๐ ปัญหามีเพื่อรู้ .......... ฝึกฝน
ยามอยู่สู้อดทน .......... กระทบบ้าง
แปรวิกฤตนั่นแหละผล ... พิเศษ
ดีกว่าจะเวิ้งว้าง .......... วุ่นแล้วสับสน
ไม่มีความเห็น
เรื่องการขอโทษ คนไทยเราในเมื่อได้ล่วงเกินใครแ
ไม่มีความเห็น
๐ มีเรื่องราวรับรู้......... หลากหลาย
เรื่องเกิดแก่เจ็บตาย ... พี่น้อง
เรื่องโลกที่วุ่นวาย ....... เวียนกระทบ
แต่ทุกเรื่องนั่นต้อง .... . ตรึกรู้ดูเป็น
ไม่มีความเห็น
รำฟ้อนดูอ่อนช้อย
วัยใช่น้อยมาฟ้อนรำ
แก่แก่แลคมขำ
จึงจดจำนำภาพมา
ประเพณีอันดีงาม
พยายามสืบรักษา
รำฟ้อนเพื่อบูชา
องค์พระธาตุชื่อเชิงชุม
ไม่มีความเห็น
หลากสีและหลากพันธุ์
บรรจงสรรลงถูกที่
ล้วนแล้วแต่ดูดี
ราคานี้มีมากมาย
ดอกไม้คราจำเป็น
เช้าชั่วเย็นเห็นหลากหลาย
จัดวางดูพร่างพราย
ไม่ช้าหายความโสภา
ให้น้ำให้ฉ่ำชื้น
เพียงเพื่อฟื้นให้คืนมา
สวยซึ้งไม่ถึงครา
ก็โรยราไม่น่ามอง
ไม่มีความเห็น
"..ดอมดอกดื่นชื่นมาลีหลากสีสัน
ประโลมขวัญแล้วจางห่างเสมอ
บางดอกก็ไร้กลิ่นสิ้นเลิศเลอ
เพียงพลั้งเผลอผ่านแผ่วแล้วเลยลา
สายธารแห่งดวงใจในชีวิต
ไม่มีมิตรสนิทแท้ที่แลหา
เชิงตะกอนก่อนดับลับวิญญาณ์
หวังจันทน์มาวางไว้อยู่ใกล้เธอ.."
"..จะบุปผาคราแรกแย้มแต่งแต้มโลก
ไม่วิโยคโศกสูญอาดูรหรือ
จะมีใดอยู่ยั้งจีรังฤา
ที่ดีคือมิพลั้งเผลอละเมอไป
กฤษณาหรือจันทน์วันสุดท้าย
ที่สุดย่อมสลายคลับคล้ายไหม
ถูกเพลิงเผาเร่าร้อนกลางก้อนไฟ
เหลืออังคารถ่านเถ้าไว้ไยคร่ำครวญ.."
ขอบคุณภาพจากเน็ต
ไม่มีความเห็น
๐ แพงพวยงามเพริศแพร้ว ..... เพียงแข
บานเบ่งภู่แมลงแล ....................ลูบไล้
โรยราร่วงหล่นแปร .................... เปลี่ยนกลีบ
ภุมราทีีมาใกล้ ............................ กลับเร้นลาหนี
(พระมหาวินัย)
๐ แพงพวยงามกลีบล้ำ .......เลิศงาม
สีม่วงชมพูยาม ....................คลี่แล้ว
ดึงดูดแมลงตาม ......................ตอมดอก
หอมบ่หอมมิแคล้ว ....................คลาดเคล้าคลึงชม
๐ ♡นารีฉูดฉาดกล้า................ เกินหญิง
กิริยาควรติง............................ติได้
แมลงภู่มิจริง .............................ใจดอก
ดอมเด็ดหาหอมไร้.......................เริดร้างห่างถวิล
(คุณครูประภัสสร โพธิจักร)
..
๐ ฉูดฉาดฉกาจกล้า .....กัลยา
นั่นแหละชายต้องตา ....... ต่อสร้อย
แวะเวียนเปลี่ยนมองมา ....... มอบรัก
กลัวแต่นางแน่งน้อย ............. นี่แล้วหวั่นไหว
๐ ใจง่ายหลายรักแล้ว ......... ฤาดี
ควรรักนวลสงวนที ............... ท่าไว้
นิ่งนิ่งยิ่งมองมี ...................... มนต์เสน่ห์
ดีกว่าดีดดิ้นให้ ........................ ห่อนไร้ใครถนอม
(พระมหาวินัย)
ขอบคุณภาพจากเน็ต
ไม่มีความเห็น
เปรียบดอกไม้เหมือนพระสงฆ์จำนงวิสุทธิ์
พุทธบุตรทรงเพศพิเศษหมาย
มวลดอกไม้มีอยู่ดูมากมาย
ต่างกระจัดกระจายหลากหลายพรรณ*
เหตุไฉนจะงดงามตามระเบียบ
เรียงร้อยเรียบเป็นมาลัยให้สีสัน
อาศัยด้ายมาร้อยคอยเกี่ยวกัน
คละเคล้านั้นก็มีค่าน่าชื่นชม
พระวินัยท่านเทียบเปรียบด้วยด้าย
หรือก็คล้ายแจกันอันเหมาะสม
หากพระดีมีวินัยใฝ่อบรม
โยมชื่นชมศรัทธาสาธุการ
*พรรณ=วรรณะ-สี,ชนิด,
ขอบคุณภาพจากเน็ต
ไม่มีความเห็น
เปรียบหญิงสาวเหมือนมาลีคราคลี่แย้ม
ดูเจิดแจ่มสวยใสไร้หม่นหมอง
ภู่ผึ้งบินฉวัดเฉวียนเวียนมามอง
คอยจดจ้องมาลีคราคลี่บาน
แม้มาลีไม่รีบกลีบขยาย
เจ้าอย่าหมายได้ลิ้มลองละอองหวาน
คงได้แต่บินบนวนอยู่นาน
แม่พุ่มพวงดวงมาลย์คิดอ่านใด
ขอบคุณภาพจากเน็ต
ไม่มีความเห็น
ปิดทองนิมิตล้ำ ....... เลองาม
เก้าลูกผูกติดตาม ........ แต่งตั้ง
เป็นเขตวิสุงคาม ......... วิสุทธิ์
วิสิฐวิเศษทั้ง ............. เทิดไท้ทานเกษม (พระมหาวินัย)
๗ ก.พ.๕๗
๐ วาววาวทอแท่งท้า...........ทองคำ
ลูกนิมิตนิมิตนำ......................แน่วไว้
วิสุทธิเสมาธรรม.................... ...ทองทาบ
ทอทิพย์ธรรมทบไท้ ....................ทั่วทั้งธรณี
คุณครูประภัสสร โพธิจักร
หลากหลายสิ่งเชื่อเลิศล้ำดีงาม
เฝ้าติดตามตถาคต แต่งแต้ม
(เมนูผัดผักก้านจอง เมนูประจำ)
ขอให้พระอาจารย์ฉันแล้วมีพละกำลังและปัญญามากล้นปลูกคุณธรรมให้เบ่งบานทั่วถิ่นไทย
ดอกพยอมร่วงลงตามธรรมชาติและคืนสู่รากเดิมของมันเองแต่คนเรามาจากไหนและกลับคืนนะที่ใดกันหนอ
ครั้งองค์พระพุทธเจ้าได้ตรัสถามปัญหา ๔ ข้อ แก่บุตรีสาวของช่างทอหูก เธอได้กราบทูลตอบทั้ง ๔ ข้อ คำถามและคำตอบมีว่าดังนี้ ๑ ถาม เจ้ามาจากไหน ตอบ ไม่ทราบพระเจ้าข้า ๒ ถาม เจ้าจักไปในที่ไหน ตอบ ไม่ทราบพระเจ้าข้า ๓ ถาม เจ้าไม่ทราบหรือ ตอบ ทราบพระเจ้าข้า ๔ ถาม เจ้าทราบหรือ ตอบ ไม่ทราบพระเจ้าข้า ฝูงชนที่เฝ้าอยู่พากันยกโทษเด็กหญิงผู้นั้นว่ากราบทูลเหลาะแหละเหลวไหลกับพระพุทธเจ้า เป็นการไม่สมควร เมื่อตรัสถามว่ามาจากไหน ก็ควรจะกราบทูลว่ามาจากบ้านของตน เมื่อตรัสถามว่าจะไปไหน ก็ควรจะกราบทูลว่าจะไปโรงทอหูก องค์พระบรมครูทรงสดับเสียงอื้ออึงของมหาชน จึงตรัสขอให้สงบเสียง แล้วตรัสถามให้เด็กหญิงผู้นั้นอธิบายคำตอบ เด็กหญิงนั้นก็กราบทูลอธิบายว่า คำตอบที่ ๑ หมายความว่า ไม่ทราบว่ามาเกิดในชาตินี้จากที่ไหน คำตอบที่ ๒ ไม่ทราบว่าจุติคือเคลื่อนจากชาตินี้แล้ว จักไปเกิดในที่ไหน คำตอบที่ ๓ คือ ทราบว่าความตายจะมีแน่ คำตอบที่ ๔ คือ ไม่ทราบว่าจะตายเมื่อไร
๐ เอามีดกรีดแกะไม้ ...... ปฏิมา
รูปเปรียบพระพุทธา ....... เทิดไว้
กราบไหว้อนุสรณา ......... แนบจิต
เป็นนิมิตติดตาให้ ........... ห่างห้วงอกุศล
..
เพียงเศษไม้เหลือทิ้งวางนิ่งอยู่
เอามาถูเอามาขัดตัดแต่งศิลป์
เอาศรัทธาหยั่งลงองค์พระชิน
แต่งแต้มจินตนาการผ่านมีดคม
จนเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เห็น
ยินยลเย็นโศกสลายคลายขื่นขม
เป็นเครื่องหมายแห่งความดีที่พร่างพรม
ยามกราบก้มบูชาเตือนตา-ใจ
กราบพระพุทธสุดประเสริฐเกิดความรู้
ที่เป็นอยู่ตื่นหรือหลง รักตรงไหน
กราบพระพุทธกราบองค์พระทรงชัย
อย่าหลับใหลให้ตื่นจะชื่นบาน
กราบพระธรรมคำสอนให้ย้อนคิด
เพ่งพินิจให้ดีที่ขับขาน
กราบไม่เป็นเห็นไหมถูกใบลาน
กราบคือการประพฤติธรรมนำชีวี
กราบพระสงฆ์ทรงผ้ากาสาวะ
ให้รู้ละเหมือนพระสงฆ์ผู้ทรงศรี
กราบคราใดกราบไปให้ถูกดี
พระสงฆ์นี้แบบอย่างทางชีวิต
๐ กราบพระใช่กราบผ้า ..... ผืนเหลือง
ปฏิปทาอาจาระเรือง ........ เลิศแล้
มิใช่เพราะประเทือง ........ ทายทัก หวยแฮ
สุปฏิปันโนแท้ ............... ที่น้อมเศียรถึง
(พระมหาวินัย) ๒๒.๓๙ น. : ๓ ก.พ. ๕๗
มือสร้างศิลป์จินตนาศรัทธามั่น
แรงกายหมั่นวาจาชอบประกอบผล
ใจจ่อจดพระไตรรัตน์พัฒน์มงคล
ประเสริฐล้นประสิทธิ์ล้ำนำความงาม
(คุณครูประภัสสร โพธิจักร)
ไม้เป็นต้น เป็นท่อน มาเป็นพระพุทธรูป นั้นยากเย็น จึงได้รับการกราบไหว้ ..แต่ถ้าเป็นเพียงท่อนไม้ที่วางไว้คงเป็นเพียงท่อนฟื้นหรือส่ิงของประดิษฐ์บางอย่าง ที่มองผ่านชั่วครู่
ยามแตกช่อเบ่งบานก็ผ่านใกล้
คอยยื่นมือยื้อไปให้มันถึง
เก็บกำดอกหอมหวนชวนคะนึง
ดอกเจ้าจึงมีค่าก็คราบาน
แต่ยามใดไร้กลิ่นก็สิ้นค่า
ไม่แวะมาลองลิ้มชิมรสหวาน
เห็นดอกใหม่ลืมดอกหลังครั้งวันวาน
ปล่อยพุ่มพวงดวงมาลย์ร้าวรานใจ (พระมหาวินัย)
ดอกเจ้าบานเเต้มกิ่งดูพริ้งเเพร้ว
กาลผ่านแล้วดอกเก่าร่วงเกิดพวงใหม่
หอมเอย.....หอมพะยอมย้อมหทัย
ขจรไกลเสน่ห์ซึ้งยังตรึงตรา
ไยจะลืมดอกเก่าที่เฝ้ารัก
ยังฟูมฟักอดีตใกล้ยังใฝ่หา
แม้เจ้าจะลาไกลไม่หวนมา
ยังซาบซึ้งประหนึ่งว่าไม่กล้าลืม (เต็มตื่ ชื่นบาน))
เคยผ่านรักดมดอมช่างหอมหวน
เคยเย้ายวนซึมซาบแสนปลาบปลื้ม
แต่ผันผ่านกาลเวลาทำท่าลืม
กลับดูดดื่มกลิ่นใหม่ ให้ระทม (สายธาร แห่งรัก)
ก็จงจดจงจำความช้ำชอก
อย่าให้หลอกซ้ำสองต้องขื่นขม
เจ็บไม่จำซ้ำใจได้ตรอมตรม
มาภิรมย์รักแล้วคลาดแคล้วไป
เป็นเช่นนี้แหละหนาอย่าริรัก
ควรจะหนักแน่นบ้างอ้างว้างไหน
อยู่คนเดียวเปลี่ยวอุราว้าวุ่นใด
สบายใจสบายกายคลายกังวล (พระมหาวินัย)
ถ้าไม่ลองไม่รู้หนาคำว่ารัก
แค่อกหักจะเป็นไรไม่ต้องสน
โลกเรามีผู้ชายตั้งหลายคน
จงอดทนรอคอยผู้อยู่เพื่อเรา
จะเจ็บจำกี่ครั้งช่างมันเถิด
จงก่อเกิดรักใหม่ให้สุขเศร้า
แต่ถ้าเบื่อเมื่อใดใจไม่เอา
ก็จงเฝ้าเป็นโสดอาจโปรดปราน (เต็มตื่น ชื่นบาน)
ทางพระว่าความรักมักก่อทุกข์
มีความสุขเล็กน้อยพลอยชื่นหวาน
ยามความรักดีอยู่ดูเบิกบาน
มองทุกด้านดีหมด มดแมงตอม
แต่เมื่อใดอนิจจังประดังเข้า
เกิดหงอยเหงาเศร้าศัลย์พลันผ่ายผอม
เพราะเผลอไผลในคำรักจักตรมตรอม
พวงพะยอมหอมหายจากกายนาง (พระมหาวินัย)
ไม่มีความเห็น
๐ ชมพะยอมยามพรั่งพร้อม ....... พวงขาว
กรุ่นกลิ่นกลแก้มสาว ............... สดซึ้ง
หอมหื่นชื่นชมคราว ................ เพียงครู่
กลัวแต่คนรุมทึ้ง .................... ร่วงแล้วหอมหาย
๑๕.๔๔ น. : ๔ ก.พ. ๕๗
ให้ความหมายดีเยี่ยมครับ
๐ เคยสะพรั่งกลับร่วงทิ้ง ......ถมดิน
เก็บกวาดจนชาชิน ............ เช่นนี้
ออกใหม่ระบัดใบถวิล ........ วัฏฏะ
กฎแห่งไตรลักษณ์ชี้ .......... ช่วยเือื้ออวยกุศล
๐ คนเกิดขึ้นอยู่แล้ว .......... สลายไป
เกิดอีกภพภูมิไหน ............. ไม่แจ้ง
ดีชั่วที่อาลัย .................... เหลือระลึก
โลมโลกฤารู้แล้ง ............... ร่างไร้นามเสถียร
๑๕.๒๙ น. : ๔ ก.พ. ๕๗
กวาดไปพิจารณาโลภะในใจก็พัฒนาจิตได้
มองดูแล้วหน้าเสื่อมใส จากรูปภายนอก..ภายในศรัทธาต่อคำสอนของพระองค์ท่านด้วยครับ
พระแก้วมรกตฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ศึกษาดูมากๆ จะเห็นว่ามีหลายสำนักที่สร้าง
ดอกพะยอมที่วัดกำลังบาน ดอกนี้กินได้ เอาไปทำซุป แกงส้ม ทอดใส่ไข่
เป็นดอกฟ้าในป่าพนาสนฑ์
ดีกว่าทนเป็นพะยอมหอมเมืองหลวง
เด่นดอกนวลยวนใจให้ใครลวง
บานเป็นพวงร่วงไปใครจะแล
เป็นดอกฟ้าในป่าในกระท่อม
ดีกว่าเป็นพะยอมหอมหายแน่
คำโบราณสอนสั่งฝังดวงแด
ให้รู้แก้กลใจในสังคม
(คุณครูประภัสสร โพธิจักร)
เป็นดอกฟ้าในป่าใหญ่ไร้คนหอม
ก็จงยอมมาอยู่คู่เมืองหลวง
ให้คนกรุงได้เหลียวแลแม่พุ่มพวง
ดีกว่าร่วงโรยเปล่าไม่เข้าที
เป็นดอกฟ้าในป่าใหญ่ใครเห็นค่า
มอดไม้มาโค่นหักไร้ศักดิ์ศรี
อยู่เมืองกรุงจรุงกลิ่นไม่สิ้นดี
ราคานี้มากมายหลายร้อยพัน
(พระมหาวินัย)
โอ้ .. เชื่อใครดีเจ้าคะ คุณครูหรือท่านมหา อิอิ..
นมัสการค่ะท่าน…ดอกพะยอมสวยมากๆนะคะ
๐ แม้จักต่างเชื้อชาติ ........ ศาสนา
ก็อยู่ร่วมชายคา ............. ประเทศได้
ทุกคนก็ต่างมา .............. เป็นมิตร
เผื่อแผ่แก่กันไว้ ............. ว่างเว้นกินแหนง
ไม่มีความเห็น
๐ อ้างอิงเอาเทพไท้ ........ทั้งสวรรค์
คุณพระศรีรัตนะอัน .......... เพริศแพร้ว
กรรมดีที่เคยสรรค์ ........... เสกก่อ
ขอจุ่งเป็นฉัตรแก้ว ........... ปกเกล้าเราเสมอ
๐ เผลอไผลปีเก่าครั้ง ....... คราใด
ประพฤติปฏิบัติไป ........... เปลี่ยนแก้
ประเสริฐเลิศกำไร ............ กว่าอดีต
มวลหมู่ไพรีแพ้ ............... พยาธิร้ายกรายหนี
๐ มีมิตรรักมั่นแท้ ............. นิรันดร
มีสุขสโมสร ................... ทั่วหล้า
ปิยชนไป่จร ................... จากอก
ดวงจิตจรัสจ้า ................. จวบฟ้าดินสูญ
๐ พูนเพิ่มโภคทรัพย์แก้ว ....ศฤงคาร
เกียรติยศและงาน ............ อีกพร้อม
สมมโนปณิธาน ............... ทุกสิ่ง
ญาติสนิทมิตรรักห้อม ........ ห่อนสิ้นสุขศานต์
๐ วาระกาลใหม่นี้ ............ อวยพร
งูเล็กพลัดผันจร .............. จากคล้อย
ม้าดีวิ่งเว้าวอน ................ เวียนสู่
จึงคิดประดิษฐ์ถ้อย ........... แจกผู้เห็นสาร
๑๙.๔๔ น. : ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖
นิมิตตํ สาธุ รูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา
เหลือเวลาปีเก่าไม่เท่าไหร่
วันเวลาหมุนไปไม่ย้อนหลัง
ชีวิตคนก็ลดน้อยถอยกำลัง
ใครเล่าหรือยับยั้งได้ดังเดิม
ไม่มีความเห็น
๐ วันเคลื่อนเดือนก็คล้อย .......... คลาไคล
ปีเก่านับวันไกล .................... จากแล้ว
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปรไป ............... เป็นเช่น นี้นา
งูจากไปไม่แคล้ว .................. ควบม้ามาแทน
พระอาจารย์สิ่งที่เปลี่ยนหน้าจะเป็นอายุที่เพิ่มขึ้นเวลาที่อยู่ในโลกใบนี้ก็น้อยลงอีกทุกวินาที เปลี่ยนพ.ศ. แต่ขอให้ใจของพี่น้องทุกคนรักปรองดอง สามัคคี เพื่อชาติบ้านเมือง ไม่แตกแยก..ความเห็นต่างเป็นเรื่องปรกติ..
เป็นอย่างนั้นก็คงดี
๐ คำสอนปราชญ์แต่เบื้อง ........... โบราณ
เจ็ดคาบเว้นขับขาน ................... คีตร้าง
ห้าวันอักขระลาญ ...................... ละลายหมด
สามรัตติ์จากสมรบ้าง ................. บ่รู้ความหลัง
ไม่มีความเห็น