วิตะมิน-สารต้านอนุมูลอิสระ แบบไหนดี


เราๆ ท่านๆ คงจะพบเห็นนักกินวิตะมินคราวละ 1-2 ฝ่ามือมาแล้วไม่มากก็น้อย… วันนี้มีข่าวดีสำหรับพวกเราที่ใส่ใจสุขภาพกันครับ…

Hiker

เราๆ ท่านๆ คงจะพบเห็นนักกินวิตะมินคราวละ 1-2 ฝ่ามือมาแล้วไม่มากก็น้อย… วันนี้มีข่าวดีสำหรับพวกเราที่ใส่ใจสุขภาพกันครับ…

สำนักข่าวบีบีซี และสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลการศึกษาทบทวนผลการวิจัยจากทีมวิจัย มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก

คณะผู้ศึกษาวิจัยได้ทบทวนผลการศึกษาวิจัยเรื่องวิตะมิน (vitamins) และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) 815 รายงาน

การศึกษาดังกล่าวทบทวนผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับวิตะมินยอดนิยมได้แก่ วิตะมินเอ วิตะมินอี วิตะมินซี และเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีคนกินกันทั่วโลกหลายสิบล้านคน

สถิติพบว่า คนในทวีปอเมริกาเหนือ(อเมริกันและแคนาดา) และทวีปยุโรป 10-20% หรือประมาณเกือบ 160 ล้านคนกินวิตะมินเป็นประจำ และมีแนวโน้มว่า จะมีคนกินวิตะมินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผลจากการศึกษาทบทวน (review) พบว่า รายงานการศึกษา 815 รายงานมีเพียง 68 รายงานที่ใช้วิธีการวิจัย และจำนวนกลุ่มตัวอย่างถูกต้องทางสถิติ

เมื่อทำการทบทวนซ้ำ… คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนได้ตัดรายงานการศึกษาเรื่องวิตะมิน และสารต้านอนุมูลอิสระที่ขาดมาตรฐานออกไปอีก 21 รายงาน

ผลการศึกษาออกมาแบบนี้ครับ…

  • การกินวิตะมินซี (vitamin C) และธาตุเซเลเนียม (selenium) เสริมไม่ช่วยให้อายุยืนขึ้น และไม่ลดความเสี่ยงจากโรค เช่น หวัด ฯลฯ

โบราณท่านว่า "ความวัวยังไม่หาย ความควายก็เข้ามาแทรก" ฉันใด เรื่องวิตะมินก็ฉันนั้น เพราะมีวิตะมิน (vitamins) และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่เพิ่มอัตราตาย (death risk) มากขึ้นดังตาราง (ตารางที่ 1)

    ตารางที่ 1: วิตะมินและสารต้านอนุมูลอิสระเสริมที่เพิ่มอัตราตาย (death risk)

วิตะมิน (vitamin)

ร้อยละของอัตราตายที่เพิ่ม (%)

เบต้าแคโรทีน (beta-carotene)

7

วิตะมินเอ (vitamin A)

16

วิตะมินอี (vitamin E)

4

กล่าวโดยรวมแล้ว... คนที่กินวิตะมินและอาหารเสริมมีอัตราตายเพิ่มขึ้น 5 % เมื่อเทียบกับคนที่ไม่กิน

อาจารย์ดอกเตอร์แฟรงคี ฟิลลิปส์ แห่งสมาคมนักโภชนาการสหราชอาณาจักรกล่าวว่า "เรารู้แล้วว่า การกินวิตะมินและอาหารเสริมไม่อาจ (ไม่มีคุณค่าพอ) แทนที่อาหารที่กินสมดุลกันอย่างพอดีได้ (

We already know that taking supplements isn’t in any way a replacement for a good balanced diet.’) <p>เดิมคนตะวันตกมักจะเชื่อว่า "มากไว้ละดี (The more, The better.)" เช่น กินเนื้อ กินนม กินไข่มากไว้ละดี ฯลฯ </p>

ต่อมาเมื่อพบโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน เส้นเลือดสมองตีบ-แตกตัน (อัมพฤกษ์-อัมพาต) ระบาดไปทั่วโลก…

ความนิยมสุดโต่งก็พลิกกลับไปอีกด้านหนึ่ง กลายเป็นความคิดที่ว่า "กินวิตะมิน กินสารต้านอนุมูลอิสระมากไว้ละดี" บริษัทยาและพ่อค้าแม่ค้าขายวิตะมิน-อาหารเสริมเลยรวยกันใหญ่

</font><p></p>คำแนะนำทั่วไปในการกินวิตะมิน (vitamins) และสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ได้แก่ ควรกินสารอาหารจากธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องไปกินสารอัดเม็ด หรือสารสกัดเข้มข้นอะไรเลย <p>การกินข้าวกล้องหรือขนมปังจากธัญพืชไม่ขัดสี (whole wheat / โฮลวีท) เป็นหลัก แถมด้วยผักมากน้อย ผักครึ่งหนึ่ง อย่างอื่นครึ่งหนึ่งยิ่งดี…</p>

การกินอาหารให้หลากหลาย หมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันไปน่าจะดีที่สุด… กินให้ครบทั้งข้าวกล้อง ถั่ว งา ผัก และผลไม้ แถมปลาอีกสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

</font><p>ควรหลีกเลี่ยงการกินวิตะมินขนาดสูง โดยเฉพาะวิตะมินที่ละลายในน้ำมัน (A, D, E, K) ซึ่งร่างกายขับออกทางปัสสาวะไม่ได้</p><p></p>ถ้ากินวิตะมินรวม… ควรกินพร้อมอาหาร เนื่องจากวิตะมินหลายตัวต้องอาศัยน้ำมันในอาหารช่วยละลายวิตะมิน และช่วยในการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด <p>ทางสายกลางนั่นละดี… เพราะ "ดี" อย่างเดียวไม่พอ น้อยไปหรือมากไปมักจะไม่ดี ต้องขอ "พอดี" ด้วย…</p>

    แหล่งที่มา:

  • ขอขอบพระคุณ (thank) > สำนักข่าวบีบีซี > Vitamins ‘could shorten lifespan’. > [ Click - Click ] > February 27, 2007. // source: JAMA.
  • ขอขอบพระคุณ (thank) > สำนักข่าวรอยเตอร์ > Michael Conlon. Antioxidant supplements tied to death risk. > [ Click - Click ] > February 28, 2007.
  • ขอขอบพระคุณ (thank) > สำนักข่าวรอยเตอร์ > Health blog post from Bill Lloyd M.D. Anti-oxidants? WebDM Medical Blogs. > [ Click - Click ] > March 6, 2007.
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ จัดทำ > ๒ มีนาคม ๒๕๕๐ > ปรับปรุงแก้ไข > ๒๔ เมษายน ๕๐.
  • เชิญอ่าน "บ้านสาระ" ที่นี่ > http://gotoknow.org/blog/talk2u

</font>

หมายเลขบันทึก: 81575เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2007 11:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
  • ตามมาอ่าน
  • ข้อมูลบอกว่า วิตะมินซี
  • มีมากในมะขามป้อม จริงหรือเปล่าครับ
  • ขอบพระคุณมากครับ

ขอขอบคุณอาจารย์ขจิตและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ข้อมูลจาก Thai food composition tables สถาบันวิจัยโภชนาการ มหิดล... (คุณสุภา เกียรติก้องแก้ว - นักโภชนาการเอื้อเฟื้อข้อมูล)

ต่อไปเป็นปริมาณวิตะมินซี (มิลลิกรัม) ต่ออาหาร 100 กรัม...

  • มะขามป้อม 243, มะขามเทศ 44, มะขามหวาน 75
  • สับปะรด 7
  • ส้มเกลี่ยง 65, ส้มเขียวหวาน 15, ส้มจุก 38, ส้มเช้ง 34, ส้มโอ 52
  • สรุปง่ายๆ คือ มะขามป้อมมีระดับวิตะมินซีธรรมชาติสูง (คล้ายๆ กับฝรั่ง)

ความจริง...

  • คนไทยไม่ค่อยจะขาดวิตะมินซีกันหรอกครับ...
  • สิ่งที่คนไทยขาดบ้าง (ส่วนใหญ่เป็นเด็ก + คนสูงอายุที่ยากจน หรือกินอาหารซ้ำซาก) ได้แก่ ธาตุเหล็ก วิตะมินเอ วิตะมินบี (โดยเฉพาะวิตะมินบี 1)

ขอขอบคุณครับ...

ราณีเคยบอกคุณหมอไปบ้างแล้ว เรื่องผิวแห้งค่ะ แต่พอเข้าหน้าร้อน ก็ยังแห้งอยู่จะกินวิตามินแบบไหนดีค่ะ จริง ๆ แล้ว เวลาอาบน้ำตอนนี้ใช้น้ำเย็นแล้ว ใช้สบู่เหลวแบบน้ำนมก็แล้ว แถมหลังอาบน้ำเสร็จใช้ oil ด้วย ผิวก็ยังแห้งอีกทำไงดีค่ะ ฮือ ๆ ๆๆๆ(ใช้ลูกอ้อน) อีก 1คำถามนะค่ะ แล้วราณีต้องกินวิตามินอะไรดีค่ะ เคยกินวิตามิน E แล้วพอรู้ว่าเป็นอันตรายก็ไม่กล้ากิน
  • อาจารย์ครับ เพื่อนซื้อวิตามิน C มาฝาก (blackmore 1000 mg) ผมก็เล่นกินวันเว้นวันหรือทุกวันเลยครับ ตอนเป็นหวัดตะบันกินเช้ากินเย็ฯ ต่อไปต้องกินให้พอดี ๆ บ้างครับ

ขอขอบคุณอาจารย์ Ranee และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • เรื่องผิวหนังนี่... ถ้าทำอะไรหลายๆ อย่างแล้วไม่ดีขึ้น เรียนเสนอให้เรียนถามท่านอาจารย์หมอสุข อาจารย์แพทย์ศิริราช
  • (1). เรียนถามท่านที่นี่...
  • http://gotoknow.org/ask/mcreme
  • (2). หรือถามผ่านบล็อกของท่าน...
  • http://gotoknow.org/blog/skin

วิตะมิน หรืออาหารเสริม... 

  • เรียนเสนอให้ทาน...
    (1). แคลเซียม เพื่อป้องกันกระดูกโปร่งบาง เช่น นมไขมันต่ำ โยเกิร์ต ถั่วเหลือง / ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง ผักใบเขียว งา (งาดำมีแคลเซียมมากกว่างาขาว) ฯลฯ หรือยาเม็ดก็ได้
    (2). ถ้าทานนมถั่วเหลือง... คงต้องใช้ 2-3 แก้ว/วันขึ้นไป เนื่องจากมีแคลเซียมน้อยกว่านมสัตว์ และน้อยกว่าเต้าหู้ (เต้าหู้แข็งจะมีแคลเซียมสูงกว่าเต้าหู้อ่อน และเต้าหู้ส่วนใหญ่มีแคลเซียมมากกว่านมถั่วเหลือง)
    (3). เดิน วิ่ง หรือออกกำลังให้มีแรงกระแทกนิดหน่อยทุกวัน เช่น กระโดดเชือก ฯลฯ + ยกของบ้าง เช่น ถือขวดน้ำ 0.5-1 ลิตรแกว่งไปมา เพื่อให้กระดูกแข็งแรงทุกส่วน
    (4). รับแดดช่วงเช้า (ก่อน 08.00 น.) หรือช่วงเย็น (หลัง 16.00 น.) บ้าง เพื่อเพิ่มระดับวิตะมินดี (ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม)
    (5). พื้นฐานของวิตะมิน-สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีน่าจะมาจากอาหารครบส่วน โดยเฉพาะข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ งา ถั่ว เห็ด...

ขอขอบคุณครับ...

ขอขอบคุณ... คุณ Aj Kae และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • การกินวิตะมินขนาดสูง เช่น วิตะมินซี ฯลฯ ถึงแม้จะไม่มีโทษ หรือพิษภัยอะไรชัดเจน
  • ทว่า... ร่างกายมีแนวโน้มจะปรับตัว เพื่อป้องกันการได้รับสารมากเกิน โดยการลดเปอร์เซ็นต์ของการดูดซึม เช่น สมมติเดิมดูดซึม 30% พอได้ขนาดสูงนานๆ อาจจะลดการดูดซึมเหลือ 3% ฯลฯ

ทีนี้...

  • ทีนี้... ถ้าหยุดกินขึ้นมาทันที อาจจะทำให้เกิดอาการขาดวิตะมินได้
  • การลดวิตะมินขนาดสูงจึงควรลดระดับลงช้าๆ เช่น ลดจากวันละ 1,000 มิลลิกรัม > 500 > 250 > 125...

ขอขอบคุณครับ...

กราบสวัสดีครับอาจารย์

อาจารย์ครับผมมีคำถามจะถามนิดหนึ่งครับ คำถามผมคือว่าการวิจัยที่ลงวารสารแพทย์นั้นโดยเฉพาะทางตะวันตกนั้น คนที่มาร่วมในการวิจัยก็คงเป็นคนตะวันตก แต่กับคนตะวันออกนั้นผลการวิจัยมันจะสามารถใช้ได้เหมือนกันหรือเปล่าครับ ยกตัวอย่างเช่นยาบางชนิดใช้กับคนตะวันตกได้ดี แต่พอมาใช้กัยคนไทยแล้วอาจจะไม่ค่อยได้ผลนะครับ ในเมื่อคนตะวันออกกับคนตะวันตกนั้นทั้งลักษณะทางกายภาพของร่างกายนั้นต่างกัน สภาพภูมิอากาศที่ต่างกัน รวมไปถึงอาหารที่ต่างกัน ขอบพระคุณมากครับ

  • คุณหมอไวมากเลยครับ ที่หยิบข่าวนี้มาพูดถึง
  • เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของกลุ่มคนที่เรียนสูง หรือรักสุขภาพ เพราะจะขวนขวายกินป้องกันมากเกินงาม

คุณหมอขา หนูกำลังคิดว่า
จะพกวิตะมินไปกินเมืองนอกพอดี
เพราะอยู่ที่นั่น อาหารการกิน ลำบากอยู่ค่ะ
เจ้าของบ้านเค้าไม่ค่อยกินผัก ...
กินแต่ของทอด Fish and Chips อาหารชาวกีวีน่ะค่ะ
หนูเอาไปกินได้แต่กินพร้อมมื้ออาหารน่าจะดีใช่ไหมคะ
...

ดิฉันชอบอ่านบันทึกของท่านค่ะ...และอยากให้หลายๆท่านได้อ่านด้วยเพราะ อาจารย์ update ให้อยู่เรื่อยๆเลย..ขอบคุณค่ะ

อาจารย์หมอคะ

  • ดูๆแล้ว - -ธรรมชาติดีที่สุด ใช่หรือเปล่าคะ
  • ไม่ต้องเพิ่มหรือเสริมอะไรมากไป

ขอขอบคุณ... คุณ "ไปอ่านหนังสือ" และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ข้อสังเกตที่คุณยกมาเป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจมาก
  • คนตะวันออกและคนตะวันตกมีอะไรที่ต่างกันทางชีววิทยาเหมือนกัน ทว่า... มีน้อยมาก

ตัวอย่าง...

  • ตัวอย่าง เช่น คนอาฟริกันกินอาหารมีเส้นใยจากพืชสูง ทำให้ไม่ค่อยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ฯลฯ
  • เมื่อคนอาฟริกัน (อาฟริกัน-อเมริกันผิวดำ) ถูกจับ หรือถูกบังคับไปขายเป็นทาส และมีลูกหลานอยู่ในอเมริกา...
  • ผลปรากฏว่า คนรุ่นลูกรุ่นหลานเป็นมะเร็ง เบาหวาน ความดันเลือดสูงมากกว่าฝรั่ง (คอเคเชียน) เสียอีก
  • นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ว่า พันธุกรรมมีผล ทว่า... น้อยมากเมื่อเทียบกับพฤติกรรม + สิ่งแวดล้อม

ตัวอย่าง...

  • คนญี่ปุ่นกินอาหารแบบญี่ปุ่น มีข้าวขาว ปลาทะเล ผัก ผลไม้ ถั่วเหลือง+เต้าหู้... ไม่ค่อยเป็นมะเร็ง + อายุยืน
  • คนญี่ปุ่นที่อพยพไปอยู่ฮาวาย หรือแผ่นดินใหญ่อเมริกากลับป่วยเพิ่มขึ้นคล้ายๆ คนอเมริกัน
  • นี่เพราะอาหาร + พฤติกรรมมีบทบาทมากกว่าพันธุกรรม

ขอขอบคุณครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ wwibul และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • การทบทวนผลงานวิจัยของทีมงานมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนเป็นเรื่องน่าสนใจมาก และได้ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (JAMA)
  • ไม่นานมานี้มีอาจารย์แพทย์ไทยทบทวนก็ปรากฏว่า พวกยาเม็ด + สารสกัดไม่มีประโยชน์เช่นกัน

วิตะมิน...

  • เรื่องวิตะมิน + อาหารเสริม + สารต้านอนุมูลอิสระมีผลประโยชน์แอบแฝงจากบริษัทยา และพ่อค้าแม่ค้าวิตะมินมากเหลือเกิน

คุณแม่...

  • คุณแม่ผม (คงจะเล่าได้ เพราะท่านเสียชีวิตไปแล้ว) กินวิตะมินอี (vitamin E) เสริม ปรากฏว่า เกิดการตกเลือดทางช่องคลอด ซึ่งมักจะพบในคนไข้มะเร็งเยื่อบุมดลูก

ขูดมดลูก...

  • ไปขูดมดลูก... อาจารย์หมอบอกไม่พบมะเร็ง + ไม่พบสาเหตุที่อธิบายสาเหตุของการตกเลือดได้ (เช่น เยื่อบุมดลูกหนาตัวผิดปกติ / endometrial hypertrophy ฯลฯ)

ตัดมดลูก...

  • อาจารย์หมอแนะนำให้ตัดมดลูกทิ้ง เพื่อตรวจหามะเร็งใหม่อีก
  • ตกลงต้องตัดมดลูกทิ้ง
  • เสียเลือด เสียเวลา เสียเงิน และเสี่ยงชีวิต เพราะคุณแม่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง (COPD)

ขอขอบคุณครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์อ้อมและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ถ้าอาจารย์ไปอยู่เมืองนอก + มีโอกาสทานผัก ผลไม้ ถั่ว งา เห็ดน้อย...
  • เรียนเสนอให้ลองทานน้ำผัก น้ำผลไม้ดู ซึ่งมีอยู่มากมาย

น้ำผัก-ผลไม้...

  • น้ำผัก-ผลไม้ 100% อาจจะสูญเสียวิตะมินไปเล็กน้อย ทว่า... สารพฤกษเคมี (phytochemicals) น่าจะอยู่เกือบครบ 100%
  • ข้อดีของน้ำผัก-ผลไม้คือ สะดวก รวดเร็ว และช่วยให้ได้สัดส่วนของผัก-ผลไม้ครบ 5 ส่วน (servings) ต่อวัน
  • น้ำผัก-ผลไม้ 1 ส่วนบริโภคมีขนาดประมาณ 160 มิลลิลิตร (น้อยกว่าส่วนบริโภคมาตรฐานที่มีค่าประมาณ 240 ml. เนื่องจากเวลานำผัก-ผลไม้ไปคั้น จะได้น้ำน้อยกว่าปริมาตรเดิม

นิวซีแลนด์...

  • นิวซีแลนด์มีกีวี (Kiwi) มาก...
  • กีวีเดิมมาจากเมืองจีน นิวซีแลนด์พัฒนาพันธุ์ใหม่ ได้พันธุ์ที่คุณภาพสูง
  • กีวีเป็นผลไม้ที่มี 2 สี... ด้านนอกสีน้ำตาล ด้านในสีเขียว
  • คนเราควรจะทานผัก-ผลไม้ให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 สี
  • ถ้าทานกีวีก็จะได้ไปแล้ว 2 สี + กีวีมีน้ำตาลต่ำ + กีวีมีเส้นใย(ไฟเบอร์)สูงมาก
  • เรียนเสนอให้ทานกีวีเสริมครับ...

วิตะมิน...

  • วิตะมิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ... ส่วนใหญ่ดูดซึมได้ดีกว่าเมื่อทานพร้อมอาหาร
  • เรียนเสนอให้อาจารย์นำเครื่องเทศไปบ้าง เพื่อให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ โดยเฉพาะพริกแห้ง ขมิ้น ผงกะหรี่...

ขอขอบคุณครับ

ขอขอบคุณอาจารย์กฤษณาและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ขอขอบคุณที่กรุณาแวะมาเยี่ยมเยียน + ให้กำลังใจ...

บันทึก...

  • บันทึกใน "บ้านสุขภาพ" + "บ้านสาระ" จะมีการปรับปรุงแก้ไข (update) เมื่อมีข้อมูลใหม่ หรือมีท่านผู้อ่านให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
  • พวกเรา (ทั้งท่านผู้อ่าน ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และผู้เขียน) ต่างมีส่วนร่วมในการปรับปรุงแก้ไข (update) ด้วยกันครับ...

ขอขอบคุณ...

สวัสดีค่ะ ขอบพระคุณที่กรุณานำข่าวสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาฝากค่ะ

ในเมื่อมีท่านอาจารย์หมออยู่ตรงนี้แล้ว จะขอความกรุณาเรียนปรึกษาว่า  น้องชายคนเล็ก เป็นภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อยมากๆๆ แทบทุกๆ วัน ตอนนี้ก็ทานนมสดแทนน้ำ แต่อาการเป็นหวัดก็ไม่ลดหายไปเลย ดังนั้นอยากจะเรียนถามว่า  จะให้เค้าทานอะไรดีที่สามารถช่วยลดอาการภูมิแพ้ตรงนี้ได้

หมายเหตุ น้องชายหนูได้พยายามทานพวกวิตามินซีในรูปแบบต่าง ๆ มาบ้างแล้ว เช่นนมเปรี้ยวหรือวิตามินที่เป็นเป็นเม็ด ไม่ทราบว่านอกจากนี้จะมีวิธีใดที่ทำให้อาการภูมิแพ้นี้บรรเทาลงบ้าง

กราบขอบพระคุณค่ะ

ขอขอบคุณ... คุณพิชชาและท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • เรื่องอาหาร วิตะมิน และสารต้านอนุมูลอิสระนี่... เกือบทั้งหมด "ธรรมชาติ" ให้มาดีแล้ว

บางเรื่อง...

  • บางเรื่องการเสริมเข้าไปน่าจะดี เช่น
  • (1). ถ้าบริจาคเลือดเป็นประจำ... ผลการศึกษาของสภากาชาดไทย + ม.เชียงใหม่พบว่า คนไทยได้รับธาตุเหล็กค่อนข้างน้อย แนะนำให้กินยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก 15 เม็ดต่อรอบบริจาคเลือดในผู้ชาย หรือ 30 เม็ดต่อรอบบริจาคเลือดในผู้หญิง
  • (2). ถ้าตั้งครรภ์... และไม่มีโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย หมอหรือบุคลากรสุขภาพ เช่น พยาบาล อนามัย ฯลฯ มักจะแนะนำให้กินยาบำรุงเลือดที่มีธาตุเหล็ก
  • (3). ถ้าตั้งครรภ์... ควรกินวิตะมินบีรวมที่มีกรดโฟลิค (folic acid) เพื่อลดโอกาสการเกิดความพิการของระบบประสาท
  • (4). แคลเซียม... คนไทยได้รับแคลเซียมค่อนข้างน้อย จึงควรเพิ่มนมไขมันต่ำ นมไม่มีไขมัน ปลาตัวเล็กตัวน้อย งา(โดยเฉพาะงาดำ) ผักใบเขียว ถั่วเหลือง เต้าหู้เข้าไป + ควรเดินอย่างน้อยวันละ 30 นาที (ถ้าต้องการควบคุมน้ำหนักควรเป็นวันละ 60 นาทีขึ้นไป) + ควรยกของสัก 1-3 กิโลกรัมบ้าง เพื่อให้กระดูกแข็งแรง
  • (5). น้ำ... ควรดื่มน้ำให้มากหน่อย โดยเฉพาะหลังตื่นนอนเช้า เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งทำให้เพลียง่าย เป็นนิ่วง่าย และสมรรถนะทางกายตกลง
  • (6). ชา... ถ้าชอบชา การดื่มชาทำให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชามากๆ หลังพระอาทิตย์ตกดิน เนื่องจากชามีกาเฟอีนเล็กน้อย อาจทำให้หลับยากขึ้น ถ้าชอบชาแต่มีปัญหาท้องผูก... ลูกพรุนช่วยได้
  • (7). ผัก... คนไทยกินผักน้อย น่าจะเพิ่มอีกหน่อย

แนะนำให้อ่าน:

ขอขอบคุณ... คุณจินตนาและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • เรื่องภูมิแพ้นี่... ส่วนใหญ่จะไม่หายครับ
  • เดือนธันวาคม 2549 ผมมีโอกาสไปส่งอาจารย์แก้ว สาเรนที่พนมเปญ กัมพูชา... ช่วยกันขนหนังสือ 6 ลังไปที่นั่น
  • ทราบว่า ท่านพาน้องชายเป็นสามเณรมารักษาภูมิแพ้ (ไซนัส / โพรงรอบจมูกอักเสบ) ที่ลำปาง 1 เดือน...
  • เรียนท่านไปว่า ส่วนใหญ่จะไม่หาย

ความไม่ลับ...

  • ความไม่ลับคือ ผมเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น จมูก-ไซนัสอักเสบจากภูมิแพ้(แพ้ฝุ่นสารพัด) ฯลฯ
  • บางช่วงปวดหัวทุกเช้าเลย พอสายๆ จะทุเลาลง
  • เข้าใจว่า ตอนทำบาปคงจะทำการเบียดเบียนคนหรือสัตว์ตอนกลางคืน หรือตอนเช้าๆ...
  • เวลาบาปกรรมให้ผลเลยปวดหัวบ่อยตอนเช้า

งดนม...

  • ในเมืองไทยมีคนตั้งทฤษฎีว่า ให้งดนม + ผลิตภัณฑ์นม...
  • ผมลองงดนมดูประมาณ 1 เดือนเศษๆ ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย
  • แนะนำให้หลานสาวลองดู... ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อยอีกเช่นกัน
  • และเท่าที่ทราบก็ไม่มีหลักฐานงานวิจัยสนับสนุนด้วย

วิตะมิน...

  • เช่นเดียวกัน... ไม่มีหลักฐานงานวิจัยสนับสนุนว่า วิตะมิน อาหารเสริม หรือสารต้านอนุมูลอิสระทำให้อาการภูมิแพ้ทุเลาลง

ยา...

  • ยาแก้แพ้มีส่วนช่วยให้อาการทุเลาลงได้... มีทั้งแบบถูก (ได้ผลดี + ง่วง) และแบบแพง (ได้ผลรองลงไป + ไม่ง่วง)
  • ยาพ่นจมูกแพงหน่อย ทว่า... ได้ผลดีมากๆ เลย หลังใช้ต้องบ้วนปาก เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราที่ลิ้น

ออกกำลัง...

  • การออกกำลัง โดยเฉพาะการออกกำลังแบบแอโรบิค เช่น วิ่งเหยาะ(จ๊อกกิ้ง) ว่ายน้ำ(ว่ายต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่ายแล้วหยุดนานๆ) กระโดดเชือก ฯลฯ ช่วยได้มาก...
  • ผมเองใช้วิธีวิ่ง... พอเริ่มวิ่งไปได้ 3-4 นาที อาการคัดจมูกหายไปเลย

ลดฝุ่น...

  • การลดฝุ่นละอองที่บ้านก็ช่วยได้ เช่น ทำความสะอาดห้องด้วยการถูพื้น (mop) แทนการกวาด ไม่ใช้พรม ไม่เลี้ยงสัตว์บก ทำความสะอาดที่นอน (ใช้ที่นอนบางๆ นำไปตากแดดทุกสัปดาห์ + เปลี่ยนใหม่ทุก 2 ปี) หมอนควรใช้ใยสังเคราะห์ (ซักทุกสัปดาห์ถ้ามีเครื่องซักผ้า)

โยคะ...

  • วารสารหมอชาวบ้านฉบับหนึ่งมีเรื่องโยคะ... พวกโยคี(นักโยคะ)เขาใช้เชือกทำความสะอาดช่องจมูก ใส่ไปทางจมูก ออกทางปาก
  • วิธีนี้โหดไป คงไม่ใช่วิธีของคนทั่วไป

ครั้งหนึ่ง...

  • ครั้งหนึ่งไปนมัสการสังเวชนียสถานอินเดีย-เนปาลปี 2542...
  • ผมเห็นคุณอาใช้กระดาษทิชชูม้วนให้เป็นรูปทรงกระบอกขนาดเล็ก สอดเข้าไปทำความสะอาดรูจมูก (ฝุ่นที่อินเดียเยอะมากๆ)
  • ผมลองทำดูมั่ง... เวลาคัดจมูก ล้างมือ ม้วนกระดาษทิชชู ชุบน้ำ ทำความสะอาดรูจมูกแบบโยคะดู หายใจโล่งขึ้นแยะเหมือนกัน
  • วิธีนี้ไม่ใช่วิธีมาตรฐานครับ เป็นวิธีที่อาจจะมาจากโยคะอะไรทำนองนั้น ไม่แนะนำให้ลองทำ...

แนะนำ...

  • แนะนำให้ออกกำลังกาย ลดฝุ่น...
  • ถ้าไม่ดีน่าจะลองปรึกษาหมอ หรือเภสัชกรดูว่า ใช้ยาอะไรดี (ถ้าจำเป็น)
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์หมอมากนะคะ อย่างไรแล้วจะลองแนะนำให้เค้าหาวิธีออกกำลังกายดู

ขอขอบคุณ... คุณจินตนาและท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • ขอแสดงความยินดีที่น้อมไปเพื่อจะแนะนำให้น้องออกกำลังกาย เพราะเป็นวิธีเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้ดีขึ้นได้มาก

ถ้าไม่ดีขึ้น...

  • วิธีที่ประหยัดหน่อยคงจะเป็นการใช้ยาแก้แพ้แบบง่วง ยาแก้แพ้แบบไม่ง่วง หรือยาพ่นจมูก (แพงหน่อย ทว่า... ได้ผลดีที่สุด)
  • ส่วนการรักษาวิธีพิเศษ เช่น การรักษาทางภูมิคุ้มกัน ฯลฯ คงต้องปรึกษาแพทย์

ขอขอบคุณครับ...

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท