การสร้างสรรค์ต่างๆ จะเกิดขึ้นโดยคนคนเดียวไม่ได้ ทุกอย่าง สิ่งต่างๆต้องเกื้อกูลกัน การที่จะปลูกบ้านสักหลักต้องการ นักออกแบบ สถาปนิก ช่างปูน ช่างเชื่อม ช่างไฟ ช่างแอร์ ช่างเหล็กดัด ช่างตกแต่งภายใน และช่าง อื่นๆ อีกมากมาย ประกอบกับที่มีเม็ดเงินจำกัด เจ้าของบ้านจะต้องวางแผนในการใช้เงินในการสร้างบ้านเพราะมีปัจจัยหลายอย่างในการใช้จ่ายส่วนประกอบต่างๆ
การศึกษาก็ต้องมีปัจจัยส่วนประกอบหลายอย่าง เพียงบุคคลภายในอย่างเดียวคงไม่ได้ ลองเปิดกว้างให้แสดงผลงานอย่างเต็มที่ ใครมีไอเดียแจ๋วเจ็ง อย่างไร นำพลังความคิดออกมาใช้ให้เต็มที่ แต่ส่วนใหญ่ ความคิดจะเป็นของผอ.และให้ครูทำ เพราะฉะนั้นควรเปิดโอกาสให้ไอเดียกระฉูดกับครูทั้งหลาย ถ้าใครทำเข้าตาผลงานที่ปรากฎ อาจจะมีรางวัลหรืออย่างไร ก็ว่ากันไปตาม ผลงานที่ ออกมาจริงๆ ........ (แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจใครบ้างนะ)
สวัสดีครับคุณ Bright Lily
ขอบคุณสำหรับกำลังใจให้แก่พวกเราคนทำงานครับ
คุณนภัส ครับ
ระบบขัอเสนอแนะ มีคุณค่ามาก ความคิดสร้างสรรค์ของบุคลากรทุกคนมีคุณค่าและมีความหมาย เช่นบริษัทโตโยต้า ได้รวบรวมข้อเสนอแนะของเจ้าหน้าที่ทุกระดับเป็น 40 ล้านความคิด ในเวลา 20 ปี มาเป็นแนวทางในการพัฒนาโตโยต้าสู่ความยิ่งใหญ่ ผมอยากเห็นพวกเราคิดเชิงก้าวหน้าสร้างสรรค์กันเยอะๆ ความคิดของเจ้าหน้าที่ระดับล่างก็สามารถสร้างองค์การให้ก้าวหน้าได้ครับ
บุคคลกลุ่มนี้รวมตัวกันอย่างหลวม ๆ แต่เต็มไปด้วยอุดมการณ์อันหนักแน่น...ทำงานด้วยจิตใจและความมุ่งมั่น...ประสานงานเป็นเครือข่ายให้ทราบข่าวคราวซึ่งกันและกัน...เน้นหนักคนที่รักการทำงาน..รักการสอนและพร้อมที่จะสร้างโอกาสที่ดีให้กับผู้รับด้วยความเต็มใจ...
การกล้าแสดงความเห็นดี ๆ นำเสนอต่อหมู่คณะ
การปฏิบัติหน้าที่ของตนที่รับผิดชอบได้เองโดยไม่ต้องรอรับคำสั่งได้อย่างเหมาะสม
การมีความสามารถที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ด้วยการกล้าตัดสินใจเมื่อเห็นว่าถูกต้องเหมาะสม
การให้ความช่วยเหลือบุคคลอื่น ๆ โดยไม่ต้องร้องขอหรือรอคำสั่งนาย
การมีความคิดริเริ่มสร้างารรค์ในการทำงาน
ความสามารถในการพัฒนาตนเอง ทั้งความคิดและการกระทำ
ทั้งหมดคือความแข็งแกร่งของทีมงานบางปะกงที่เราคิดเช่นนั้นตลอดมา
มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งอยากให้อ่านค่ะ หวังว่าน่าจะเป็นประโยช์ต่อผู้ที่สนใจมาก ๆ
เรื่องทัศนคติบอด
> >
> >ชนะโทรไปบริษัทนี้เป็นหนที่สองในรอบสัปดาห์นี้ บริษัทนี้เป็นลูกค้ารายใหม่ที่เขากำลังติดตามเรื่องอยู่
> >เสียงของโอเปอร์เรเตอร์ซึ่งรับสายด้วยเสียงที่เป็นมิตรและอ่อนโยนกล่าวว่า
> “>
สวัสดีคะบริษัทเอบีซีอิงค์
> > ยินดีต้อนรับคะ> ”>
คุณชนะกล่าวว่า > “> ผมขอเรียนสายกับคุณสมจิตผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์หน่อยครับ> ”
โอเปอร์เรเตอร์กล่าวทักขึ้นมาว่า > “> นั่นคุณชนะใช่ไหมคะ> ”>
ชนะรู้สึกแปลกใจความสามารถในการจดจำเสียงของพนักงานคนนี้ได้
เขากล่าวตอบด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความประทับใจ > “>ใช่แล้วครับ> >ขอบคุณที่จำได้ครับ> ”>
เธอกล่าวว่า > “> ยินดีคะดิฉันจะโอนสายให้นะคะ> ”>
> >
> >หลังจากที่ชนะสนทนาเรื่องงานกับสมจิตจบ ชนะจึงถามสมจิตขึ้นมาว่า > “>
คุณสมจิตผมขอชมพนักงานรับ
> >โทรศัพท์ของคุณหน่อยครับ เธอเก่งจริงๆเลยที่จำเสียงผมได้เป็นการให้บริการที่เกินความคาดหวังขอ
> >งผมจริงๆเลยครับ ผมเองไม่ได้เป็นลูกค้าประจำและก็ไม่ได้โทรมาบ่อยๆขนาดที่เธอจะจำเสียงผมได้
> >ด้วย เธอมีเคล็ดลับอะไรครับ> ”>
> >
> >สมจิตพูดว่า > “> เธอชื่อเรณูคะ เธอได้รับคำชมอย่างนี้บ่อยๆหากคุณฟังเรื่องของเธอมากขึ้นกว่านี้คุณจะ
> >ยิ่งประทับใจ สนใจฟังไหมละคะ> ”>
> ชนะรีบกล่าวตอบด้วยความกระตือรือร้นว่า สนใจสิครับ ช่วยกรุณาเล่าให้ฟังหน่อยครับ> ”>
> >
> >สมจิตเริ่มต้นเล่าอย่างอารมณ์ดี > “> คุณเรณูเธอตาบอดคะเธอจึงต้องอาศัยการฟังเพียงอย่างเดียว
ทำให้เธอสามารถจดจำชื่อคนได้ดี
เธออาศัยอยู่ที่สมุทรปราการและมาทำงานที่ออฟฟิศนี่ซึ่งอยู่แถวดอนเมือง
> > ซึ่งถือว่าไกลมากโดยเฉพาะสำหรับเธอซึ่งต้องเดินทางโดยรถเมล์เหมือนคนปกติส่วนใหญ่ก็จะมีคนตาดี
> >อย่างพวกเราที่คอยช่วยดูสายรถเมล์และส่งเธอขึ้นรถให้ เธอไม่เคยมาสายเลยและก็ไม่เคยเรียก
> >ร้องขอรถรับส่งแต่อย่างใด ไม่เหมือนพนักงานปกติของพวกเราหลายคนตอนที่เราย้ายสำนักงานจาก
> >ในเมือง ต้องขอรถรับส่งให้ด้วยแถมหลายๆคนที่มีรถส่วนตัวก็ยังมาทำงานสายพร้อมกับเหตุผลสารพัด
> >คิดแล้วอายแทนคนตาดีเลยคะ> ”>
> >
> >เธอหยุดเว้นจังหวะสักครู่ก่อนจะเล่าต่อว่า > “>คุณเรณูมีทัศนคติที่ดีมากๆกับงานของเธอ เธอ เคยเล่าให้
> >ดิฉันฟังว่าสำหรับเธอแล้วการรับโทรศัพท์ไม่ใช่งานแต่มันคือชีวิตเงินเดือนที่บริษัทให้กับเธอ ทำให้เธอ
> >สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างดี นอกจากนี้เธอยังมีเงินเหลือกว่าครึ่งสะสมไว้อีก ที่จริง
> >แล้วเพื่อนคนตาดีหลายคนเคยหยิบยืมจากเธอในยามฉุกเฉิน
คุณเรณูกล่าวว่าบริษัทเราเพื่อนร่วมงานลูกค้า
และสังคมมอบโอกาสให้เธอได้พิสูจน์ว่าเธอมีคุณค่าและสามารถมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ประโยชน์ให้
> >กับสังคมได้ เธอบอกว่าเธอพยายามทำงานของเธออย่างสุดความสามารถ
ซึ่งรวมทั้งพยายามจำชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาด้วย เธอบอกว่าทุกคืนก่อนเข้านอน
เธออยากรีบนอนไวๆเพื่อจะได้รีบตื่นขึ้นมาทำงาน เธออดใจรอจะมาทำงานไม่ไหว แหมอย่าหาว่าดิฉันบ่นเลยคะ
แต่พวกตาดีๆอย่างพวกเรากลับภาวนาให้ถึงวันหยุดเร็วๆเสียนี่กระไร> ”>
สมจิตจบเรื่องด้วยเสียงหัวเราะเบาๆอย่างคนอารมณ์ดี
> >
> >เมื่อชนะมาเล่าเรื่องนี้ให้กับผมฟังในรถระหว่างที่เราเดินทางไปพบลูกค้าที่นวนคร
ผมจึงเสริมความเห็นของผมไปว่า > “>> เราน่าจะเล่าเรื่องนี้ให้คนที่มาเข้าอบรมกับเราฟังบ้างนะ
บ่อยครั้งเรามักจะได้ยินคนบ่นว่างานหนักหรือไม่ก็ปัญหาเรื่องงานมีมาก
สิ่งที่คุณเรณูมีแตกต่างกับเราไม่ใช่ว่าเธอตาบอดหรอกครับ
> >ความจริงพวกเราต่างหากที่บอด เราทัศนคติบอดไงละ เราได้รับสิทธประโยชน์ต่างๆมากมายจากนาย
> >จ้างจนเคยชินกระทั่งมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านั้น ยิ่งนานวันเรายิ่งเรียกร้องมากขึ้นโดยเฉพาะช่วง
> >ปลายปีแบบนี้ ในขณะที่คุณเรณูกลับมองแตกต่างกับเราอย่างสิ้นเชิงบางคนเบื่องานจนอยากลาออก
> >ไปอยู่กับบ้านเฉยๆ มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ Dr. Denis Waitley ผู้แต่งหนังสือขายดีชื่อ
> >> ‘> The psychology of winning> ’> เขายกรายงานวิจัยในอเมริกาที่บอกว่าผู้เกษียณอายุออกจากงาน
> >ไปโดยไม่มีภาระกิจอะไรทำมีอายุเฉลี่ยเพียงแค่เจ็ดปีเท่านั้น พวกเขาตายเพราะความรู้สึกด้อยคุณค่า
> >หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าเฉาตายนั่นเองครับ เราบางคนมีโอกาสได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก
ในขณะที่คนจำนวนมากไม่มีโอกาสอย่างนั้น อย่างไรก็ตามเรามีสิทธิที่จะเปลี่ยนมุมมองโดยหันมารักและหลงไหล
> >ในสิ่งที่เราทำได้ โดยไม่ต้องรอให้ตาบอดแบบคุณเรณูก็ได้> ”>
เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 10 ที่ว่าคนต้องทำงานด้วยความรักต่องานที่ทำ และต้องมีอุดมการณ์ในการทำงานด้วยจึงจะทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ขอบคุณครับ
David Snowden แห่งศูนย์พัฒนาศาสตร์ด้านการจัดการความรู้ ชื่อ Cynefin Center ของบริษัทไอ บี เอ็ม ได้เสนอให้จำแนกความรู้ออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
Artifact หมายถึง มีความรู้ฝังอยู่ภายใน
Skill หมายถึง ทักษะในการปฏิบัติงาน
Heuristics หมายถึง กฏแห่งสามัญสำนึก
Experience หมายถึง ประสบการณ์จากการได้ผ่านงาน
Talent หมายถึง พรสวรรค์อันเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่มีมาแต่กำเนิด
ผู้บริหารทั้ง 4 ท่านอยู่ใน 5 กลุ่มที่ชาวกศน.แปดริ้วภาคภูมิใจ หากจะให้เกิดความเจริญก้าวหน้าของหน่วยงานหรือองค์กร ผู้นำจะต้องมีความกล้าหาญและความชาญฉลาดที่จะนำหน่วยงานก้าวกระโดด
ก้อเห็นด้วยกับทุกท่านนะค่ะ...และพร้อมที่จะนำไปปฏิบัติในสิ่งที่ดีๆ ค่ะ
จริงไม่ค่ะท่าน ชูวิทย์ บางปะกง