ได้รับฟังจากนักศึกษาว่า บางครั้งนัดผู้ป่วยมาในคลินิก แต่เมื่อผมตอบคำถามอาจารย์ไม่ได้ อาจารย์ก็ไม่ให้ผมทำงานเลยในวันนั้น และให้ผู้ป่วยกลับไปโดยไม่ได้รับการรักษาเลย ผมรู้สึกทั้งสงสารและเกรงใจผู้ป่วย แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมไม่อยากให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่ดี เพราะอาจมีผลต่อรุ่นน้องๆ ในอนาคต
ขอให้เจ้าของคำถามและผู้เข้ามาอ่านบล็อกช่วยอีเมล์ถึงอาจารย์อ๊อดด้วยครับว่าได้รับประโยชน์จากคำแนะนำของเราหรือไม่ อย่างไร เพื่อเราจะได้นำไปปรับปรุง จะขอบคุณมาก
ปัญหานี้ดูเหมือนมีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว คืออาจารย์ท่านนั้นคิดว่าหากนักศึกษาไม่มีความรู้พอในงานนั้น จะให้ลงมือรักษาผู้ป่วยได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ทางออกของสถานการณ์เช่นนี้อาจไม่จำเป็นต้องเป็นลักษณะ all or none เสมอไป หากสิ่งที่นักศึกษาไม่รู้นั้นไม่ถึงกับเป็นสิ่งที่ "ต้องรู้" แต่เป็นเพียงสิ่งที่ "ควรรู้"
การลงโทษหรือตักเตือนนักศึกษาที่ไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำงานในคลินิกนั้น คงมีวิธีอื่นๆ อีก การลงโทษนักศึกษา แต่กลับดูเหมือนลงโทษผู้ป่วย ก็อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของคณะได้เหมือนกัน
ศิษย์เมื่อทราบถึงความอึดอัดจากเหตุการณ์เช่นนี้ที่จะเกิดขึ้นกับทั้งอาจารย์ ผู้ป่วย และของตนเองแล้ว ก็ควรที่จะต้องเตรียมตัว เตรียมความรู้มาให้ดีที่สุดก่อนนัดผู้ป่วยมารักษา โดยเฉพาะในสิ่งที่ "ต้องรู้" ทั้งหมด
ครูเชื่อว่าหากศิษย์เตรียมตัวมาดี แม้จะตอบคำถามผิดไปบ้าง อาจารย์ผู้คุมก็จะยอมยกโทษ และพร้อมที่จะแนะนำให้อย่างแน่นอน
ผมขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นนะครับ
ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ครับ
การทำงานโดยเฉพาะกับผู้ป่วย มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก บางครั้งการใช้ระเบียบกฎเกณฑ์ หลักการที่เข้มงวดก็ไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป และอาจจะสร้างภาพลบให้กับสถานบริการอีกต่างหาก
หากจะสั่งสอนหรือแนะนำ (หรือดุด่าว่ากล่าว ลงโทษ ) อะไรให้กับนักศึกษาก็ควรจะไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ป่วยหรือประชาชนที่ไม่ได้มีส่วนกระทำผิดอะไรด้วยเลย
ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือบริษัท ต้องให้ความสำคัญกับผู้มารับบริการหรือลูกค้าเป็นอันดับแรก ครับ
พี่คิดว่าการที่ลงโทษโดยไม่ให้ทำการรักษาผู้ป่วยใน visit นั้นเลยก็ไม่ดี แต่ต้องดูด้วยว่าสิ่งที่เราไม่รู้นั้นส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติมากเพียงใด เราต้องพิจารณาดูด้วย เนื่องจากบางครั้งถ้าอาจารย์คิดว่าอาจส่งผลมาก หรือทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ผิด ๆ ต่อไป ก็อาจส่งผลเสียมากกว่า ก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องให้เราหยุดทำ แล้วให้ไปทบทวนความรู้หรือฝึกปฏิบัติเพิ่มเติม ซึ่งเราก็สามารถให้การรักษาผู้ป่วยใน visit นั้นได้โดยการให้ความรู้แก่ผู้ป่วย ถ้าเราสามารถอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจในสภาวะการเป็นโรคของผู้ป่วย รวมถึงทำให้ผู้ป่วยได้เข้าใจในขั้นตอนการรักษามากขึ้น ก็น่าจะมีประโยชน์ในระยะยาวนะคะ อย่าคิดว่าการรักษาคือการ treatment เพียงอย่างเดียว การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้ป่วยก็สำคัญมาก โดยเฉพาะเรายังเป็นนักศึกษาอยู่การสร้างความน่าเชื่อถือ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างเราและผู้ป่วย จะทำให้เราสามารถปฏิบัติงานได้ดีกว่าการที่เราสามารถ treatment ได้เพียงอย่างเดียวค่ะ
ในกรณีเช่นนี้ ผมคิดว่า ก่อนให้นักศึกาลงคลินิก ให้มีการทบทวนสิ่งที่ต้องรู้ก่อนระหว่างอาจารย์กับศิษย์เพราะบางคนทบทวนมาแล้วอาจจะตกหล่นไป ตกใจเป็นความสุดวิสัยจริงๆ ซึ่งทบทวนแล้วก็จะทำให้ไม่มีคำว่าไม่รู้อีก
การให้คนไข้ที่นักมาไม่ได้ทำการรักษากลับไป ทำให้คนไข้เสียเวลา เสียค่ารถ เสียความมั่นใจในสถาบัน เป็นเหตุทำให้คนไข้ไม่อยากเข้ารับการรักษาที่คลินิกที่นักศึกษาทำ ขาดความเชื่อมั่น ส่งผลให้ในอนาคตคนไข้คงจะผิดนัดเรื่อยๆ หรือไม่เข้ารับการรักษาที่นี่ ทำให้นักศึกษาจิตตก ไม่มีคนไข้ สถาบันผลิตทันตแพทย์ที่จิตไม่สมบูรณ์ ซึ่งผลนี้เสียหายร้ายแรงต่อคณะโดยตรงเลยนะครับ
แตหากนักศึกษาไม่ไหวจริงๆ แม้คำถามง่ายๆ ตอบไม่ได้มีผลกระทบร้ายแรงต่อคนไข้ ก็ควรให้มีอาจารย์ทำการรักษาคนไข้รายนั้นกลับไป อย่างน้อยก็ไม่เสียเที่ยวที่มาครับ
ความคิดเห็นของผมคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การรักษา และการเรียนของนักศึกษาได้มีการปรับกันนะครับ เพื่อความสุขของทั้งคนไข้และทันตแพทย์เองครับ ผมคิดเป็นอย่างไรแสดงความเห็นได้ครับอาจารย์ และนักศึกษา ขอบคุณครับ
ผมว่ากรณีอยุ่ที่อารมณ์ของอาจารย์ มากกว่านะครับ
ผมไม่ได้ลบหลู่อาจารย์ทุกท่าน
แต่ผมพูดถึงบางท่านที่ไม่มีความเหมาะสม ใช้อารมณ์ ไม่มีเหตุผลในการตรวจ
นอกจากนักศึกษาจะเครียด ทำไรไม่ถูกแล้ว คนไข้ยังต้องมานั่งฟังคนโมโหใส่เด็กนักเรียน
คิดเองละกันนะครับเป็นถึงหมอว่าบรรยากาศในคลีนิคจะเป็นอย่างไร
การที่นักศึกษาไม่มีความรู้ ไม่ให้ทำคนไข้ เป็นสิ่งถูกครับผมเห็นด้วย แต่ควรอธิบายเหตุผล พูดจากันดีดี ลูกศิษย์ก็คน มีชีวิตและจิตใจ
เห็นด้วยกับความคิดที่ 5
และน่าเป็นห่วงสภาพจิตใจทั้งอาจารย์ทันตแพทย์และนักศึกษา คงเครียดหนักกันทั้ง 2 ฝ่าย อาจารย์เครียด นศ.ไม่ได้อย่างที่คาดหวัง นศ.คงเครียดที่ตัวเองไม่ได้อย่างใจตัวเองเช่นกันและคงอยากให้อาจารย์ลงโทษด้วยวิธีที่เมตตาส่งเสริมการเรียนการสอนที่สร้างสรรค์กว่านี้ เหตุการณ์นี้คงไม่ได้เกิดแค่ครั้งเดียวและกับนักศึกษาคนเดียวแน่นอน ใครหนอจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ !
ที่แน่ๆ ผู้ป่วยโชคร้ายมาก และผู้ปกครองนักศึกษาคงสงสารลูกหลานสุดหัวใจ
ขอเป็นกำลังใจให้นักศึกษาอดทนและปรับปรุงตัวให้พร้อมและเรียนรู้วิธีคลายความเครียดที่ถูกต้องเหมาะสม
และขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ได้ค้นพบวิธีสนับสนุน ช่วยเหลือประคับประคอง ที่จะให้โอกาสนักศึกษาได้เรียนรู้
บางทีการที่คนไข้ต้องรอคิวหรือรอให้คุณหมอติดต่อมามันก็นานเกิดไปนะค่ะ
หรือบางทีก็รอจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าต้องไปรักษาฟัน
แล้วก็ลืมหน้าหมอที่เป็นคนนัดไปแล้วด้วย (. .)!