สำหรับลูกผู้หญิงหลายคนอาจสนิทกับแม่มากกว่าพ่อ แต่สำหรับดิฉันคิดว่าฉันสนิทกับพ่อมากว่าแม่เพราะส่วนมากพ่อจะทำงานอยู่กับบ้านหรือใกล้ ๆ บ้านเพราะงานของพ่อต้องทำงานอยู่กับที่พ่อของดิฉันเป็นช่างไม้ พ่อจะประดิษฐ์โต๊ะ เก้าอี้ โต๊ะหมู่บูชา และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ใช้ประดับตกแต่งบ้านเกือบทุกอย่าง
เนื่องจากว่าพ่อเป็นช่างไม้บ้านที่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นบ้านไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่บ้านทุกอย่างก็เป็นไม้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะดูโทรทัศน์ โต๊ะวางคอมพิวเตอร์ โต๊ะวางโทรทัศน์และวางเครื่องปริ้น
ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางถ้วย วางจาน ตู้เก็บอาหาร ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางรองเท้า
รวมไปถึงเตียงที่ดิฉันนอนอยู่ทุกวันนี้ ฯลฯ และอีกมากมายจนบรรยายไม่หมด และถึงแม้ว่าพ่อจะเป็นช่างไม้ แต่พ่อก็ทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทำอาหารพื้นเมือง ซ่อมรถ ซ่อมงานประปา ทำนา ทำสวน ฯลฯ
ครอบครัวของดิฉันอาศัยอยู่ด้วยกันหลายคน ฐานะทางครอบครัวถือว่าไม่ค่อยดีนัก อาศัยอยู่ด้วยกันอย่างพอมีพอกิน "เมื่อก่อนพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ฐานะครอบครัวถือว่าดีถึงขั้นว่าไม่มีหนี้สินสักบาทแม่เลี้ยงลูกอย่างเดียวไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน" แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อพ่อล้มป่วย (หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท)
ทำให้ต้องดามเหล็กที่กระดูกขาด้านซ้ายเพื่อช่วยให้เดินได้สะดวกมากขึ้น ตั้งแต่นั้นมาแม่ก็ตั้งมาช่วยพ่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว จากนั้นฐานะครอบครัวของเราจึงไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าพ่อทำงานหนักไม่ได้เหมือนแต่ก่อน ดิฉันจึงตั้งช่วยพ่อแม่ทำงานมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ และในทุก ๆ วันนี้พ่อก็ทำงานตลอดแทบจะไม่มีวันหยุด
พ่อมีลูกสองคน ชาย 1 หญิง 1 พ่อสอนให้ลูกทุกคนทำมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ลูกผู้ชายก็ทำงานที่เป็นแบบของผู้ชาย เช่น ทำโต๊ะ เก้าอี้ไม้ ทำสวน ทำนา ลูกผู้หญิงก็ทำงานแบบของผู้หญิง(ดิฉันเองค่ะ) คือทำงานบ้านทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน กรอกน้ำใส่ขวด ซักเสื้อผ้า (ของทุกคนในบ้าน) นึ่งข้าว ทำกับข้าว (บางอย่าง)ที่ทำได้
งานทุกอย่างเริ่มทำตั้งแต่อยู่ป.4 และดิฉันก็ทำงานอย่างนี้มาตลอดจนได้มาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยจึงไม่ค่อยได้ช่วยดูแลท่านเมื่อเคย แต่ทุกครั้งที่กลับบ้านดิฉันก็ทำงานช่วยท่านตลอด
นับจากวันที่พ่อดามเหล็กที่กระดูกขาด้านซ้ายจากวันนั้นถึงวันนี้ ก็เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว แต่ระยะเวลาของเหล็กจะใช้งานได้นั้นจะอยู่ได้นานที่สุดก็ประมาณ 15 ปี แต่ตอนนี้พอก็ยังเจ็บขาทำให้เดินลำบาก ต้องเข้ารับการผ่าตัดและทำการพักฟืนตัวอีกประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งการผ่าตัดในครั้งนี้ก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย (เพราะพ่อได้รับพระราชทานเป็นคนไข้ในพระราชอนุเคราะห์ของพระราชินี)
พ่อห่วงว่าในระยะเวลานี้จะทำให้แม่ลำบากมาก เพราะว่าไหนจะต้องหาเงินส่งให้ลูก ไหนจะเงินที่นำมาใช้จ่ายภายในบ้านจึงทำให้พ่อไม่ไปทำการรักษาตัวในครั้งนี้ แต่ดิฉันก็สงสารพ่อจึงอยากให้พ่อไปรักษาตัวให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
แต่แล้วก็ได้คำตอบจากพ่อมาว่า "รอลูกเรียนจบก่อนถึงจะเข้ารักษาตัว" แต่ดิฉันก็บอกพ่อว่าให้พ่อไปรักษาตัวก่อนเพราะว่าเป็นห่วงพ่อมาก พ่ออดทนและเป็นห่วงลูกมากจึงยอมทนเจ็บเพื่อลูก
ขอบคุณพ่อทีทำเพื่อหนูจนไม่มองถึงความลำบากของตนเอง หนูภูมิใจที่สุดที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อ
ในวันพ่อทุกปีดิฉันจะมีของไปให้พ่อทุกปี ปีนี้ก็เช่นกันดิฉันตั้งใจถักหมวกไหมพรมให้กับพ่อพร้อมกับนมถั่วเหลืองเพื่อสุขภาพของพ่อ
อยากบอกสารภาพว่าตั้งแต่เกิดมาครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ดิฉันได้กราบเท้าพ่ออยากบอกว่า "หนูรักพ่อค่ะ"
-สวัสดีครับ
-ตามมาให้กำลังใจนะครับ
-ร่วมระลึกถึงพระคุณพ่อครับ
-พ่อคือคนที่เรารักและเป็นตัวอย่างที่ดีครับ
-ขอบคุณบันทึกเรื่องพ่อนะครับ
งดงาม สวยงามมากครับ มีความสุขผุดขึ้นในใจผมด้วยขณะอ่านบันทึกนี้ ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับ คุณธัญญพัทธ์ พื้นอินต๊ะศรี
อ่านแล้วประทับใจครับ ขอบคุณมากครับที่นำเรื่องราวดี ๆ มาแบ่งปัน
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ ธนดล ศรีมะลิ
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณธัญญพัทธ์ พื้นอินต๊ะศรี
เพื่อนคุณพ่อที่น่ารักมากเลยค่ะ
ขอบคุณที่มาเล่าเรื่องราวดีให้นะค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ ธัญญพัทธ์ พื้นอินต๊ะศรี
เป็นคนดี ต้ังใจเรียน ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ แค่นี้พ่อก็รักมากแล้วค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ สายชล เจริญศรี
สวัสดีค่ะ คุณ ธัญญพัทธ์ พื้นอินต๊ะศรี
ประทับใจกับความรักของคุณกับพ่อมากค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ อัจฉราภรณ์ สุจริต
ขอบคุณมากค่ะ