หัวอกอาจารย์ที่ปรึกษา


ผมได้พยายามพัฒนาขีดความสามารถของตนเอง ที่จะเข้าใจเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ขีดจำกัดและความต้องการของนักศึกษา และทางเลือกต่างๆ ที่อาจทำให้นักศึกษาจบได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพ

                 ตั้งแต่ผมได้รับอุปโลกน์ให้เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ผมก็ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษามาในหลายๆเรื่อง

มีตั้งแต่เรื่องเทคนิคการเรียนโดยทั่วไป จนกระทั่งถึงปัญหาส่วนตัวของนักศึกษา

พอมาเปิดบัณฑิตวิทยาลัย ผมก็รับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ทั้งระดับปริญญาโท และปริญญาเอก มีทั้งหลักสูตรภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และหลักสูตรที่ทำในห้องปฏิบัติการ ในไร่นา และในชุมชน เรียกว่ามีหลายรูปหลายแบบเลยละครับ

ที่ผ่านมาทั้งหมด ผมได้พยายามพัฒนาขีดความสามารถของตนเอง ที่จะเข้าใจเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ขีดจำกัดและความต้องการของนักศึกษา และทางเลือกต่างๆ ที่อาจทำให้นักศึกษาจบได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพ

แต่ผมก็ยังทำไม่สำเร็จ

โดยเฉพาะประเด็นที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุข

เพราะผมจำเป็นต้องรักษาประเด็นคุณภาพเป็นแกนหลัก โดยพยายามประสานความสุขกับคุณภาพเข้าด้วยกัน

แต่ส่วนใหญ่แล้ว พอเน้นคุณภาพ ความสุขก็จะลดลง อย่างทันตาเห็น

โดยเฉพาะกับนักศึกษาที่มีความพร้อมค่อนข้างต่ำ และ จะต้องมาบีบเค้นตัวเองให้ทำงานได้ตามมาตรฐานของหลักสูตร

ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เพราะ

  • มีทั้งหลักสูตรเป็นเป้าหมาย
  • มีทั้งนักศึกษาที่ผมจะต้องชี้แนะ ชักจูง หรือแม้กระทั่ง อุ้ม ให้ผ่านพ้นเกณฑ์ขั้นต่ำของหลักสูตร               
  • โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนักศึกษาไม่ค่อยเข้าใจเป้าหมายของหลักสูตร แต่อยากจะจบให้ได้เพียงอย่างเดียว โดยไม่ทราบว่าจะทำอะไรบ้างจึงจะจบ
  • ทำให้ผมต้องลำบากใจ ที่ต้องมานั่งอธิบายแบบปากเปียกปากแฉะ

ตอนแรกก็พอไปได้อยู่ ตอนหลังๆ ผมก็เริ่มล้า นักศึกษาก็เริ่มล้า

พอออกอาการมากๆ นักศึกษาก็เริ่มห่าง ผมก็ต้องใช้พลังงานวิ่งไล่ตามหานักศึกษา

 บางคนก็ดีเห็นใจผม ไม่หนีไปไกล

แต่บางคนก็หายไปเลยโดยเหตุผลกลใด ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ 

               ผมจะทำยังไงดีครับ นักศึกษาก็หาย เวลาก็จะหมด การประเมินต่างๆก็งวดเข้ามา

ผู้บริหารก็เล็งว่า นักศึกษาของผมไม่ทำงานตามเป้าหมาย มองว่าผมทำงานไม่เป็น

 ผมพยายามให้โอกาสนักศึกษา จนนาทีสุดท้าย

แต่นักศึกษาบางคนก็ใช้นาทีสุดท้าย นาทีเดียว

แล้วก็มาบอกว่า ผมไม่ให้เวลา มีเวลานาทีเดียวจะทำอะไรได้นักหนา ขอเวลาอีกนิดได้มั๊ย  

ผมก็บอกว่าไม่ได้ เพราะให้เวลามามากแล้ว คุณทำไมไม่ทำ จะมาทำอะไรนาทีเดียวนี้     และเมื่อนาทีสุดท้ายแล้ว ผมจะเอาที่ไหนมาให้อีก จะไปยืมเวลาใครได้ล่ะ          

จึงทำให้ผลงานบางคนออกมาไม่ดีนัก แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ

  • เราจะมีเกณฑ์การรับนักศึกษาที่เข้ามาให้ดีกว่านี้หรือไม่ อาจจะใช้พหุปัญญาก็ได้ หรือ
  • เราจะมีระบบสนับสนุนการทำงานให้ดีกว่านี้ได้หรือไม่  หรือ
  • เราตั้งความหวังกับเรื่องระบบการศึกษาที่ผิดปกตินี้มากเกินไป  หรือ
  • เราไม่ได้ทำงานในโลกของความเป็นจริง

ใครทราบทางออกช่วยบอกทีครับ

หมายเลขบันทึก: 71589เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2007 11:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 22:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ผมว่า น่าจะมีอาจารย์อย่างอาจารย์เป็นอาจารย์ แม้อาจารย์จะดูไม่เหมือนอาจารย์จำนวนมากก็ตาม (ดูแต่รูป)

ผมอยากเรียนเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่อยากตกเป็นภาระ ดังนั้นจึงคิดว่า อย่าเรียนเลยมั้ง..ประมาณนี้

จากกรณีของนิวที่พบ ณ ตอนนี้ (ก็แค่อยากจะเล่าสู่กันฟังจากมุมหนึ่งของสังคม !)

ในมุมของลูกศิษย์    นิวเองไม่ได้เรียนเพื่ออยากจะจบออกมาอย่างไม่มีคุณภาพ   แต่นิวกำลังทำบางสิ่ง บางอย่างเพื่อเรียกร้องมาตรฐานก่อนที่เราจะเข้ามาเรียน  ซึ่งทุกคนก็เข้าใจตรงกัน  แต่เมื่อเรียนไปแล้ว มาตรฐานมันลดลง ๆ เรื่อยๆ   มีแต่นิวคนเดียวที่ทำตามเกณฑ์  นิวก็แค่ทวงถามมาตรฐานว่ามันอยู่ตรงไหน  ทำไมทุกคนบอกให้นิวทำตามมาตรฐาน    แต่ลูกศิษย์ (advisy) ของตัวเองไม่ให้ทำ    นิวก็แค่ถามถึงประเด็นนี้เท่านั้น  !!

และตอนนี้มันก็เป็นปัญหาขึ้นมา  เพราะนิวถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม  พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด...

นิวต้องขออภัย หากข้อความนี้ไปกระทบใครโดยไม่ได้ตั้งใจ !!

** ปล. นิวก็แค่อยากอธิบาย ถึงความคับแค้นใจถึงความไม่ยุติธรรมของอาจารย์บางท่าน   แต่นิวก็รู้สึกดีใจที่ตอนนี้ปัญหาทั้งหมดได้คลี่คลายลงแล้ว  จากอาจารย์ผู้ร่างหลักสุตร   เพราะนิวก็เข้าใจตรงกับอาจารย์ผู้ร่างหลักสูตร  แต่อาจารย์บางท่านนิวว่าเค้าไม่เข้าใจหลักสูตรมากกว่า   ไม่เข้าใจว่าใช้อะไรตัดสิน   เกณฑ์เป็นอย่างไร  มันไม่ชัดเจนในความคิด ...แต่นิวไม่ได้ลบหลู่ท่าน  เพียงแต่นิวใช้คำพูดไม่เป็น  ใช้คำพูดไม่ถูก  ก็เลยกลายเป็น talk of the  Uninversity  ขึ้นมา !!! นิวคิดว่าคงต้องเรียนรู้อีกเยอะทีเดียว

 

ผมว่าความสุขกับความรู้มันค่อนข้างจะแปรผกผันกันนะครับอาจารย์
โดยเฉพาะในปัจจุบัน คนที่ไม่อยากเรียน แต่ต้องเรียนมีเยอะ
เรียน ในที่นี้คือเรียนในระบบ ตามหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยวางไว้
หลายคนเรียนเพราะไม่รู้จะทำอะไร โดยเฉพาะหลักสูตรมหาบัณฑิต
ถามจริงๆ ครับ ว่านิสิตนักศึกษา เข้ามาเรียนทำไม?
เสียเวลาตั้งสี่ปีเจ็ดปี เพื่อกระดาษใบเดียว
หรือเพราะกระดาษใบนี้ ทำให้เราไม่ต้องทรมานในชั้นเรียนอีกต่อไป?
หรือเพราะกลัวว่าจะสู้คนอื่นไม่ได้ หรือไม่เหมือนชาวบ้าน อาจารย์ว่าไหมครับ?

ผมล่ะรำคาญจริงๆ คนที่เรียนไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้จะทำอะไรกับชีวิต
เรื่องที่อาจารย์ถามว่า "ผมจะทำยังไงดีครับ นักศึกษาก็หาย เวลาก็จะหมด การประเมินต่างๆก็งวดเข้ามา"
ผมตอบตัวเองว่าต้องทำใจครับ

อาจารย์พูดตรงเป๊ะเลยครับว่า "เราตั้งความหวังเรื่องการศึกษาที่ผิดปกติ"
เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติ มันบังคับ แข่งขัน และชิงดีชิงเด่น
ปัญหามันหยั่งลึกลงไปถึงความคิดของนักเรียนนิสิต นักศึกษา ผู้ปกครอง ผู้บริหาร และนักการศึกษา
ทุกฝ่ายก็คิดแบบนี้ แล้วจะหาความสุขจากการเรียนได้จากไหน แล้วทำไมถึงยังเรียนกันได้
ก็เพราะกลัวไงครับ กลัวว่าจะไม่มีอะไรกิน กลัวไม่เหมือนชาวบ้าน
ผมคุยกับเด็กหลายคนที่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร และเริ่มทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำแล้ว
แต่ก็ต้องเรียนในหลักสูตรที่ตัวไม่ชอบ เพื่อผู้ปกครอง เพื่อให้คนยอมรับ
เราเอากระดาษมาวัดความฉลาดกัน และทำมานานแล้ว

การเรียนที่เป็นธรรมชาติ จะมีความสุขกว่านี้ครับ
เรียนแบบพ่อแม่สอนลูกด้วยความรัก อดทน เข้าใจ
เรียนแบบเชื่อมโยงกับโลกของความเป็นจริง
ให้เด็กรู้ว่าเรียนไปแล้วจะเอาไปทำอะไรได้
เรียนแบบดูที่ตัวผู้เรียน ว่าชอบอะไร มีจริตอย่างไร

ที่ว่ามานี่ ยากครับ ผมว่าทำไม่ได้หรอก ในบริบทของสังคมปัจจุบัน
ถ้าจะทำ ก็แพง ซึ่งก็จะทำให้คนที่มีอันจะกินเท่านั้นสามารถเรียนแบบนี้ได้

อาจารย์ว่าไหมครับ?
  •  เห็นภาพอาจารย์ภาพนี้แล้ว นึกถึงภาพยนต์เรื่องผู้ใหญ่ลีกับนางมา  อาจารย์เป็นพระเอกตัวจริงนะคะ ^_____ ^
  • อาจารย์เป็นmentor ที่ดีค่ะ น่าชื่นชม และขอให้กำลังใจอาจารย์ต่อไปค่ะ
  • ตอนดิฉันเรียนโท  ก็ได้ mentor ที่ดีมากค่ะ ท่านใส่ใจ สนใจ และติดตามเป็นอย่างดี แม้จะโดนดุ โดนบ่นบ้าง แต่ก็เพราะความเอาใจใส่ของท่านที่อยากให้เราได้ความรู้  เราได้ mentor ที่ดีแล้ว  นิสิตเองก็จะต้องขยัน หมั่นเพียร ใฝ่รู้ ตั้งใจด้วยค่ะ
น้องนิว ครับ ผมก็เห็นใจลูกศิษย์ผมเหมือนกัน ที่ต้องทำตามกติกามารยาท ในขณะที่ลูกศิษย์ของอาจารย์ท่านอื่นบางทีก็ปล่อยไปง่ายๆ ผมไม่รู้จะทำยังไง ถ้าทำเหมือนเขา ผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอาจารย์ไปทำไม ไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ผมก็พยายามอธิบายให้นักศึกษาเข้าใจครับ ว่าเราต้องทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี จบอย่างมีศักดิ์ศรี ดีกว่า จบแบบลูกผีลูกคน ครับ และหวังว่า ลูกศิษย์ผมส่วนใหญ่จะเข้าใจครับ

อาจารย์วสะ ครับ ผมก็พยายามทำแบบพ่อแม่สอนลูกครับ โดยให้ความสนิทสนมกับนักศึกษา ที่สนใจเรียน แต่บางคนที่เริ่มไม่มีความสุข ที่จะทำงานกับผมก็จะมองตรงกันข้าม ว่าผมเป็นคนเรื่องมาก เรียนแล้วจบยาก แล้วก็ออกไปอยู่กับคนอื่นที่จบง่ายกว่า แล้วเขาก็จบง่ายจริงๆ ผมพยายามทำงานแบบทุ่มเทเพื่อสังคมและประเทศชาติ แต่รู้สึกว่า โอกาสผมน้อยมาก เนื่องด้วยนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้ามาทางนี้เลย มีแต่จะไปทางที่สะดวกง่ายดาย โดยไม่สนใจว่าจะได้ความรู้อะไรหรือไม่ ขอให้ได้กระดาษ เป็นใช้ได้ ผมทำได้แค่นี้ล่ะครับ ผมมีพรรคพวกน้อยที่มองเห็นคล้ายคลึงกัน อาจารย์เชื่อไหมว่า มีอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาบางคนมาขอให้ผมให้คะแนนให้ลูกศิษย์เขาดี ๆ หน่อย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำงานอะไรส่งให้ผมเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงครับ แต่ในที่สุดผมก็ยอมขัดใจ แล้วให้ตกไปเลยครับ แต่ผมอธิบายได้เสมอ ว่าใครได้คะแนนอะไร เพราะเหตุใด ในทุกข้อ ในทุกประเด็น ผมต้องปกป้องตัวเองครับ

และในขณะเดียวกัน ผมต้องปกป้องสถาบัน และคุณค่าของความเป็นคนครับ

ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไม่ทราบว่าอาจารย์หายไปไหนมาตั้งนาน ไม่เห็นหลายวันแล้วครับ

คุณอ้อ ครับ

ผมก็พยายามทำเท่าที่ทำได้ล่ะครับ นักศึกษาส่วนใหญ่จะมองว่าผม "หิน" และไม่ค่อยเข้ามาทำงานกับผม แต่จะไปอยู่กับอาจารย์ที่ง่ายๆ ยังไงก็จบเป็นส่วนใหญ่

แต่ผมถือว่า ผมทำดีที่สุดแล้วครับ

อาจารย์จันทรรัตน์ ครับ

ผมอยากเห็นมากเลยครับ ที่นักศึกษาเข้ามาแลกเปลี่ยนกับอาจารย์

ส่วนใหญ่ที่ผมเจอ นักศึกษาจะหนีอาจารย์ มากกว่า ทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาที่ขีดความสามารถไม่ค่อยพอ จะพยายามหลบๆ เลี่ยงๆ ไม่อยากคุยกับอาจารย์

ผมไม่ทราบจะทำยังไงดีครับ ผมก็อยากให้เขาพัฒนาตนเอง ให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำ แต่เขาก็ยังมองว่า มาตรฐานผมสูงเกินไป

ทั้งๆ ที่ผมบอกว่า ไม่ใช่มาตรฐานของผม แต่เป็นมาตรฐานของหลักสูตร เขาก็ไม่ค่อยเชื่อกันครับ เพราะอาจารย์ท่านอื่น ไม่เห็นพูดอย่างนี้เลย ยังไงก็ปล่อยให้ผ่านๆไปอยู่แล้ว

ผมไม่รู้จะอธิบายกับเขายังไงดี จึงจะไม่ทำให้ผมเสียความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอาจารย์ท่านอื่น

ก็ลำบากนิดหน่อยล่ะครับ ทำความดีนี่ มันยากจริงๆ..

  • แวะเข้ามาเรียนรู้ครับ
  • ผมอ่านบันทึกของอาจารย์ทุกบันทึกนะครับ  (มีหลายๆ ท่านที่ผมอ่านทุกบันทึกและอ่านอย่างละเอียด) ประเทืองปัญญาดีครับ
  • ผมว่าผมโชคดีที่ตอนเรียนผมมีอาจารย์ดีๆ ดังเช่น ดร.แสวง คอยเสริมหนุนครับ 
  • แต่ตอนนี้ผมก็ยังโชคดีที่มีครูบา-อาจารย์คอย ลปรร.(สั่งสอน) ผ่านบล็อก ต้องขอบคุณ สคส. และ Gotoknow และ blogger ทุกๆ ท่าน
ขอบคุณครับ ท่านสิงห์ป่าสัก ที่เข้ามาเยี่ยมครับ

สวัสดีครับ อาจารย์ ดร.แสวง

ผมหายหน้าไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าช่วงหยุดปีใหม่ครับ ได้ทั้งความรู้ ความสุข ความอบอุ่น และความห่วงใยกลับมาเต็มเปี่ยม

ขอส่งความสุขให้อาจารย์ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่เช่นกันนะครับ

ขอบคุณมากครับอาจารย์วสะ

ขอให้โชคดีเช่นกันครับ

ผมเองก็เจอแบบเดียวกับอาจารย์บางครั้งก็ต้องบอกว่า "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมจริงๆ" แต่ใจแข็งได้ไม่นานก็ต้องตามไปช่วยทุกทีครับ :)

อาจารย์เอกวิทย์ครับ

ขอบคุณครับที่ทำให้ผมมีแนวร่วมทีเผชิญชะตากรรมเดียวกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท