบนแผ่นดินนี้ สร้างคนดีมาดูแลโลกของเรา...
สวัสดีค่ะ
ต้องการทราบว่าเมื่อเปิดโรงเรียนแล้วทำไมไม่รับเด็กอื่นด้วย ถ้าเปิดโรงเรียนแล้วเอาเด็กของเดิมเรียนไปเรื่อย ๆ เด็กอื่น ๆ จะมีโอกาสได้อย่างไร ไม่เข้าใจเปิดเพื่ออะไร