เราจะเรียนรู้ด้วยกันสักครั้ง


วันก่อนนั่งในวงสนทนาพี่ๆน้องๆ ที่เรียนด้วยกัน ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนต่างๆกัน ทั้งใกล้จบ กำลังจะสอบโครงร่าง กำลังเตรียมตัวไปต่างประเทศ ฯลฯ

มีหลายประโยคที่พูดคุยกันแล้วกลับมาคิดว่า การเรียนปริญญาเอกนั้น มีปัจจัยอะไรที่น่าจะส่งเสริมให้เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน และอะไรที่บั่นทอนความอยากเรียนรู้นั้นได้บ้างในสายตาของนักศึกษา

ที่พอจะรวบรวมได้คร่าวๆ ในปัจจัยที่ส่งเสริม

  • ตัวหลักสูตร ที่กำหนดจำนวนปีของการเรียน มีการติดตามความก้าวหน้าสม่ำเสมอ มีการจัดการที่ดีในเรื่องการติดต่อสื่อสาร เรื่องขั้นตอนระเบียบต่างๆ และเรื่องของส่วนสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเสริมการเรียนเช่น เรื่องห้องสมุด คอมพิวเตอร์  
  • ความพร้อมของอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ที่มีความรู้ความสามารถแตกฉานในเรื่องวิจัย มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีเวลาให้นักศึกษา และยินดีที่จะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
  • ความพร้อมของนักศึกษา ที่จะมีความเพียร ไม่มีปัญหาครอบครัวมากเกินไป สุขภาพดีและต้องมีพรหมวิหารสี่ เพราะบางครั้งถ้าไปเจอคนที่ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ก็ต้องวางอุเบกขา อย่าไปถือคำพูดมาเป็นอารมณ์มากนักจนเรียนไม่รู้เรื่อง

ส่วนปัจจัยที่ไม่ส่งเสริม ก็ตรงข้ามกับข้างบนที่กล่าวมานั้น

        ซึ่งถ้าองค์ประกอบใดขาดไป การเรียนก็เป็นทุกข์ และคนทุกข์หนักก็คือนักศึกษา ยิ่งใครที่เวลาทำวิจัยก็ไม่ได้เรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักศึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษา นักศึกษาก็งมกับงานของตัวไป อาจารย์ก็รอตรวจงานให้คะแนนไป จบแล้วก็จบกันไปไม่ต้องมาเจอกันได้ก็ดี อย่างนั้นจะคงค้างแต่ความโกรธ เกลียด และอยากแข่งขัน ที่ไม่น่าจะเป็นผลดีกับการพัฒนาองค์ความรู้ของศาสตร์ที่กำลังศึกษา เอาเสียเลย

       เรื่องเรียนรู้ร่วมกันก็คงเหมือนลงเรือลำเดียวกัน เวลาเรืออยู่กลางน้ำ ก็ต้องยอมรับว่า เป็นงานของทั้งทีม ใครที่กระโดดหนีเอาตัวรอดก็คงยาก ทั้งทีมต้องตั้งปณิธานว่า เราจะเรียนรู้ร่วมกันสักครั้ง แล้วถึงจะขึ้นฝั่งอย่างมีความสุขทั้งทีม

คำสำคัญ (Tags): #well_being
หมายเลขบันทึก: 54981เขียนเมื่อ 17 ตุลาคม 2006 20:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  •  เห็นด้วยครับ
  • รอไปต่างประเทศเหมือนกันครับ
  • แต่ proposal ยังไม่ดีเลย
  • ขอบคุณมากครับ
  • แวะมาเป็นกำลังใจให้ครับ

  • Spinning 3D Frankenstein




สวัสดีค่ะ คุณจันทรรัตน์

ครูอ้อยมีตัวอย่างที่ดี  มีข้อแนะนำที่ดี  ดีใจมากที่ได้อ่านค่ะ  จะได้มีพลังในการเรียน  ตามมาห่างๆนะคะ เมตตาครูอ้อยด้วยค่ะ  คุณจันทรรัตน์และคุณขจิต

เท่าที่ผมขึ้นไปเต้นอยู่บนเวที...

ในมุมมองหนึ่งอาจจะผิดก็ได้คือ...ความพร้อมของนักศึกษา...เป็นที่หนึ่งที่ผมพิจารณาดูเช่นเมื่อน้ดกับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วไม่มาตามเวลานัดหรือมาก็สายไปเกือบ 3 นาที...

ความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฏระเบียบ...เช่นการเงิน...ควรพร้อม...

ต่อมาคือตัวหลักสูตร...ควรทันสมัยและเป็นที่สนใจของเราที่สุด...

สำหรับท้ายสุดคืออาจารย์ที่ปรึกษานั้น...ผมไม่ห่วงเท่าไหร่เพราะนักศึกษาเป็นคนเลือกครับ...ควรดูว่าดวงสมพงษ์กันมั้ย...ฮา ๆ เอิก ๆ...

คุณขจิต และครูอ้อย คะ

  • ขอบคุณค่ะ..กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญและให้กันได้ไม่จำกัดค่ะ ในgotoknow มีมากหน่อยเพราะผ่านขั้นตอนใกล้เคียงกัน เข้าใจกันง่ายหน่อยค่ะ

ท่านอาจารย์ umi คะ

  • ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าอาจารย์กับนักศึกษาดวงสมพงษ์กันคะ...ต้องผูกดวงกันไหมคะ...สงสัยจะเหมือนที่แถวนี้ชอบพูดคือ chemical reaction ดีหรือไม่ดี...

ท่านอาจารย์ umi คะ อีกรอบค่ะ เรื่องเวลาค่ะ

เอาเรื่องสนุกมาเล่านิดหน่อยค่ะ

ในการนัดกันครั้งหนึ่งระหว่างอาจารย์และนักศึกษา

นักศึกษา "หนูมารออาจารย์ตั้ง 2 ชั่วโมงแล้วค่ะ"

อาจารย์ "อ้าวนัดคุณไว้สิบโมง ตอนนี้ก็ตรงเวลานัดคุณมาก่อนเวลาเองนี่"

นักศึกษา " ขอโทษค่ะ..หนูผิดเองค่ะ เข้าใจว่าอาจารย์จะนัดตามเวลาญี่ปุ่นซะอีก"

อาจารย์ (เริ่มงง) "ทำไมล่ะ"

นักศึกษา "ก็วันนี้เราจะพูดเรื่องงานวิจัยของประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่หรือคะ"

แฮ่ม!

หรืออีกสักเรื่องไหมคะ...

เหมือนกับการทำงานเป็นทีมเช่นกันนะครับอาจารย์ เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว คงต้องช่วยกันพาย กันจ้ำ หากเหนื่อยมากก็ให้กำลังใจกัน...ขออย่างเดียวอย่าท้อครับ

 การเข้าไปอยู่สังคมของการเรียนระดับสูง สิ่งที่ผมพบเห็นมากๆก็คือ อัตตา ของคนที่มากขึ้น ตามอาภรณ์ประดับกาย แต่หากเราใส่ใจกับเรื่องอัตตาที่รุงรังก็เครียดครับ ต้อง "อุเบกขา" เหมือนที่อาจารย์ว่า นี่เป็นทางออกที่ดี

ให้กำลังอาจารย์เรียนสำเร็จเร็ววันครับ 

 

เห็นด้วยค่ะว่า อุเบกขา เป็นทางออกที่ดี

ขอให้ความสุขเป็นอาภรณ์สำหรับคุณจตุพรตลอดไปค่ะ

เท่าที่อ่านดู อืมมม  สงสัยนิวจะขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์นะเนี่ย  เหอ ๆ  แต่ไม่เป็นไร  นิวจะค่อย ๆ  พยายามปรับให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ คะ 

และเห็นด้วยกับอาจารย์ Umi คะ ว่า เรื่องวิตามิน M (เงิน=Money) ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกัน  !!  ซึ่งถึงแม้นิวจะได้ทุนมาเรียน  แต่ก็ยอมรับว่าบางอย่างเราก็ต้องออกเอง เพราะฉะนั้นก็ต้องเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

ผมเองก็มองว่ากรรมใดๆ ก็มักเกิดจากตัวเราเป็นเหตุครับ ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นหลักใหญ๋ครับ ใกล้ถึงฝั่งฝันแล้วขอเป็นกำลังใจให้นะครับ :)

สวัสดีค่ะน้องนิว และอาจารย์[email protected]

เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ

เรื่องเงินตอนทำวิจัยนี้...มีความเห็นอย่างหนึ่ง(ที่อาจจะไม่ค่อยถูกต้องนัก) ตามประสบการณ์ที่ตัวเองอ่อนเรื่องการขอทุนค่ะ...คือตอนเขียนขอทุน หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง เขียนตามจำนวนที่คิดว่าจะใช้จริงๆ อะไรที่เห็นว่ามีแล้วก็ไม่ขอไป กะว่าไม่เบียดเบียนเงินรัฐเลย...และอาจารย์ที่ปรึกษาก็เห็นชอบกับความคิด...พบว่าทุนจะถูกตัดไปประมาณ 30% ค่ะ ...เลยไม่พอสำหรับงานวิจัยต้องควักกระเป๋าและไปทำงานพิเศษหารายได้เสริมเองค่ะ ....ตอนหลังมีคนแนะนำว่า เวลาเขียนขอทุนจากหน่วยงานรัฐต้องบวกเงินเพิ่มประมาณ 40% เพราะเป็นธรรมเนียมว่า เขาจะตัดทุนที่ขอ 20-30% ..โดยไม่ได้พิจารณารายละเอียดว่าเราเอาไปใช้อะไรบ้าง..ก็ไม่ทราบว่าทำไมแหล่งทุนวิจัยของหน่วยงานวิจัยของรัฐถึงมีวิธีคิดแปลกๆ อย่างนั้น..เรื่องทุนเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นอีกเรื่องนอกจากวิธีการทำวิจัยแล้วค่ะ..

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท