อนุทินล่าสุด


ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

จดหมายเปิดผนึกร่วมคัดค้านร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556

โปรดClick http://thaisocialwork.files.wordpress.com/2013/04/2013-04-218_fax-022951154.pdf เพื่อdownload ฉบับจริงแล้วลงนามคัดค้านร่างผังเมืองดังกล่าวส่งกลับมาทางFax 02.295.1154 หรือEmail: [email protected] ภายในวันอังคารที่30 เมษายน2556 นี้นะครับ

10 ถ.นนทรี ยานนาวา กทม. 10120

25 เมษายน 2556

เรื่อง  คัดค้านร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556

เรียน  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

พลเอก พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย

นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

เนื่องด้วยขณะนี้กรุงเทพมหานครพยายามเสนอต่อกระทรวงมหาดไทยเพื่อผลักดันร่างผังเมืองฉบับใหม่ออกมาประกาศใช้ แต่ร่างดังกล่าวมีข้อบกพร่องมากมาย หากนำมาใช้จะสร้างปัญหามากกว่าจะช่วยสนับสนุนการวางแผนพัฒนาเมืองให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย  กระผมจึงขอคัดค้านร่างดังกล่าวดังนี้ และขณะนี้กำลังขอความร่วมมือกับประชาชนในการคัดค้านร่างฉบับนี้และจะส่งรายชื่อมาให้ท่านต่อไป:

1. ในพื้นที่ธุรกิจใจกลางเมืองถูกจำกัดการก่อสร้างทั้งที่ควรให้พัฒนาในแนวสูง เพื่อใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่าและเก็บภาษีได้มาก  กรุงเทพมหานครมักอ้างว่ามีไฟไหม้อาคารขนาดใหญ่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่จริง  ในช่วง พ.ศ.2550-5 อาคารเหล่านี้ เกิดเพลิงไหม้ลดลงจาก 9% เหลือ 1% อาคารเหล่านี้มีระบบป้องกันไฟไหม้ที่ดี กรุงเทพมหานครควรปรับปรุงประสิทธิภาพในการดับเพลิง แทนที่จะนำมาอ้างเพื่อกีดขวางการพัฒนา

2. ร่างผังเมืองนี้ทำให้เมืองขยายออกไปในแนวราบ รุกทำลายสิ่งแวดล้อมและพื้นที่เกษตรกรรม สิ้นเปลืองงบประมาณขยายสาธารณูปโภคไม่สิ้นสุด ยังทำให้ประชาชนเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก ซึ่งเป็นการผลักภาระและปัญหาไปสู่จังหวัดอื่น เช่น

2.1 ในพื้นที่ ย.3 ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหลายร้อยตารางกิโลเมตรและมีอะพาร์ตเมนต์ให้บริการผู้มีรายได้น้อยมากมาย กรุงเทพมหานครกลับห้ามสร้างอะพาร์ตเมนต์ขนาดเกิน 1,000 ตารางเมตรหากถนนผ่านหน้าที่ดินมีความกว้างไม่ถึง 30 เมตร  ทั้งที่รู้ว่าในความเป็นจริงไม่มีซอยใดที่จะมีความกว้างเช่นนี้

2.2 ในพื้นที่ ย.2 ห้ามสร้างทาวน์เฮาส์ ทั้งที่บริเวณเหล่านี้มีทาวน์เฮาส์สำหรับผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้น้อยอยู่มากมาย  ดังนั้นต่อไปประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางต้องระเห็จออกไปอยู่นอกเมือง โดยตามรอยตะเข็บเขตสมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี กลับมีโครงการใหญ่ๆ ประเภทอาคารชุดและทาวน์เฮาส์มากมาย เพราะไม่สามารถสร้างในเขตกรุงเทพมหานครได้

3. ตามร่างผังเมืองใหม่ก็ไม่ได้กำหนดให้มีแผนการป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมเพราะไม่ได้ทำถนนและเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระบบเปิดปิดน้ำกันน้ำทะเลหนุน และระบบคลองระบายน้ำใหม่ๆ เป็นต้น ยิ่งกว่านั้นกรุงเทพมหานครควรดำเนินการอย่างมีบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น

4. ผังเมืองที่ออกมาไม่สอดคล้องกับความจริงในหลายประการ เช่น4.1 ถนนบางเส้นไม่จำเป็นต้องสร้าง เช่น ถนน ง.2 หนองจอก เพราะสภาพเป็นทุ่งนา แต่บางเส้นเล็กและคดเคี้ยวกลับไม่ตัดถนน เช่นทางเข้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตบางขุนเทียน
4.2 กำหนดการใช้พื้นที่ไม่เป็นจริง เช่น พื้นที่พาณิชยกรรม พ.1-12 ถนนนวมินทร์กลับมีสภาพจริงเป็นหมู่บ้านจัดสรร หรือพื้นที่ อ.1-4 ถนนเทียนทะเลที่กำหนดให้เป็นเขตอุตสาหกรรมเฉพาะ 200 เมตรแรกที่ติดถนน (ฝั่งซ้าย) และ ตลอดแนวคลองที่ขนานกับถนน (ฝั่งขวา)  แต่ในความเป็นจริง พื้นที่โดยรอบก็มีโรงงานมากมาย  ผังเมืองจึงวางอย่างละเอียดรอบคอบกว่านี้

5. แผนก่อสร้างและปรับปรุงถนน 140 สายตามร่างผังเมืองรวมนั้น หลายสายก็วาดไว้ตั้งแต่ผังเมืองฉบับปัจจุบันที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ.2549 แต่ยังไม่ได้ก่อสร้าง  บางสายก็วาดต่างไปจากเดิม  ที่สำคัญก็คือ งบประมาณก่อสร้างถนนตามที่วาดไว้ยังไม่มีการจัดหาไว้ ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอน

6. ผังเมืองกรุงเทพมหานครขาดการพัฒนาสวนสาธารณะ ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่เพียง 4.65 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับมหานครทั่วโลก  ที่สำคัญพื้นที่สวนสวนสาธารณะ 26 ตารางกิโลเมตรยังรวมสวนในหมู่บ้านเอกชน เกาะกลางถนน บึงน้ำ พื้นที่ว่างของกองทัพ ฯลฯ เข้าไปด้วย  นอกจากนี้สวนสาธารณะส่วนมากจะสร้างในเขตรอบนอกซึ่งมีความจำเป็นน้อย  ไม่มีการวางแผนสร้างสวนสาธารณะใจกลางเมือง  ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าผังเมืองจะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองสีเขียว (Green City) จึงไม่จริง

7. ร่างผังเมืองนี้พยายามเสนอข้อดีบางประการ ซึ่งไม่เป็นจริง เช่น

7.1 จะเพิ่มการควบคุมกิจกรรมที่ขัดต่อสุขลักษณะ 5 กิจกรรม เช่น สนามแข่งม้า สนามแข่งรถ และสนามยิงปืนนั้น ในความเป็นจริงไม่ได้มีผลในทางปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะแทบไม่มีการขออนุญาต

7.2 การแจก "แจกโบนัส 5-20%" คือให้สร้างเพิ่มเติมกว่ากฎหมายปกติกำหนด ในรัศมี 500 เมตรรอบสถานีรถไฟฟ้านั้น ก็ใช้ได้เฉพาะสถานีที่สร้างเสร็จแล้ว ไม่ใช่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีผลอะไร

7.3 การพัฒนาศูนย์เมืองย่อย เช่น ในย่านมีนบุรีที่แนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู-สีส้มมาบรรจบกัน ย่านพระรามที่ 2 ใกล้กับถนนกาญจนาภิเษก และย่านรามอินทราใกล้จุดตัดถนนรัชดา-รามอินทรา  เป็นต้น  หากร่างผังเมืองนี้ได้ประกาศใช้ในปีนี้และหมดอายุในปี 2560 ก็ยังไม่แน่ว่ารถไฟฟ้าทั้งสองสายจะได้สร้างเสร็จ

โดยสรุปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าร่างผังเมืองนี้ เป็นการแก้ปัญหาเมืองแบบซุกปัญหาไว้ใต้พรม เพราะแทนที่จะจัดระเบียบการใช้ที่ดินที่ดี กลับปัดปัญหาออกไปนอกเมือง  นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชากรของกรุงเทพมหานครลดลงในระยะหลายปีที่ผ่านมา เพราะประชาชนไม่สามารถอยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครได้ เพราะความพยายามทำเมืองให้หลวม  กรุงเทพมหานครควรคิดใหม่ ทำเมืองให้หนาแน่น (High Density) แต่ไม่แออัด (Overcrowded) แต่ปัจจุบันกลับทำในทางตรงกันข้าม

ประเด็นหนึ่งที่กรุงเทพมหานครเองไม่สามารถจะแก้ปัญหาของเมืองและวางแผนการพัฒนาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ เพราะขณะนี้ความเป็นเมืองของกรุงเทพมหานครได้ขยายออกนอกเขตบริหารของกรุงเทพมหานครแล้ว  ยิ่งกว่านั้นกรุงเทพมหานครยังขาดการประสานแผนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ผังเมืองกับการขยายตัวของสถานศึกษา พื้นที่ปกครอง กิจการไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ราคาประเมินของทางราชการ ก็ไม่ได้ยึดโยงกับผังเมือง

ดังนั้นกระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการวางผังเมืองจึงควรดำเนินการวางแผนภาคมหานคร ซึ่งรวมพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  และให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันวางผังนี้ให้เป็นแผนแม่บทในด้านการปกครอง สาธารณูปโภคและอื่นๆ  ในระหว่างนี้ให้ประกาศใช้ผังเมืองฉบับเดิมไปก่อน และให้มีกรอบเวลาการทำผังภาคมหานครให้แล้วเสร็จใน 2 ปี  สำหรับสาระสำคัญดังนี้:

1. ในพื้นที่เขตธุรกิจชั้นในของกรุงเทพมหานคร ควรอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่และสูงพิเศษ แต่ให้เว้นพื้นที่ว่างให้มากเพื่อให้เกิดพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง  แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ให้สิทธิพิเศษ เพราะกรุงเทพมหานครควรจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับการก่อสร้างอาคารได้สูงหรือใหญ่พิเศษ เพื่อนำเงินไปเข้ากองทุนพัฒนาระบบคมนาคม เช่น รถไฟฟ้ามวลเบา ผ่านเข้าสู่ถนนสายต่างๆ เพื่อการระบายการจราจร

2. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ประสาน

2.1 กับกิจการไฟฟ้า ประปา ทางหลวง รถไฟฟ้า ช่วยกันน่างผังเมืองนี้เป็นแผนแม่บทของหน่วยงานของตน  ส่วนในพื้นที่อนุรักษ์ชนบทจะห้ามก่อสร้างถนนหรือขยายไฟฟ้า ประปาไปบริเวณดังกล่าว

2.2 กับการเคหะแห่งชาติและหน่วยงานอื่นโดยควรใช้วิธีจัดรูปหรือเวนคืนที่ดินชานเมือง เช่น เขตหนองจอก ราว 10,000 – 20,000 ไร่ สร้างเมืองใหม่แบบปิดล้อมแต่มีระบบขนส่งมวลชนเข้าสู่ใจกลางเมืองโดยตรง แล้วจัดสรรที่ดินที่มีสาธารณูปโภคครบ (serviced land) เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ศูนย์ธุรกิจ เป็นต้น

2.3 กับกรมธนารักษ์เพื่อนำที่ดินใจกลางเมืองมาพัฒนาเป็นศูนย์ธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจมีการรวมศูนย์ สาธารณูปโภคไม่ต้องขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต เป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจด้วยกันเองในพื้นที่

2.4 กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดสร้างนิคมให้โรงงานได้ใช้ในราคาถูกเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม และเพื่อห้ามการก่อสร้างโรงงานตามท้องนาหรือย่านชานเมืองเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้

ขอแสดงความนับถือ

ดร.โสภณ พรโชคชัย

โทร.0.2295.3905 หรือ[email protected]

ผมได้รับ e-mail จาก ดร.โสภณ พรโชคชัย ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2556 แต่เนื่องจากติดภาระกิจจึงยังไม่มีเวลาศึกษา เมื่อมาอ่านดู ก็เห็นว่าเป็นเรื่องของส่วนร่วม และเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้เกี่ยวข้อง จึงนำมาเผยแพร่เพื่อให้คนที่รู้จริงและคนที่ไม่รู้อย่างผมได้รับทราบไว้เป็นความรู้ในเบื้องต้น ส่วนเหตุผลฝ่านไหนจะถูกต้อง คงต้องติดตามดูครับ




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ประกาศรับสมัครงาน

ศูนย์ความรู้เฉพาะด้าน วิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษา

คณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ต้องการรับสมัคร ผู้ช่วยวิจัยในตำแหน่งวิศวกรคอมพิวเตอร์หรือนักวิชาการคอมพิวเตอร์ 5 ตำแหน่ง

คุณสมบัติ

จบปริญญาตรีขึ้นไป สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หรือ สาขาที่เกี่ยวข้อง

เชี่ยวชาญภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้พัฒนาเว็บไซต์อย่างน้อย1ภาษาเช่น  Python,Ruby,Perl,Java,PHP,.NET

สามารถเก็บrequirementและวิเคราะห์ระบบเบื้องต้นได้

สามารถออกแบบฐานข้อมูลที่สำคัญๆเช่น  MYSQL,PostgreSQL

สามารถใช้งานHTMLCSSXMLได้

มีความรู้พื้นฐานในการใช้โปรแกรมตกแต่งภาพ

มีความรู้ภาษาclient-sideสำหรับการทำงานบนเว็บไซต์เช่น  jQueryAjax

สามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆเช่นHTML5CSS3FRAMEWORKตลอดจนกฎW3C

ทำงานเป็นทีมได้ มีวินัยซื่อสัตย์อดทน

ทำงานดึกได้ในบางครั้ง

ค่าตอบแทนขึ้นอยู่กับประสบการณ์

ปริญญาตรี เริ่มจาก15000++บาททดลองงาน2เดือนจากนั้นจะพิจารณาขึ้นขึ้นให้โดยอยู่กับผลงานในระยะเวลา 1ปีหากมีความสามารถที่จะเรียนต่อปริญญาโทจะให้เป็นผู้ช่วยวิจัยพร้อมมีเงินเดือนในกรณีที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ มีโอกาสเป็นผู้ช่วยวิจัยแลกเปลี่ยนกับประเทศญี่ปุ่น

ปริญญาโท เริ่มที่17900++ทดลองงาน2เดือน  จากนั้นจะพิจารณาขึ้นให้โดยขึ้นอยู่กับผลงานในระยะเวลา1ปี หากต้องการเรียนปริญญาเอกเงื่อนไขเช่นเดียวกับปริญญาตรี และ มีโอกาสเป็นผู้ช่วยวิจัยต่อ

สนใจติดต่อที่

คุณ อารีรัตน์ ทองใบ 02-579-0358

[email protected]

http://naist.cpe.ku.ac.th




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ผมกำลังชมการถ่ายทอดสดทางสถานนีโทรศัทน์ช่อง 9 เป็นรายการประชุมนานาชาติเกี่ยวข้องกับสัตว์ป่า CITES แทนทีจะปล่อยเสียงให้พิธีกรบนเวทีออกอากาศ กับมีคนมาพากย์แบบไม่รู้เรื่อง  ระบบเสียงแย่มาก  เสียบรรยากาศหมด

ควรจะปล่อยเสียงและมีการแปลภาษาไทยวิ่ง แสดงว่าการเตรียมงานไม่ดี การบริหารจัดการไม่ดี ไม่สมเป็นงานระดับ Inter



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2555 ผมขับรถผ่านวัดบัวขวัญ  จังหวัดนนทบุรี  (วัดที่ หมอดูชื่อ ลักษณ์ เรขานิเทศ โปรโมช เรี่ยไรเงินจากประชาชน หลายวิธี) ผมเข้าไปดูและได้ไปไหว้รูปสิ่งศักดิ์หลายๆองค์ ไม่ว่าจะเป็น ท้าวมหาพรหม พระพิฆเนศ พระราหู และอื่นๆอีกมากมาย มีวิธีการให้คนทำบุญ เรี่ยไรเงิน มากมายหลายวิธี ผมเลือกทำบุญตามศรัทธาไปตามสมควร และได้ไปสั่งซื้อหนังสือฟันธงดวงชะตาปี 2556 โดยต้องชำระเงินเต็มจำนวน 120 บาทไว้ล่วงหน้าที่เจ้าหน้าที่ของวัด และทางสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ จะเป็นผู้จัดส่งหนังสือให้  ผมจึงจ่ายเงินจำนวน 120 บาทให้กับคุณ นฤมล และคุณนฤมลได้ให้เอกสารรับเงินค่าจองหนังสือไว้เป็นหลักฐาน

ผมรอจนผ่านไป 2 อาทิตย์ก็ยังไม่ได้รับหนังสือ เมื่อโทรไปที่สถาบันพยากรณ์ศาสตร์ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ในใบจองหนังสือ ได้โทรคุยกับคุณกิ่ง คุณกิ่งแจ้งว่า หนังสือหมด จะต้องรอพิมพ์ใหม่ ประมาณกลางเดือนถึงปลายเดือนมกราคม จึงจะได้ หลังจากนั้นก็รอเรื่อยมาและไม่ได้รับการแจ้งข่าวใดๆทั้งสิ้น จึงได้โทรไปตามเบอร์โทรศัพท์เดิม แต่เป็นเทปบันทึกเสียงว่าให้กดหมายเลขที่ต้องการติดต่อ ถ้าไม่ทราบให้กด ๐ เพื่อติดต่อโอเปอเรเตอร์ เมื่อผมก็ ๐ ก็รอสายอยู่เป็นเวลานาน และไม่มีคนรับ จนสายหลุดไป ทำแบบนี้หลายครั้งด้วยกัน จึงแวะไปติดต่อคุณนฤมล ผู้ที่รับเงินจากผม ที่วัดบัวขวัญ แจ้งว่าต้องติดต่อที่สถาบันพยากรณ์ศาสตร์ เท่านั้น ทางวัดไม่่ได้ยุ่งกับการจัดส่งหนังสือ ได้แจ้งว่าติดต่อไปแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย เจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่หลายคนก็แสดงความไม่สนใจทั้งสิ้น มีคุณนฤมลคนเดียวที่เข้ามาพูดและอธิบายว่าทางนี้ก็ไม่มีหนังสือ จึงต้องให้ผมติดต่อกันเอง

แบบนี้เรียกว่าต้มตุ๋นหรือไม่ ถ้าผมไปแจ้งตำรวจว่าถูกฉ้อโกง ผมก็ย่อมทำได้ แต่ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงขอฝากคนที่รู้จักคุณหมอดู ลักษณฺ เรขานิเทศ หรือเจ้าหน้าที่ๆรับผิดชอบของสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ ช่วยดำเนินการโดยด่วน ถ้าไม่ได้รับการติดต่อหรือยังนิ่งเฉยอยู่ ผมจะนำเรื่องไปแจ้งความ

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

11 กุมภาพันธ์ 2556



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ได้อ่านบทความของอาจารย์ วิจารณ์ พานิช ทำให้เกิดความคิดที่อยากจะฝากให้สังคม ช่วยกันหาทางแก้ไข คอรัปชั่น ไม่ใช่ปล่อยไปตามยถากรรม จึงขอนำมาเผยแพร่ในที่นี้

"บ้านเมืองอยู่ไม่ได้ หากคอรัปชั่นเป็นที่ยอมรับคอรัปชั่นเต็มเมือง"

นสพ. บางกอกโพสต์ ลงข่าว http://www.bangkokbusinessbrief.com/2013/02/01/corruption-still-robust-in-2013/?utm_source=feedburner&utm_medium=feed&utm_campaign=Feed%3A+BangkokBusinessBrief+(Bangkok+Business+Brief)">Corruption still robust in 2013  ระบุว่า โครงการใหญ่ๆ คือแหล่งรั่วไหล  ได้แก่โครงการรับจำนำข้าว  โครงการจัดการน้ำท่วม ๓.๕ แสนล้าน  และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ๒.๒ ล้านล้าน

วันก่อน ผู้ใหญ่มากในบ้านเมือง บอกผมว่า ทราบข่าวมาว่า รมต. ที่เรานับถือท่านหนึ่งจ่ายเงิน ๓๐๐ ล้าน เพื่อตำแหน่ง รมต.  และเลขา รมต. จ่าย ๒๐ ล้าน  ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่  เป็นต้นตอคอรัปชั่นอย่างหนึ่ง

บ้านเมืองอยู่ไม่ได้ หากคอรัปชั่นเป็นที่ยอมรับ

วิจารณ์ พานิช

๒ ก.พ. ๕๖

ถ้าเป็นเรื่องจริง น่าเป็นห่วงมากครับ เราจะทราบได้อย่างไรครับว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องการกล่าวร้ายป้านสี คนไทยช่วยกันคิดครับ โดยเฉพาะคนที่รู้จริง ช่วยกันหาหลักฐาน และเหตุผลนำมาเฉลย ผมคิดว่ามี 2 ประเด็นที่เราต้องตั้งโจทย์ และช่วยกันหาทางแก้

1. รมต. ที่เรานับถือท่านหนึ่งจ่ายเงิน ๓๐๐ ล้าน เพื่อตำแหน่ง รมต.  และเลขา รมต. จ่าย ๒๐ ล้าน  ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่  เป็นต้นตอคอรัปชั่นอย่างหนึ่ง โจทย์ข้อนี้ ผมว่าไม่ผิด ถ้า รมต และเลขาท่านนั้น ยินดีบริจาคเงินอุดหนุนพรรค เมื่อได้เป็น รมต หรือ เลขา รมต เนื่องจากท่านมีเงินใช้เหลือแล้ว และมีความสามารถเข้ามาบริหารประเทศรับใช้ประชาชนด้วยความสุจริตใจ ข้อสำคัญจึงต้องหันไปดูว่าผู้มีอำนาจในการแต่งตั้ง รมต และ เลขา รมต คัดเลือกผู้มาเป็น รมต และ เลขา รมต ด้วยวัตถุประสงค์อะไร เพราะเห็นว่าเป็นคนมีความรู้และความสามารถในการเข้ามารับตำแหน่งเพื่อมาช่วยบริหารประเทศชาติด้วยความสุจริต หรือเพราะเป็นผู้ที่ประมูลให้ผลตอบแทนพรรคมากที่สุด หรือเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อกัน หรือเป็นผู้ที่อยู่ในโอวาส สั่งอะไรก็ได้ สรุปจึงขึ้นอยู่กับเจตนาของ รมต และ เลขา รมต ท่านนั้น และผู้มีอำนาจในการคัดเลือก 

ดังนั้น ควรหาตัว รมต และเลขา รมต ให้ได้ และให้ท่านเป็นผู้ตอบคำถามนี้ และขณะเดียวกัน ท่านนายกรัฐมนตรี ก็ต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าทำไมถึงเลือกท่าน รมต และ เลขา รมต ด้วยคุณสมบัติและเหตุผลใด

2.จับตาดูและหาข้อมูลในการบริหารจัดการของ รมต แต่ละท่าน โดยเฉพาะท่านที่มีข่าวว่าซื้อตำแหน่ง เมื่อพบเหตุที่น่าสงสัยว่าจะทำการทุจริต หรือ คอรับชั่น ก็ต้องนำออกมาแฉและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ณ.ปัจจุบันการทำอะไรไม่โปร่งใส หรือมีการทุจริต คอรัปชั่น แบบปิดๆไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนครับ นอกจากคนที่คอรับชั่นจะทำแบบหน้าด้านๆ ไม่ยำเกรงผู้ใด สักวันเขาก็จะพบจุดจบ ตามกรรมที่เขาก่อไว้ ไม่มีใครหนี้กรรมชั่วที่ก่อไว้ได้ครับ โดยเฉพาะเป็นกรรมชั่วที่ทำต่อแผ่นดินเกิด และประชาชนของประเทศ

คนไทยทุกคนต้องช่วยกันมีส่วนร่วมในการดูแลประเทศชาติของเราครับ ทุกคนมีหน้าที่ต่อประเทศไทย ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นภาระของนักการเมืองและข้าราชการเท่านั้น 

ขอแนะนำให้ประชาชนทุกคนทำการศึกษาเรื่องหน้าที่ของพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย โดยการไปหาหนังสือ การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง โดย ทิพย์พาพร ตันติสุนทร มาอ่าน หนังสื่อนี้มีจำหน่ายที่ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ราคาเล่มละ 180 บาท  อย่างไรก็ตามกรณีที่หาซื้อหนังสืออ่านไม่ได้ หรือไม่สะดวกในการหาซื้อ ผมได้คัดลอกข้อความในหนังสือและได้นำลงในบันทึกของผม ใน gotoknpw โดยแบ่งออกเป็นตอนๆ เปิดอ่านได้ตาม link

http://www.gotoknow.org/dashboard/home#/blogs/104769




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ได้รับความอนุเคราะห์จาก รศ.ดร.อัศนีย์ ก่อตระกูล ผู้อำนวยการศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาเพื่อพัฒนาสังคมแห่งปัญญา ให้เกียรติมูลนิธิเข้าร่วมเป็นเครือข่ายและใช้โจทย์ของมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ในการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์เครื่องมือ โดยการบูรณาการวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษานับตั้งแต่ การสกัดความรู้  การแทนความรู้เพื่อนำไปสู่การประมวลผลความรู้ใหม่ รวมทั้งการหาเหตุผล การค้นหาและติดตามความรู้ การเชื่อมโยงความรู้ การแสดงผลความรู้แบบเชื่อมโยง ระบบผู้เชี่ยวชาญและระบบถามตอบอัตโนมัต

การเข้าร่วมเป็นเครื่องข่ายครั้งนี้จะทำให้ มูลนิธิศูนย์บูรราการพัฒนามนุษย์ โดยมีเวปไซด์ www.thaiihdc.org เป็นเครื่องมือให้สมาชิกของมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ และผู้เข้ามาเยี่ยมเยียนเวปไซด์ได้ประโยชน์ในการค้นหาความรู้ได้มากขึ้น เป็น One Stop Services

iHDC Profile.ppt


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

มีหลายคนเข้ามาถามผมว่าที่ผมรับเป็นที่ปรึกษา และเป็นโค้ช ให้กับเจ้าของธุรกิจโรงแรม และ ธุรกิจท่องเที่ยว ผมมีหลักเกณท์และรับรองผลอย่างไรว่าผู้ที่จ้างผมเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นโค้ช จะได้ผลคุ้มกับเงินค่าจ้างผมเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นโค้ช 

ผมได้ตอบเขาไปดังนี้ 

"

สำหรับการรับเป็นโค้ช ให้กับผู้บริหารหรือเจ้าของ ผมสามารถเป็นโค้ชหรือที่ปรึกษาให้กับทุกคนที่ต้องการคนมาเป็น กระจกให้เขาและหาจุดอ่อนและวิธีแก้ไขหรือหาจุดแข็งและเสนอแนวทางการนำจุดแข็งไปต่อยอดในการพัฒนาตัวเขาหรือธุรกิจของเขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนที่จะถามหาว่าจะนำอะไรมาเป็นข้อยืนยันความสำเร็จนั้น คงไม่สามารถทำได้ครับ เพราะเรื่องการให้บริการจับต้องไม่ได้ การเป็นโค้ชและที่ปรึกษา นั้นเป็นแค่ผู้ให้คำแนะนำแต่ผลสำเร็จอยู่ที่ตัวของผู้จ้างเอง ดังนั้น ต้องมาดูที่คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นโค้ชหรือที่ปรึกษาว่าเป็นคนที่มีความรู้และประสบการณ์จริงหรือไม่ เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และจริงใจต่อผู้จ้างหรือไม่ ถ้าที่ปรึกษาหรือโค้ช ไม่มีความซื่อสัตย์หรือจริงใจต่อผู้จ้าง ก็จะไม่กล้าพูดความจริง ได้แต่พูดให้พอใจและหลงผิด หรือแนะนำสิ่งผิดๆให้ก็จะเป็นผลร้ายต่อผู้จ้าง ผมเองจะรับงานใครก็ต้องพูดคุยและเช็คว่าเขาเป็นคนอย่างไร เพราะถ้าเขาเป็นคนไม่ดี จะให้ผมแนะวิธีการเอาเปรียบผู้อื่น ทำสิ่งผิดๆผมก็ไม่รับงานนี้

สำหรับวิชาที่ผมสามารถเป็นวิทยากรได้มีอะไรบ้าง นั้น ก็มีเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมให้กับเจ้าของผู้ประกอบการ / ผู้บริหาร /หรือพนักงานระดับหัวหน้างาน ในส่วนของการบริหารจัดการ  (สามารถแบ่งย่อยลงไปในส่วนลึกของแต่ละส่วน เช่น การทำแผนการตลาด การทำการตลาด การบริหารควบคุมพนักงานการตลาดและการขาย  การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การทำงานเป็นทีม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเป็นหัวหน้า การบริหารการติดต่อสื่อสาร  เป็นต้น) การบริหารจัดการธุรกิจท่องเที่ยว ก็สามารถแบ่งเป็นวิชาแต่ละส่วนลึก คล้ายๆกับโรงแรม การบริหารจัดการด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวให้ภาครัฐหรือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำไปจัดทำแผนนโยบายหรือกลยุทธ์ในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรม เรื่องเกี่ยวกับความรู้และความเข้าใจในเรื่องประชาคมอาเซียน ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน นักศึกษา และชุมชนต่างๆ การบริหารจัดการชุมชนเพื่อให้เกิดการเข้มแข็ง เป็นต้น

ผมสามารถเป็นทีมโค้ชและที่ปรึกษาที่ดีในการทำแผนพัฒนา หรือแผนปรับโครงสร้าง แผนการเปลี่ยนแปลงองค์กร หรือการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม การจัดทำนโยบายและแผนกลยุทธ์ แผนการขับเคลื่อนองค์กรเป็นต้น



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ช่วงประมาณ 9.30-10.30 น วันนี้ได้ชมการถ่ายทอดสดทางทีวีช่อง สทท ในงานประชุมสัมมนาผู้ว่าราชการจังหวัด ในหัวข้อ "มอบนโยบายสำหรับขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ" (Thailand Country Strategy) โดยมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี คุณยิ่งลักษณ์ เป็นวิทยากรบรรยายด้วยตัวเอง 
ผมประทับใจและชื่นชมท่านมาก ท่านบรรยายได้ดีและผมเห็นด้วยกับแผนยุทธศาสตร์ประเทศนี้มาก ท่านทำการบ้านมาดี และผมเชื่อว่าท่านรู้จริง และเอาใจใส่ในการบริหารบ้านเมืองอย่างแท้จริง ท่านเข้าใจคำว่า "บูรณาการ" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการบริหารในระบบราชการ ท่านอาจจะมีทีมงานจัดทำแผนทั้งหมดและอธิบายให้ท่านเข้าใจ และท่านนำมาถ่ายทอด หรือท่านเป็นผู้กำกับการทำแผนด้วยตัวท่านเอง ผมถือว่าผ่านทั้งสองอย่าง แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำของคุณยิ่งลักษณ์ 
ผมยังไม่เคยวิจารณ์คุณยิ่งลักษณ์ ได้แต่ติดตามดูผลงานท่านตลอดมา แต่ ณ.วันนี้ ผมชื่นชมท่าน และดีใจที่รู้ว่าผู้นำไทยเห็นปัญหาและมีแผนแก้ไขปัญหาและมีแนวทางการพัฒนาประเทศได้ถูกทางและมีเหตุผล 
ที่ท่านบรรยายมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผมเห็นมานานแล้ว แต่ยังไม่เห็นผู้นำประเทศท่านใดนำมาพิจารณาและจัดทำแผนในการแก้ปัญหาและขับเคลื่อน ทำให้ผมและเพื่อนๆที่เห็นเช่นเดียวกันร่วมมือกันจัดตั้ง "มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์" เพื่อทำให้คนไทยคิดและหันมาให้ความสนใจและขับเคลื่อนการบริหารจัดการแบบบูรณาการ ผมเห็นความหวัง และเชื่อว่าสิ่งที่ท่านยิ่งลักษณ์บรรยายในวันนี้ต้องใช้เวลาขับเคลื่อนอย่างที่ท่านกล่าว เฉพาะแค่บูรณาการก็ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี "มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์" ยินดีเป็นแนวร่วมในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ประเทศตามที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ บรรยายในวันนี้



ความเห็น (2)

ผมเองไม่ได้อยู่ข้างไหน..และไม่อยากรู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง...แต่ด้วยการมองที่คุณภาพคนทำงาน ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา น่าติดตาม ว่าเธอจะสู้ สู้ และทำได้อย่างที่เธอพูดไว้ หรือไม่ ผมคนหนึ่งล่ะที่จะให้กำลังใจเธอ

สวัสดีครับคุณชยันต์

ขอบคุณที่เข้ามาแสดงความเห็นครับ ผมเองก็ไม่เคยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งครับ คนไทยด้วยกัน ควรจะร่วมมือกันสร้างความสามัคคี ผมเป็นกลางเสมอ และมักจะเห็นใจคนที่เป็นผู้ปฎิบัติ ผมอยากให้คนไทยด้วยกันให้กำลังใจและชมเชยในสิ่งที่ใครก็ตามโดยเฉพาะคนที่ทำงานเพื่อส่วนรวม คนที่รับผิดชอบทำงานใดๆก็ตามย่อมมีทั้งข้อผิดพลาดและข้อดีครับ เราสามารถชี้ให้เห็นปัญหาและสิ่งไม่ดีได้ แต่ไม่ควรไปตำหนิ จนทำให้คนที่ทำงานเกิดท้อและหมดกำลังใจ แต่ถ้าเห็นว่าสิ่งไหนที่เขาทำดี ก็ควรที่จะให้กำลังใจและชมเชย จะทำให้คนที่ทำมีกำลังใจและทำงานให้ดีขึ้น ผมคิดว่าเราควรจะหยุดให้ร้ายป้ายสี หรือหาข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆโดยเฉพาะเรื่องความคิดเห็นในเรื่องส่วนตัวของคนใดคนหนึ่ง มาว่ากล่าวกัน ถ้าจะชี้ประเด็นข้อผิดพลาดของใครควรจะมีข้อเสนอแนะที่ดีกว่า และถ้าเราไม่รู้จริงก็ควรจะนิ่งไม่ควรไปวิพากย์วิจารณ์ใครในทางเสียหาย 

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

เรื่อง  ขอเรียนเชิญเข้าร่วมเป็นสมาชิกมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์

เรียน  ท่านผู้บริหาร/ผู้ประกอบการ/ผู้ทรงคุณวุฒิ/ผู้มีเกียรติ ทุกท่าน

    ด้วยมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (Foundation for Integrated Human Development Center: iHDC) หมายเลขจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิทะเบียนเลขที่ กท.2259 ได้จัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน บูรณาการ ส่งเสริม สนับสนุน ผลักดันและร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนามนุษย์อย่างเป็นระบบ ยั่งยืน และเป็นองค์กรที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยพันธกิจในเบื้องต้นคือการมุ่งให้เกิดการแลกเปลี่ยน การเรียนรู้ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเครือข่ายของมูลนิธิฯ ทั้งในรูปแบบขององค์กร และบุคคลธรรมดา (รายละเอียดเพิ่มเติม Thai.dociHDC_Profile.ppt 

  จากวัตถุประสงค์ และพันธกิจดังกล่าว มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ หรือ iHDC จึงขอเรียนเชิญท่านเข้าร่วมเป็นสมาชิก เพื่อร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อร่วมกันพัฒนาองค์กร และทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา โดยแจ้งความประสงค์ตามใบแสดงความจำนง ตาม link                                      iHDC-Member Form Thai.doc 

กรอกข้อมูลและส่งมาที่ e-mail address : [email protected] หรือ ส่ง Fax มี่ที่ 02-9549600 

หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ม.ล.ชาญโชติ  ชมพูนุท กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิฯ โทรศัพท์ 089-138-1950 หรือ E-mail: [email protected] และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

  ขอแสดงความนับถือ

   มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์

   (ศ.ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์)

   ประธานกรรมการ

ผู้ประสานงาน

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

โทร 089-1381950 ; 02-9546029

โทรสาร 02-9549600

e-mail address: [email protected]  

  

.

เอกสารแสดงความจำนงสมัครเป็นสมาชิก

มูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ (Foundation for Integrated Human Development Center: iHDC)

วันที่ ……………………………………

ข้าพเจ้าขอสมัครเป็นสมาชิกมูลนิธิศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์

ชื่อผู้สมัคร ………………………………………………………………………………………………

ที่อยู่อาศัย  ……………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………

โทรศัพท์บ้าน ………………………………………………….   โทรศัพท์มือถือ …………………………………………………

อีเมล์ ………………………………………………………………………………………………………………..

ชื่อกิจการ  :  ………………………………………………………………………………………………………….

ที่อยู่กิจการ   …………………………………………………………................

……………………………………………………………………………………………………………………………………..

……………………………………………………………………………………………………………………………………..

โทรศัพท์  :  ……..…………………….. โทรสาร :  ……..……………. …..  โทรศัพท์มือถือ: ……………………………………..

อีเมล์  :  ……………………………………………  เวปไซด์ :  …………………………………………………………………..

เลขประจำตัวประชาชน/ผู้เสียภาษี  : ………………………………………………………………………     

สมัครสมาชิกประเภท  :    องค์กร       บุคคล  

ประเภทธุรกิจ  …………………………………………………………………………………………………………………….

………………………………………………………………………………………………………………………………………

อาชีพ / ตำแหน่งงาน……………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………….

เหตุผลในการสมัครเป็นสมาชิก สิ่งที่คาดหวังจากมูลนิธิ

……………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………………………..

 

ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อความที่ให้ไว้ข้างต้นเป็นความจริงทุกประการ และ ข้าพเจ้ายินดีปฏิบัติตามระเบียบมูลนิธิฯ ทุกประการ

     ลายมือชื่อ  ............................................................ ………………ผู้สมัคร

    (………………………...…………………………………….)

หมายเหตุ: เมื่อมูลนิธิฯ ได้รับแบบฟอร์มใบสมัครแล้ว จะมีหนังสือแจ้งยืนยัน ตอบกลับมายังท่าน  ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

" การศึกษาที่มุุ่งเน้นให้มีความรู้เหนือคนอื่นอย่างเดียว และการศึกษาที่ผลิตคนเพื่อความต้องการของตลาดเศรษฐกิจจึงเป็นแต่เพียงการศึกษาเพื่อการตลาด แต่การเป็นมนุษย์ในสังคมประชาธิปไตยมีศักยภาพมากกว่านั้น คือ ไม่ใช่เป็นเพียงมนุษย์เศรษฐกิจ มนุษย์เงินเดือน หรือ มนุษย์การเมือง แต่เขาต้องเป็นกำลังของบ้านเมือง คือเป็นพลเมืองที่มองเห็นประโยชน์สาธารณะที่เป็นส่วนรวมร่วมอยู่ด้วย"

ปกหลังของหนังสือ "การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง" (Civic Education for Thai Society) ของ ทิพย์พาพร ตันติสุนทร หนังสือดีที่ขอแนะนำให้คนไทยทุกคนหาซื้ออ่าน ราคาเพียงเล่มละ 180 บาท หาซื้อได้ที่ ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทร 02-2554466,02-2187000 (ศาลาพระเกี้บว) หรือโทร 02-2516141,02-2189888 (สยามสแควร์)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

มีผู้ใช้นามว่า "คนตกงาน" เข้ามาแสดงความคิดเห็นในบล็อก อ่านแล้วรู้สึกเศร้าใจที่คนบางคนที่เกี่ยวข้องไม่เห็นความสำคัญของคุณค่ามนุษย์ ขาดความเมตตา ก็ขอให้ท่านระวังเพราะเหตุการณ์ที่ท่านปฎิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนทั้งๆที่ท่านเป็นหน้าที่ของท่าน สักวันท่านอาจจะพบเหตุการณ์ดังกล่าวกับตัวท่านเอง ขอฝากทุกท่านที่อ่านข้อความของผู้เดือดร้อนที่ต้องการความช่วยเหลือ ข้างล่าง ช่วยส่งข่าวต่อเครือข่ายของท่านเผื่อข้อความนี้จะส่งถึงผู้มีเมตตาสามารถให้ความช่วยเหลือได้

ข้อความจาก "คนตกงาน"

เห็นใจทุกๆท่านเหมือนกันครับ เจอมากับตัวเองเลย เหตุมีอยู่ว่า แม่ของผมต้องผ่าตัดตาเนื่องจากเป็นต้อกระจกมานานมากแล้ว เริ่มจากแม่ของผมไปหาหมอแล้วตรวจพบว่าเป็นต้อกระจกตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่หมอพยายามยื้อและถ่วงเวลามาจนถึงทุกวันนี้ (สิทธิรักษาที่โรงพยาบาลบางมด) และในที่สุดวันก่อนแม่มีอาการไม่ค่อยดีกับดวงตา จึงพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า หมอตรวจว่าดวงตาของแม่เริ่มเป็นต้อหินแล้ว ได้ยินอย่างนี้เลยปวดหัวเลยครับ ไม่มีเงินรักษา เพราะต้องใช้เงินค่าผ่าตัดอยู่หลายหมื่นบาทเลยครับ จะใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หมอก็ไม่ยอมทำให้ หาข้ออ้างไปเรื่อย คือผมอยากจะย้ายสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าไปที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า แต่พอไปเดินเรื่องที่สำนักงานเขตแล้ว ทางเขตก็บอกว่าเต็ม ไม่สามารถรับเพิ่มได้อีกแล้ว อย่างนี้ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ พอจะมีทางไหนที่พอจะทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลได้บ้างครับ ขอความกรุณาด้วยนะครับ ขอบคุณครับ



ความเห็น (3)

งง สิทธฺิหลักประกันสุขภาพเต็มได้ด้วยหรือค่ะ หรือเป็นเฉพาะในเมืองหลวง การผ่าตัดไม่ได้น่าจะมาจากสาเหตุอื่น เพราะที่โคราช มหาราชก็รับรักษาแทบทุกกรณี ขนาดไม่มีเงิน ก็ยังมีแผนกสังคมสงเคราะให้ช่วยเหลือ หรือต่างด้าวแท้ๆ เราก็ยังพยายามหาสิทธิรักษาให้ เรื่องนี้น่าจะต้องร้องเรียนที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพ ซึ่งทุกโรงพยาบาลที่รับสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า ต้องมีศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ของสำนักงานประกันสุขภาพค่ะ อยู่บ้านนอกไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสิทธิการรักษา เพราะเกื้อกูลด้านมนุษยธรรม อยู่เมืองหลวงนี่ลำบากจริง ...เฮ้ย

อ๋อ ... ขนาดป่วยฉุกเฉินมาไม่ใช่สิทธิ์ที่เรา ยังให้บริการแบบสิทธิ์ฉุกเฉิน หรือบางคนไม่ฉุกเฉินหรอก แต่รักษาหลายตังค์ ยังให้ตีเป็นฉุกเฉินให้ในครั้งแรก ครั้งหลังทำให้ถูก ก็ว่ากันไป แปลก ปฏิเสธคนไข้ได้ รพ.ในเมืองหลวง ย้ายมาอยู่บ้านนอกเถอะมา

ขอบคุณครับคุณชลัญธร สงสัย ต้องหาทางย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดเสียแล้วครับ เพราะเมืองหลวงเจริญทางวัตถุมาก เลยทำให้จิตใจคนตกต่ำกว่าเดิม

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

สะสมบุญใหญ่ ตลอดทั้งวัน 7 โมงเช้า – 3 ทุ่ม ฉลองพุทธชยันตี ตักบาตรหนังสือดี ครั้งที่ 13 เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2555 ณ ลานหน้าอาคารอัมรินทร์พลาซ่า วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม 2555 • (6-7 โมงเช้า) ร่วมกันถวายภัตตาหารเช้า พระสงฆ์ 199 รูป – สามารถนำอาหารมาร่วมได้ตามอัธยาศัย • (7-9 โมงเช้า) ตักบาตรหนังสือดี พระสงฆ์ 199 รูป จาก 6 วัด แล้วอนุโมทนาบุญต่อ เพราะคณะสงฆ์มอบให้กับ ห้องสมุด กทม. ณ หอประชุมพุทธยา ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์พลาซ่า • (9-11 โมงเช้า) ร่วมกัน "สวดมนต์พรรษานี้ ดีกว่ารอพรรษาหน้า" • (11 โมงเช้า) ร่วมกันถวายภัตตาหารเพล หัวหน้าคณะสงฆ์ 6 รูป – สามารถนำอาหารมาร่วมได้ตามอัธยาศัย • (9 โมงเช้า – บ่าย 2) ระดมพลคนใจบุญ บริจาคโลหิตให้โรงพยาบาลตำรวจ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ • (6 โมงเย็น – 3 ทุ่ม ) ร่วมบุญใหญ่ต่อด้วยการ สวดมนต์ทำวัตรเย็น ปฏิบัติเจริญสติ และฟังธรรม

กำหนดการ งานพิธีทำบุญ ‘พุทธชยันตีตักบาตรหนังสือดี ครั้งที่ 13’ เนื่องในวันอาสฬหบูชา วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พุทธศักราช 2555 ณ บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าอัมรินทร์พลาซ่า ราชประสงค์ 06.00-07.00 ร่วมกันถวายภัตตาหารเช้า พระสงฆ์ 199 รูป-สามารถนำอาหารมาร่วมได้ตามอัธยาศัย 07.15-07.30 คณะสงฆ์ลงยังลานพิธีฯ ณ ลานหน้าอาคารอัมรินทร์พลาซ่า 07.20-07.30 ประธานในพิธี กล่าวเปิดงาน 07.30-07.50 พระอาจารย์มานพ อุปสโม บรรยายธรรมเนื่องในวันอาสาฬหบูชา 07.50-08.10 อาราธนาศีลและกล่ววคำถวายหนังสือเป็นธรรมทานแด่พระภิกษุสงฆ์ 08.10-08.15 ประธานสงฆ์ มอบหนังสือให้แก่ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้กรุงเทพมหานคร 08.15 เริ่มพิธีตักบาตรหนังสือ 09.00 เสร็จสิ้นงานพิธีตักบาตร คณะสงฆ์เดินทางกลับ —————————————————– ณ หอประชุมพุทธยา ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์พลาซ่า —————————————————– 09.00-11.00 กิจกรรมสวดมนต์ “สวดพรรษานี้ ดีกว่ารอพรรษาหน้า” นำสวดโดย - พระราชปริยัติสุนทร เจ้าอาวาส วัดเทพลีลา - พระราชญานกวี รองเจ้าอาวาส วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก - พระอาจารย์มานพ อุปสโม ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ราชนครินทร์ จ.จันทบุรี - พระอาจารย์ภาสกร ภูริวัฒฑโน วัดฝายหิน จ.เชียงใหม่ - พระพรพล ปสันโน วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก 11.00-12.00 ร่วมกันถวายภัตตาหารเพล หัวหน้าคณะสงฆ์ 6 รูป-สามารถนำอาหารมาร่วมได้ตามอัธยาศัย 09.00-14.00 ระดมพลคนใจบุญ บริจาคโลหิตให้โรงพยาบาลตำรวจ 18.30-21.00 สวดมนต์ทำวัตรเย็น ปฏิบัติบูชา และฟังธรรมจาก พระอาจารย์วีระนนท์ วีรนันโท ท่านเจ้าอาวาส วัดป่าเจริญราช



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

วันที่ 16 ก.ค. ผมและทีมงานมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ จะเดินทางไปที่วัดหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน (วัดเสือ) จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่ตี 4 เพื่อเดินทางไปร่วมกิจกรรมใส่บาตรที่วัดในช่วง 7.30 น หลังจากนั้นจะสัมภาษณ์ หลวงพ่อ และคุณหมอ (สัตวแพทย์) สมชัย วิเศษมงคลชัย เรื่องการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงพุทธ และบันทึกวิดีโอกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ทางวัดจัดให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก วันที่ 17 ก.ค.ได้รับความอนุเคราะห์จากทางวัดให้ใช้สถานที่ในการจัดประชุมกลุ่มย่อยภาคตะวันตก (จังหวัด กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม และเพชรบุรี) เพื่องานวิจัย โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษบกิจอาเซียน ช่วงเช้า 9.00-12.00 น เป็นกลุ่มท่องเที่ยว และ ช่วงบ่าย 13.00-16.00 น เป็นกลุ่มกีฬา ผู้สนใจเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นสามารถเข้าร่วมประชุมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ โปรดติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่ โทร 02-6190512-3 โทรสาร 02-2730181



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

สืบเนื่องจากโครงการวิจัย "การพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) หนึ่งในกิจกรรมการวิจัยได้แก่การประชุมกลุ่มย่อยในแต่ละภาค เพื่อเชิญผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนในแต่ละภาคมาร่วมกันสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดจากประสบการณ์ของแต่ละท่านในด้านการท่องเที่ยว และการกีฬา โดยตั้งประเด็นในการศึกษาดังนี้

๑.วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันด้านการท่องเที่ยว (สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่สำคัญ ในแต่ละภาค ความพร้อมและการอำนวยความสะดวก กลุ่มลูกค้าหรือผู้มีส่วนได้เสีย ความพร้อมของบุคลากรทางการท่องเที่ยวมีความเป็นมืออาชีพมากน้อยเพียงใด)

๒.ความสามารถขั้นพื้นฐานด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยว (ศักยภาพของภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคการศึกษาและการจัดการองค์ความรู้ ภาคสื่อมวลชน ภาคชุมชนและประชาชน) มาตราฐานสากลของการบริหารจัดการท่องเที่ยวที่ควรจะเป็น

๓.มาตราฐานที่ควรจะเป็นของการบริหารจัดการภาครัฐ (นโยบาย กฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย ภาษี งบประมาณ) มาตราฐานที่ควรจะเป็นของการบริหารจัดการของภาคธุรกิจเอกชน (การบริการ การตลาด การบริหารทุนมนุษย์) มาตราฐานที่ควรจะเป็นของการบริหารจัดการด้านการศึกษาและการจัดการองค์ความรู้ (ความเป็นมืออาชีพ) มาตราฐานที่ควรจะเป็นของการบริหารจัดการด้านสื่อมวลชน มาตราฐานที่ควรจะเป็นของการบริหารจัดการด้านชุมชน และประชาชน

๔.แนวทางการสร้างความร่วมมือในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

๕.แนวทางการพัฒนาทุนมนุษย์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อ

๖.ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว

๗.สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค แนวทางความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ชุมชน และประชาชน

๘.ปัจจัยเพื่อนำสู่ความสำเร็จด้านการพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการ

ทีมงานได้แบ่งการจัดประชุมออกเป็น ๖ ภาคประกอบด้วย

๑.ภาคกลาง จัดประชุมที่กรุงเทพฯ

๒.ภาคเหนือ จัดที่เชียงราย

๓.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดที่ บุรีรัมภ์

๔.ภาคตะวันออกจัดที่ พัทยา

๕.ภาคใต้จัดที่ภูเก็ต

๖.ภาคตะวันตกจัดที่กาญจนบุรี

การประชุมในภาคที่ ๑-๕ ผ่านไปอย่างเรียบร้อย ผลที่ได้เกินความคาดหมาย ส่วนภาคสุดท้ายคือภาคตะวันตก จัดที่จังหวัด กาญจนบุรี ได้เลือกวันที่ ๑๗ ก.ค. ๒๕๕๕ ที่วัดหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน (วัดเสือ) ช่วงเช้า ๙.๐๐-๑๒.๐๐ น เป็นการประชุมกลุ่มท่องเที่ยว และช่วงบ่าย ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ น เป็นการประชุมกลุ่มกีฬา

ท่านใดสนใจเข้าร่วมประชุม ติดต่อสอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่ มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ โทร ๐๒-๖๑๙๐๕๑๒-๓ โทรสาร ๐๒-๒๗๓๐๑๘๑



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

เพื่อนส่ง e-mail มาให้เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ จึงนำมาเผยแพร่ต่อ

มีคนถามองค์ทะไลลามะ ว่า "แปลกใจอะไรในชีวิตที่สุด ? " ท่านตอบว่า: “มนุษย์”..... เพราะ…เขาสละสุขภาพ เพื่อหาเงิน แล้วก็สละเงิน เพื่อให้สุขภาพฟื้นกลับมา

เขาห่วงอนาคตมากจนไม่มีความสุขกับปัจจุบัน ผลก็คือ....เขาไม่อยู่ทั้งปัจจุบันและอนาคต

เขาอยู่เหมือนจะไม่มีวันตาย และท้ายสุด เขาก็ตายไปโดยไม่ได้มีชีวิตอยู่จริง ๆ...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

เชิญร่วมสัมมนาระดมความคิดเห็น ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เรื่อง “การพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)” วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน 2555 ณ ศูนย์วิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร

สนใจติดต่อลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนา โดย เขียน ชื่อ นามสกุล ชื่อองค์กร / หน่วยงาน ตำแหน่ง ที่อยู่ โทรศัพท์ โทรสาร e-mail address และส่งโทรสารมาที่ 02-273-0181 หรือ ส่ง E-mai มาที่ Address : [email protected],[email protected] , [email protected]

         สอบถามข้อมูลได้ที่ 0-2619-0512-3 คุณจงกลกร  0812072255  คุณภัทรพร 0818901801


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สำนักงานคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ 126 ถนน ประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 มือถือ: 08-1809-4631, 08- 3913-350 4 KING MONGKUT'S UNIVERSITY OF TECHNOLOGY THONBURI OFFICE OF THE DEAN, FACULTY OF ENGINEERING 126 Prachautit Rd. , Bangmod, Tungkru, Bangkok 10140 Thailand Mobile: 08-1809-4631, 08- 3913-3504
เรียน พี่ๆ น้องๆ และ เพื่อนที่เคารพ อย่าลบนะ ส่ง ต่อหน่อย , thank you ได้ ทราบจากคุณวุฒิวงศ์ผู้เป็นเจ้าของ บริษัท วงศ์ธนาวุฒิ จำกัดว่า ได้ร่วมกับ เพื่อนๆ ประดิษฐ์ขาเทียมสำหรับผู้พิการขาขาดตั้งแต่ เหนือ เข่า โดยเป็น เพียงรายเดียวที่สามารถประดิษฐ์ขาเทียมให้ผู้ที่สวมสามารถงอขานั่งพับเพียบและเดินได้เช่นคนปกติ ทำให้ผู้ พิการทุกคน ที่ต้องการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการนี้
คุณวุฒิวงศ์ไม่ต้องการรับเงินบริจาคแต่อย่างใดเพียงแต่ ต้องการความช่วยเหลือ โดยหากท่านพบ ผู้พิการในถิ่นห่างไกลที่ต้องการขา เทียมโปรดช่วยจดชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ให้แก่คุณวุฒิวงศ์โดยตรงที่ โทรศัพท์ 081-847 - 9374 &n bsp; 081-847
ขออนุโมทนาในความเมตตาของทุกท่าน

                สาธุ... สาธุ...สาธุ 


           ขอผลบุญที่พวกท่านได้ กระทำใน วันนี้     จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวอยู่ เย็นเป็นสุขและมีความสุขตลอดไป 


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

เนื่องจากผมเป็นหนึ่งในทีมงานที่ต้องดูแลเรื่องการประชุมนานาชาติ

"International Conference on Energy and Environment Sector Cooperation of GMS Countries ระหว่างวันที่ 19-28 พฤษภาคม 2555"

ทำให้ผมต้องค้นหาข้อมูลด้านพลังงานเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประยุกต์ใช้ระหว่างการประชุม ทำให้ผมได้ค้นพบ วีดีโอ เผยแพร่หัวข้อ "เปิดหลักฐานปล้นประเทศ" วีดีโอนี้มีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง ข้อมูลที่ผมรับฟัง ทำให้ผมช๊อค เพราะเป็นข้อมูลด้านพลังงานของประเทศ ที่ผมไม่เคยได้รับฟังมาก่อน และเป็นข้อมูลที่ตรงกันข้ามกับที่ผมคนไทยได้รับจากรัฐบาลไทยในทุกสมัย

หลังจากนั้นก็ได้เจอ วีดีโอ ที่เสนอข้อมูลที่สนับสนุนกับ วีดีโอแรกที่ผมกล่าวถึง ได้แก่ วีดิโอ "ชำแหละน้ำมันแพงเพราะ" วีดีโอ "ชำแหละโจรปล้นน้ำมันพลังงานชาติ" วีดีโอ "เปิดโปงขบวนการปล้นพลังงานชาติ" เป็นต้น ฟังแล้วมีเหตุผล น่าเชื่อครับ ผมจึงได้ส่งแชร์ วีดีโอ เหล่านั้นให้เพื่อนๆในเครือข่าย fb ของผม

ขอให้ท่านผู้อ่านโปรดติดตามหาฟังได้ใน YOUTUBE หรือจะเข้าไปหาฟังได้ใน fb ของผม www.facebook.com/chanchot

หลังจากนั้นอยากจะให้ช่วยกันค้นหาความจริงในข้อมูลดังกล่าว

สำหรับภาครัฐหรือข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้อง ต้องเอาใจใส่กับข้อมูลนี้ และชี้แจงข้อมูลที่แท้จริงให้ประชาชนทราบ เพราะข้อมูลที่อ้างถึงตรงกันข้ามกับข้อมูลที่ปรากฎในทุกสื่อมาก่อน ถ้าข้อมูลนี้ผิดพลาด หรือ เป็นเพียงข้อมูลเพียงส่วนเดียว ภาครัฐต้องรีบออกมานำเสนอให้ประชาชนรับทราบในส่วนที่เหลืออย่างถูกต้องและโปร่งใส แต่ถ้าข้อมูลถูกต้อง ผู้เกี่ยวข้องทุกส่วนต้องช่วยกันแแกผิดให้เป็นถูก อย่าปล่อยไว้เฉยๆ ประชาชนเองก็ต้องออกมาติดตามและช่วยกันค้นหาความจริง ช่วยกันทำสิ่งผิดให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนทั่วไป ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท



ความเห็น (2)

ต้องส่งให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบโดยตรงเลยดีกว่านะคะ เพื่อให้สืบสวนสอบสวนติดตามมาชี้แจงต่อสาธารณชน หากเรารับรู้แล้วได้แต่ส่งต่อก็คงไม่ได้รู้ความจริงสักที ยังไม่ได้ตามลิงค์เข้าไปอ่าน แต่ถ้าใครอ่านแล้วช่วยกันส่งให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบก็จะดีนะคะ หลายๆคนส่งก็จะยิ่งแสดงพลังว่าเราอยากได้ความจริง 

คลิปวีดีโอดังกล่าวเป็นการนำเสนอของ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาล การนำเสนอมีการอ้างแหล่งที่มาของข้อมูลที่สามารถยืนยันได้ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลจากเวปไซด์ต่างประเทศ เนื้อหาเป็นเรื่องทางเทคนิค และเกี่ยวข้องกับนโยบาย ผู้ที่จะตอบได้มีอยู่สองหน่วยงาน คือ รัฐบาล / กระทรวงพลังงาน /กระทรวงการคลัง องค์กรที่ตกเป็นจำเลยคือ ปตท

ตามที่คุณโอ๋แนะนำมาให้ส่งต่อหน่วงงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบโดยตรง ผมไม่ทราบว่าจะต้องยื่นไปที่หน่วยงานไหน และยื่นถึงใคร เท่าที่ทราบมาเรื่องนี้ได้เริ่มออกเผยแพร่กันตั้งแต่เต้นปี แต่ผู้ที่ควรจะรับผิดชอบโดยตรงคือรัฐ / กระทรวงพลังงาน และ ปตท "เงียบ" ไม่ปฎิเสธหรือโต้ตอบ

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเผยแพร่คลิปวีดีโอแบบไม่มีตัวตนและหลักฐาน หัวใจคือคลิปวีดีโอนี้ออกมาแฉว่าข้อมูลที่ทางรัฐและ ปตท ให้กับประชาชน ไม่ใช่ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นจริง เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อออกนโยบายที่มีผลต่อประชาชน ทำให้ ปตท ได้ผลประโยชน์ (ทำกำไรโดยการปล้นประชาชน ไม่ใช่ทำกำไรเพราะความเก่งในการแข่งขัน ) ยากที่จะอธิบาย ขอให้คุณโอ๋ หาสคิบมาเปิดชมก่อนดีกว่าครับ วิธีที่ง่ายที่สุด ใช้ search จาก google "ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี"

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

กิจกรรมล่องเรือคลองด่าน คลองบางหลวง “ศิลปะ สถาปัตยกรรม และวิถีดั้งเดิมเมืองบางกอก” วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2555 โดยความร่วมมือระหว่างสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมอิโคโมสไทย กำหนดการ 8.00 น. ลงเรือ ที่ท่าช้างวังหลวง ชมความงามของภูมิทัศน์วัฒนธรรมแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา 9.00 น. เดินทางเข้าสู่คลองบางหลวงและคลองด่าน ผ่านโบราณสถานและสถานที่สำคัญหลายแห่ง ไปเริ่มต้น การขึ้นชมวัดที่ วัดอัปสรสวรรค์ วรวิหาร ในบริเวณปากคลองด่าน เป็นวัดโบราณที่พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นตามดำริของเจ้าจอมน้อยผู้ทรงมีความสามารถทางการละคร และพระราชทานนามวัดไว้ให้เป็นอนุสรณ์ นำชมโบราณสถาน สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระประธาน 28 องค์ หลวงพ่อฉันสมอ และรับฟังการ บรรยาย เกี่ยวกับโครงการ อาษา อาสา สถาปัตยกรรมไทย เพื่อการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎก วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร พร้อมรับประทานอาหารว่าง 10.00 น. ลงเรือเดินทางต่อไปยัง วัดนางนอง วรวิหาร วัดโบราณที่ปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 เช่นกัน เป็นวัดที่ทรงสร้างในบริเวณนิวาศสถานเดิมของพระศรีสุลาลัย พระราชชนนี นำชมโบราณสถาน นมัสการพระประธานทรงเครื่องชมภาพจิตรกรรมเรื่องสามก๊ก แห่งเดียวในประเทศไทย 10.40 น. เดินทางต่อไปยัง วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 3 ที่ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นตั้งแต่ดำรง พระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ นำชมโบราณสถานซึ่งเป็นต้นแบบ งานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแบบพระราชนิยม และศาลาราย เจดีย์ถะ ในแบบจีน 11.20 น. ลงเรือออกเดินทางไปยังบ้านศิลปิน คลองบางหลวง
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ บ้านศิลปิน คลองบางหลวง จากความตั้งใจที่จะอนุรักษ์คุณค่าของอาคารเก่า อายุร่วมร้อยปีนี้ไว้นำมาซึ่งการได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ของสมาคมสถาปนิกสยามฯ ชมบรรยากาศ และการประกอบกิจกรรมต่างๆ ที่บ้านศิลปิน ชมการแสดงหุ่นละครเล็ก คณะคำนาย ณ บ้านศิลปิน 14.30 น. เดินทางไป วัดคูหาสวรรค์ วรวิหาร วัดเก่าแก่ของบางกอกที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงโปรดให้ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ และนำพระประธานเดิมที่นี่ไปประดิษฐาน เป็นพระประธานที่พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม โดยเราจะยังได้ชมร่องรอยงานศิลปกรรมบางอย่างที่ย้อนไปได้ถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา 15.30 น. ลงเรือเดินทางกลับสู่ท่าช้างวังหลวง 16.30 น. เสร็จสิ้นกิจกรรม

วิทยากร ประจำเรือ อ.บุญยกร วชิระเธียรชัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ประจำฐาน    ดร.วสุ โปษยะนันทน์ สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร
อ.กรรณิการ์ สุธีรัตนาภิรมย์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
คุณโกะ บ้านศิลปิน  (ชุมพล อักพันธานนท์)

ค่าใช้จ่าย ท่านละ 999 บาท

รายได้ทั้งหมดสมทบกองผ้าป่าอาษาสามัคคีเพื่อการอนุรักษ์หอพระไตรปิฎกวัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร

สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่ง ได้ที่ คุณวราภรณ์ ไทยานันท์

โทรศัพท์ 0 2628 8288 โทรสาร 0 2628 8289
Email  [email protected]


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

Enjoy Panoramic Views ...click on any one place and enjoy.. .... what a wonderful way to tour the world from your computer chair! Victoria Falls, Zambia . Venezuela, Surroundings of Angel Falls, Venezuela . Angel falls, Venezuela . Kalyan Minaret, Bukhara, Uzbekistan . Miami, USA . Las Vegas, USA . Lake Powell, USA . Manhattan, New York, USA . Golden Gate Bridge, San Francisco, USA . Millennium UN Plaza Hotel, New York, USA . Oahu, Hawaii, USA . Las Vegas, Nevada, USA . Millennium UN Plaza Hotel, New York, USA . Golden Gate Bridge, USA . Statue of Liberty, New York, USA . Manhattan, New York, USA . Hollywood, California, USA . San Juan and Colorado rivers, USA . Goosenecks, Utah, USA . Mono Lake, California, USA . Millennium UN Plaza Hotel, New York, USA . Chicago, Illinois, USA . Los Angeles, California, USA . Kiev, Ukraine . Ay-Petri, Ukraine . Dubai, UAE . Dubai, Islands, UAE . Palm Jumeirah, Dubai, UAE . Bangkok, Thailand . Sankt-Moritz, Switzerland . Cape Good Hope, South Africa . Cape-Town, South Africa . Moscow, MSU, Russia . Moscow, Kremlin, Bolotnaya Square , Russia . Moscow, Russia . Moscow Kremlin, Russia . 55.748765;37.540841, Russia . Moscow City, Russia . Kremlin, Moscow, Russia . Moscow City, Russia . Trinity Lavra of Sait Sergius, Russia . Saint-Petersburg, Russia . New Jerusalem Monastery, Russia . Saint Petersburg, Russia . Novodevichy Convent. Moscow, Russia . Ramenki,Moscow, Russia . MKAD, Moscow, Russia . Moscow, Russia . Moscow, Russia . Krokus Expo Center, Moscow, Russia . Moscow Region, Russia . Moeraki Boulders, New Zealand . Fiordland, New Zealand . Nepal, Nepal . Maldives, Maldives . Kuala-Lumpur, Malaysia . Grimsvotn, Iceland . Amsterdam, Holland . Neuschwanstein Castle, Germany . Egyptian Pyramids, Egypt . Hong Kong, China . The Iguassu Falls, Brazil . Twelve Apostles Marine National Park, Australia . Sydney, Australia . Buenos Aires, Argentina



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ขอให้ทุกคน สุขภาพแข็งแรง สุขกาย สุขใจ จิตใจแช่มชื่นเบิกบาน

Ingpha Leela

หลักการ สาม“ครึ่งนาที” 1. ตื่นมา อย่าเพิ่งลุกจากเตียงทันที นอนบนเตียง“ครึ่งนาที” 2. ลุกขึ้นนั่งอีก“ครึ่งนาที” 3. ห้อยขาลงจากขอบเตียง พักอีก“ครึ่งนาที” การผ่านพ้น สาม“ครึ่งนาที”นี้ ไม่เสียเงินสักบาท จะทำให้สมองไม่ขาดเลือด หัวใจเต้นเป็นปกติ ลดความเสี่ยงจาก อาการเลือดเลี้ยงสมองไม่ทัน

สาม“ครึ่งชั่วโมง”

  1. ทุกเช้า ออกกำลังกายครึ่งชั่วโมง ออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ ตามแต่สะดวก
  2. ตอนเที่ยง นอนครึ่งชั่วโมง สำหรับคนที่นอนกลางคืนน้อย กลางวันเลยต้องเสริม (แต่ถ้าคิดว่า กลางคืนนอนพอแล้ว ไม่ต้องก็ได้)
  3. 6–7 โมงเย็น เดินครึ่งชั่วโมง จะทำให้ตอนกลางคืน นอนหลับฝันดี ยิ่งขึ้น

ต้องปรับทัศนคติ (ขอให้จำ คำขวัญข้างล่างนี้ไว้) กินให้เหมาะสม ออกกำลังกายแต่พอดี จำกัดเหล้า เลิกบุหรี่ มีจิตใจที่สมดุล หมั่นกินผัก รักการเดิน ดื่มเหล้า(ให้รู้)เขิน เมินบุหรี่ยา

ที่จริงแล้ว โครงสร้างฟันของมนุษย์ ถูกสร้างมาให้เหมาะกับ การกินผัก มากกว่าเนื้อสัตว์

สรุป คู่มือสุขภาพฉบับนี้ มีว่า หนึ่งศูนย์กลาง สองสัณฐาน สามรูปแบบ และแปดเฝ้าระวัง ดังนี้

“หนึ่งศูนย์กลาง” ศูนย์กลางอยู่ที่ “สุขภาพ” คือให้ระวังสุขภาพ เป็นหลัก “สองสัณฐาน” สัณฐานที่ 1 “เอาหละ เอาหละ”(แกล้งโง่ซะบ้าง จะได้หาแฟนได้ง่ายไง) สัณฐานที่ 2 “ใจกว้างหน่อย” (จะได้ไม่เครียด ไม่แค้นใคร ให้หนักใจตัวเอง) “สามรูปแบบ” ช่วยคนเป็นสุข รู้จักพอเป็นสุข รู้จักสุขเป็นสุข (รักษาจิตใจให้เป็นสุข อยู่เสมอ)

“แปดเฝ้าระวัง” คือ หมั่นติดตาม สี่พื้นฐาน และ สี่ดีที่สุด สี่พื้นฐาน คือ 1.หมั่นกินผัก 2.รักการเดิน 3.ดื่มเหล้าเขิน 4.เมินบุหรี่ยา สี่ดีที่สุด คือ 1.แพทย์ที่ดีที่สุด คือ ตัวเอง 2.ยาที่ดีที่สุด คือ เวลา 3.จิตที่ดีที่สุด คือ ความเงียบ 4.การออกกำลังกายที่ดีที่สุด คือ การเดิน หากมีพื้นฐานเหล่านี้พร้อม ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาอะไรเลย รับรองทุกคน มีสิทธิ์อายุยืน เท่าอัตราที่วิทยาศาสตร์นาโนจะให้ได้ คือ 160 ปี ... สาธุ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แห่งวัดถ้ำขาม สกลนคร เคยเล่าให้ศิษยานุศษย์ฟังว่า ศิษย์ผู้หนึ่งของท่านมีความทุกข์ใจมาก เพราะถูกขอยืมเงินไปสองแสนบาท ซึ่งในเวลากว่า ๒๐ ปี มาแล้วนับว่าจำนวนมาก สัญญาว่าจะใช้คืนเมื่อนั้นเมื่อนี้ แต่ถึงเวลาแล้วก็ไม่ได้คืน จำเป็นต้องใช้ ไปขอคืนก็ปฏิเสธบิดพริ้วต่างๆ นานา เจ้าของเงินจำเป็นต้องใช้จริงๆ แต่ก็ไม่สามารถขอคืนได้ ได้อ้อนวอนขอให้ท่านอาจารย์ท่านช่วยภาวนาให้ได้เงินคืน เพราะจำเป็นต้องใช้จริงๆ ไม่ได้คืนต้องแย่แน่

ท่านอาจารย์ท่านได้เล่าว่า ท่านช่วยอะไรไม่ได้หรอก นอกจากจะบอกให้วิธีให้ช่วยตัวเอง ทำเองตามท่านบอกแล้วจะได้เงินจำนวนนั้นคืนแน่ และท่านก็บอกวิธีให้เขา เขาก็ทำตามและเขาก็ได้รับเงินคืนตามจำนวนที่ให้ยืมไป วิธีท่านอาจารย์ฝั้นท่านบอกศิษย์ของท่านเพื่อให้ได้เงินคืนก็คือ ทุกครั้งที่สวดมนต์ไหว้พระแล้ว ให้อธิษฐานจิตขอให้ผู้เป็นลูกหนี้นำเงินจำนวนนั้นมาคืนเถิด อธิษฐานจิตให้แน่วแน่ แล้วก็หยุดความคิดถึงเงินนั้นให้เด็ดขาดไป เพ่งจิตไปที่คำภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ นั้นเอง

ภาวนาไปเรื่อยๆ จะกี่วันกี่เดือนกี่ปี แล้วแต่จิตของเขาจะรวมได้เมื่อไร ก็เมื่อนั้นจะได้เงินคืนตามจำนวนที่เขาขอยืมไป ท่านอาจารย์เล่าว่าวันสองวันเท่านั้นศิษย์ของท่านก็ทำสำเร็จ เขามาหาท่านอย่างยิ้มแย้มแช่มชื่นมีความสุขและเล่าให้ท่านฟังว่า เขาได้เงินสองแสนที่ให้ยืมไปกลับคืนครบถ้วนแล้ว หลังจากทำตามที่ท่านอาจารย์สอน

ท่านบอกว่าเขาเล่าว่า เมื่อเขาอธิษฐานแล้วก็หยุดคิดถึงเงิน หยุดคิดถึงคำอธิษฐาน ตั้งใจภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ เท่านั้น จนกระทั่งวันที่ ๒ หรือวันที่ ๓ ต่อมา จิตก็สงบ เกิดความสว่างไสวและลูกหนี้ก็นำเงินมาใช้คืนให้ครบถ้วน ไม่บิดพริ้วอีกต่อไป

เขาก็ได้ใช้เงินนั้นสบายใจ ไม่เดือดร้อนอีกต่อไป ท่านอาจารย์ท่านเบิกบานแจ่มใสเมื่อสอนศิษย์ต่อไปว่า ให้พากันช่วยตัวเองตามวิธีง่ายๆ ที่ท่านแนะนำเถิด จะได้ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินขาดอีกต่อไป



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ได้ก่อตั้งเมื่อปี 2550 ประกอบด้วยคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการบริหารจัดการด้านอื่นๆ ซึ่งมีอุดมการณ์และเป้าหมายในแนวทางเดียวกัน ได้แก่การผลักดันและดำเนินการให้เกิดการพัฒนามนุษย์ในภาคบริการอย่างเป็นองค์รวม ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ศูนย์ได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักมากขึ้น กิจกรรมยังมีน้อยเนื่องจาก กรรมการแต่ละท่านอาสามาทำงานโดยไม่ได้รับค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แถมต้องเสียสละเงินส่วนตัวร่วมทำกิจกรรมในบางครั้ง กรรมการแต่ละท่านมีหน้าที่ประจำในหน่วยงานของแต่ละท่าน จึงไม่สามารถขับเคลื่อนงานของศูนย์ได้เต็มที่ ประกอบกับศูนย์ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จึงทำให้ผลงานที่ตั้งไว้ยังห่างไกลจากเป้าหมายมากพอควร กรรมการจึงเห็นว่าควรจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและได้เลือกเป็นมูลนิธิ ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจดทะเบียนมูลนิธิ โดยมีกรรมการเดิมของ ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษยื และบุคคลภายนอกที่ติดตามผลงานของศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์มาได้ระยะเวลาหนึ่ง ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อใช้เป็นเงินในการจดทะเบียนมูลนิธิ และผู้บริจาคเงินถึงว่าเป็นกรรมการจัดตั้งมูลนิธิ เป็นกรรมการตลอดชีพ ประกอบด้วย

1.ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

2.ดร.อนุชา เล็กสกุลดิลก

3.น.สพ.สมชัย วิเศษมงคล

4.ดร.ธรรมชัย เชาว์ปรีชา

5.คุณธวัชชัย แสงห้าว

6.ดร.วีรชัย วงศ์บุญสิน

7.คุณฉัตรชัย มงคลวิเศษไกวัล

8.รศ.ดร.อัศนีย์ ก่อตระกูล

9.คุณพัฒนศักย์ ฮุ่นตระกูล

10.คุณกิตติ คัมภีระ

11.คุณสามารถ ดวงวิจิตรกุล

12.ดร.เอกฤทธิ์ เลี้ยงพาณิชย์

13.คุณโสทรินทร์ โชคคติวัฒน์

14.คุณวิสูตร เทศสมบูรณ์

15.คุณสยาม เศรษฐบุตร

16.คุณพรศิลป์ พัชรินทร์-ตนะกุล

17.คุณทำนอง ดาศรี

18.คุณเกรียงไกร ภูวณิชย์

19.ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี

20.คุณชนินท์ ธำรงวิทวัสพงศ์

21.ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท

นอกเหนือจากรายชื่อทั้ง 21 ท่าน ที่บริจาคเงินเพื่อเป็นทุนในการจัดตั้งมูลนิธิ และดำรงตำแหน่งกรรมการจัดตั้งมูลนิธิ แล้วยังมีกรรมการ และที่ปรึกษาอีกหลายท่านที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลืองานของ ศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ มาตั้งแต่ต้น และเชื่อว่าท่านยังพร้อมให้การสนับสนุนเช่นเดิม กรรมการจัดตั้งทั้ง 21 ท่านจะมีการประชุมในวันที่ 15 มีนาคม 2555 เพื่อกำหนดกรอบแผนงานของมูลนิธิในระยะ 3 ปี คัดเลือกกรรมการบริหาร และพิจารณาเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษา สำหรับกรรมการและที่ปรึกษาที่เคยให้การสนับสนุนศูนย์บูรณาการพัฒนามนุษย์ จะได้รับการติดต่อให้มาร่วมเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษามูลนิธิ ต่อไป สำหรับท่านที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนามูลนิธิให้เป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน โปรดติดต่อแจ้งความจำนงได้ที่ e-mail address: [email protected] หรือ โทร 089-1381950



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เจ้าของโรงแรมส่วนมากที่ประสบผลสำเร็จจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จจากธุรกิจอื่นมาก่อน หรือเป็นกลุ่มธุรกิจภาคอุตสาหกรรม การเงิน ก่อสร้าง ฯลฯ ธุรกิจหลักมีความมั่นคงสูง จึงไม่มีปัญหาเรื่อง เงิน เนื่องจากผมเข้าไม่ถึงส่วนลึกของการบริหารจัดการด้านการเงินของธุรกิจโรงแรมทั้งหมดในช่วงที่ผมเคยบริหารโรงแรมที่ผ่านๆมา ผมจะดูแลเรื่องการบริหารจัดการด้านการตลาดและการขายเป็นส่วนมาก มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเงินบ้างเล็กน้อย จึงขอนำมากล่าวถึงเพื่อเป็นกรณีศึกษาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของผม

เรียนรู้เรื่อง เงิน : บริหารรายได้ธุรกิจโรงแรม

รายได้ธุรกิจโรงแรม แบ่งออกเป็นรายได้ใหญ่ๆ สองส่วนได้แก่ รายได้ในส่วนของห้องพัก และรายได้ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากห้องอาหาร ห้องจัดเลี้ยง ห้องประชุมสัมมนา Room Services นอกเหนือจากรายได้หลักใหญ่ๆทั้งสองส่วนแล้ว ยังมีรายได้อื่นอีก หลายอย่าง เช่นค่าเช่าร้านขายของ ค่าเช่าห้องเสริมสวย และรายได้อื่นๆที่นอกเหนือจากรายได้ที่กล่าวไปแล้ว แต่ละปีจะมีการตั้งเป้าหมายรายได้ค่าห้องพักและรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่ม เป็นหลัก ผู้บริหารสูงสุดจึงนำเป้ารายได้ไปจัดทำงบงบประมาณในการบริหารจัดการ สำหรับผมรับผิดชอบดูแลเฉพาะเป้ารายได้ในส่วนของห้องพัก

การตั้งเป้ารายได้ในส่วนของห้องพักในแต่ละปี ไม่เหมือนกับการตั้งเป้าขายสินค้า เพราะสินค้าสามารถผลิตและขาย ถ้าเหลือก็เก็บไว้ขายวันข้างหน้าได้ เมื่อผลิตไม่พอขายก็ผลิตเพิ่มได้ แต่ห้องพักต้องขายในแต่ละวัน เมื่อห้องพักเต็มแล้วก็ไม่สามารถขายเพิ่มได้ แต่เมื่อห้องว่างก็ไม่สามารถเก็บไว้ขายในวันข้างหน้าได้เช่นกัน ดังนั้นจึงต้องขายห้องให้พอดีเต็มทุกวันซึ่งเป็นไปไม่ได้ นอกเหนือจากนั้นข้อสำคัญอยู่ที่การกำหนดราคาค่าห้องพัก

ก่อนที่จะได้เป้ารายได้ของทั้งปี จะต้องกำหนดเป้าย่อยในแต่ละเดือน ต้องมีการคำนวณที่มาที่ไปของรายได้ จำนวนห้องที่จะขายได้ในแต่ละชนิดห้องพัก ราคาขายต่อห้องต่อคืน จำนวนขายของแต่ละ Segmentation การตั้งเป้าจึงเป็นหัวใจสำคัญเพราะเป็นตัวกำหนดรายละเอียดที่มาของรายได้หลักเพื่อให้ส่วนอื่นๆนำไปคำนวณหารายได้ในแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้ฝ่ายปฏิบัติการนำไปคำนวณจัดของบประมาณในการบริหารจัดการของแต่ละแผนกเพื่อให้เหมาะสมกับความสามารถในการให้บริการที่จะทำให้ได้รายได้ตามเป้า ก่อนที่จะไปถึงผู้บริหารการเงินที่จะนำไปวางแผนในการบริหารจัดการด้านการเงินทั้งหมด การบริหารจัดการด้านการเงินทั้งหมดจะอยู่ในการดูแลของเจ้าของ หรือผู้ที่เจ้าของแต่งตั้งโดยขึ้นตรงกับเจ้าของ

เนื่องจากห้องพักมีจำนวนจำกัดและมีห้องพักแตกต่างกันหลายชนิด มีราคาที่แตกต่างกัน จึงต้องวางแผนและควบคุมการปล่อยห้องพักให้เหมาะสม ต้องรู้ว่าห้องชนิดใดเหมาะสมกับลุกค้าประเภทใด จะเข้าถึงลูกค้าได้อย่างใด ลูกค้าประเภทใดจะมาพักช่วงไหน การปล่อยห้องพักว่างในแต่ละวันคือการสูญเสียรายได้ และไม่สามารถนำห้องว่างในวันนั้นๆไปหารายได้ทดแทนในวันข้างหน้าได้ การทำให้มีห้องพักว่างในแต่ละวันน้อยที่สุด หรือทำให้ห้องพักเต็มทุกวัน ยังไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เพราะยังมีราคาห้องพักเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บางวันห้องพักขายได้แค่ 60% ของห้องทั้งหมด อาจมีรายได้มากกว่า การทำให้ห้องพักเต็ม 90% หัวใจจึงอยู่ที่ทำอย่างไรให้ได้รายได้จากการขายห้องพักตามเป้าที่วางไว้ในแต่ละวัน และถ้าทำรายได้มากกว่าเป้ายิ่งดี เพื่อทดแทนวันที่มีรายได้ต่ำกว่าเป้า ต้องดูรายงานการขายห้องวันต่อวันอย่างละเอียด จากรายงานในหลายมิติ นอกจากนั้นก็จะต้องดูรายงานการรับจองห้องพักล่วงหน้าตลอดจนข้อมูลการชำระเงินของห้องที่ถูกจอง รายงานลูกหนี้คงค้าง และรายได้ที่คาดการล่วงหน้า

บางครั้งการมีพนักงานขายหลายคนก็มีปัญหา โดยเฉพาะช่วงที่ลูกค้ามีความต้องการห้องพักสูง มีความต้องการห้องพักมากกว่าจำนวนห้องพักที่มี จะเกิดการแย่งห้องพักกัน การควบคุมการปล่อยห้องพักจึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการบริหารรายได้ การจะให้ห้องกับลูกค้ารายใดจะต้องคิดในหลายๆด้านเช่น ลูกค้าต้องการห้องพักกี่คืน ราคาที่ตกลงเท่าใด ลูกค้ารายนั้นเป็นลูกค้าประจำที่ใช้เราอย่างสม่ำเสมอหรือว่านานๆใช้ครั้ง ลูกค้ารายนั้นจ่ายเงินทันที หรือเป็นเครดิต ก็ต้องดูว่าเครดิตดีหรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดจะต้องนำมาวิเคราะห์และตัดสินใจให้ห้องพักกับลูกค้าที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับโรงแรมทั้งระยะสั้น ระยะยาว จึงไม่สามารถกำหนดตายตัวได้ว่าจะให้ห้องกับรายใดโดยไม่มีการศึกษาอย่างรอบครอบ

หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทช่วงทำให้รายได้ห้องพักเข้าเป้าหรือไม่อยู่ที่ฝ่ายรับจองห้องพัก พนักงานบางคนจะปล่อยห้องให้กับคนที่มีความสนิทสนมหรือคนที่ชอบพอ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของโรงแรม ทำให้โรงแรมขาดรายได้ที่ควรจะได้ เช่นให้ห้องกับคนที่สนิทสนม ทั้งๆที่ควรจะให้ห้องพักกับรายอื่นที่โรงแรมได้ผลประโยชน์มากกว่า เช่นราคาดีกว่า ชำระเงินดีกว่า หรือบางครั้งกันห้องไว้ให้กับพวกตัวเอง และ ไม่ยอมปล่อยห้องให้กับรายอื่นที่พร้อมจ่ายเงิน และในที่สุดห้องที่กันไว้ถูกยกเลิก ทำให้ห้องว่าง โรงแรมสูญรายได้ สิ่งผิดพลาดที่เกิดจากพนักงานรับจองห้องพัก อาจมาจากการทุจริตของพนักงาน หรือจากความหย่อนยานในการควบคุมของผู้บังคับบัญชา หรือจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพนักงานและผู้บังคับบัญชา

เจ้าของบริษัททัวร์บางรายเก่งในการสร้างความสัมพันธ์กับพนักงานรับจองห้องพัก และพนักงานบัญชีที่ดูแลเรื่องลูกหนี้ จะมีการนำของกำนันมาให้เพื่อให้พนักงานรับจองห้องพักปล่อยห้องให้ และให้พนักงานติดตามลูกหนี้ ไม่รายงานหนี้ค้างชำระเกินกำหนดของบริษัททัวร์ของเขากับผู้บริหารโรงแรม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แผนการเงินผิดพลาดได้ ถ้าผู้บริหารที่ไม่ควบคุมดูแลให้ดีก็จะไล่ไม่ทัน

อีกส่วนหนึ่งที่ต้องระวังคือพนักงานส่วนหน้า Front Office ผู้บริหารบางคนไม่เข้าใจ เพราะเห็นว่าห้องว่างจะทำให้เสียรายได้ ดังนั้น จึงปล่อยให้พนักงานต้อนรับ ขายราคาต่ำกว่าที่ได้กำหนดโดยอ้างว่าลูกค้าต่อราคาถ้าไม่ให้ก็จะไปพักที่โรงแรมอื่น การปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้จะเสียมากกว่าได้ เพราะถ้าลูกค้าอื่นที่จองห้องพักมาล่วงหน้าในราคาที่แพงกว่าทราบว่า โรงแรมยินยอมให้ลูกค้า walk in ต่อรองราคาค่าห้องพักได้ และสามารถได้ราคาที่ถูกกว่าลูกค้าประจำหรือลูกค้าที่จองมาล่วงหน้า เขาจะคิดว่าเขาถูกหลอกและขอยกเลิกการพักในคืนที่เหลือ นอกเหนือจากนั้นแล้วยังเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานเห็นช่องทางในการโกงโรงแรม เก็บเงินลูกค้าเต็มแต่รายงานว่าลดราคาให้ลูกค้า หรือบางที่ก็อ้างว่าลูกค้ารายนั้นเป็นลูกค้าที่เอเยนส่งมาให้ และนำผลต่างไปแบ่งกับเอเยน

รายงานการเงินในแต่ละวันสำคัญมาก ผู้บริหารจะต้องดูทุกวัน เพื่อติดตามและตรวจสอบเป้ารายได้ในแต่ละวัน และควบคุมการทำงานของพนักงานไปในตัว โรงแรมจะมีรายงานหลายๆตัวเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หลายๆโรงแรมหย่อนยานเรื่องการตรวจสอบรายงาน ผู้จัดการทั่วไปไม่เคยดูรายงาน พนักงานบัญชี หัวหน้าฝ่ายบัญชี และหัวหน้าฝ่ายการเงินไม่เข้าใจระบบการทำงานหรือไม่สนใจทำตามระบบ จะทำให้โรงแรมสูญเสียรายได้ และเกิดการรั่วไหลมาก จนทำให้โรงแรมขาดทุน

ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ต้องมีระบบที่ดี และต้องปฏิบัติตามขั้นตอน อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ถ้าไม่มีการควบคุมที่ดี จะเกิดการรั่วไหลและเสียหายเป็นอย่างมาก ทำให้การบริหารจัดการธุรกิจไม่ประสบผลสำเร็จ นับวันโรงแรมจะตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เจ้าของโรงแรมหลายรายไม่สนใจกับผลกำไรขาดทุนในส่วนของธุรกิจการให้บริการของโรงแรม เพราะใช้ธุรกิจโรงแรมเป็นตัวทำประโยชน์ในด้านภาษี หรือการฟอกเงินให้กับธุรกิจหลัก หรือใช้ธุรกิจโรงแรมเป็นตัวบังหน้าเพื่อผลประโยชน์ด้านอื่น จึงไม่สามารถบอกได้ว่าการบริหารจัดการด้านการเงิน มีประสิทธิภาพหรือไม่



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชาญโชติ
เขียนเมื่อ

ทุนภายใน

มนุษย์มีทุนติดตัวมาไม่เท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับผลของการกระทำในอดีตชาติ ทุนมนุษย์แบ่งออกเป็นสองทุนใหญ่ๆได้แก่ทุนภายในและทุนภายนอก ทุนภายในได้แก่ทุนทางจิตเป็นทุนดั้งเดิมของมนุษย์แต่ละคน ส่วนทุนภายนอกได้แก่ทุนที่ได้มาจากผู้อื่นกับทุนที่แสวงหามาเพิ่มเติม เป็นทุนที่ไม่แน่นอน เช่นทุนทางสังคม ได้แก่การมีหน้ามีตาได้รับการยกย่องในสังคม ทุนทางการศึกษา ได้รับการยกย่องว่ามีความรู้ ทุนทางปัญญา ได้แก่การแสวงหาความรู้และนำความรู้ที่ได้มาไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและผู้อื่น รวมถึงทุนทางทรัพย์สินเงินทอง มนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ถือว่ามีทุนภายนอกมากกว่ามนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีทุนภายในมากกว่า ทุนภายในเป็นทุนที่กำหนดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ โดยมีทุนภายนอกเป็นส่วนประกอบที่มีทั้งส่วนให้การสนับสนุนและส่วนที่ช่วยทำลายคุณค่าของความเป็นมนุษย์ สังคมทุนนิยมเป็นตัวกำหนดให้มนุษย์มุ่งเน้นเพื่อแสวงหาทุนภายนอกให้กับตัวเองและครอบครัว โดยเข้าใจว่าการมีทุนมากกว่าจะเป็นผู้ที่เหนือกว่าคนอื่น ต่างแข่งขันกันหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้มีชีวิตที่เหนือกว่าผู้อื่น โดยไม่คำนึงถึงความพอเพียงและการแบ่งปัน ผู้ที่มีฐานะร่ำรวยใช้เงินซื้อทุกสิ่งที่ตัวเองอยากได้โดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรม ผู้ที่มีอำนาจวาสนาใช้อำนาจในการแสวงหาเงินทอง เพื่อเก็บเงินทองไว้เป็นมรดกให้กับลูกหลาน มนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวเหล่านี้จึงมีโอกาสมากกว่า มนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำรวยและไม่มีอำนาจ เช่นการศึกษามนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย หรือ ครอบครัวที่มีอำนาจวาสนา จะมีโอกาสได้ร่ำเรียนสูงกว่า มนุษย์ที่เกิดมาในครอบครัวปานกลางหรือครอบครัวที่ยากจน จึงมีโอกาสที่จะได้ทำงานที่ดีมีรายได้มากกว่า มีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนหรือผู้นำของสังคม ผู้นำสังคมในปัจจุบันมาจากกลุ่มผู้มีเงินและอำนาจวาสนา จึงได้กำหนดคุณค่าของมนุษย์โดยใช้ตัวชี้วัดตามคุณสมบัติของกลุ่มตัวเองว่าเป็นผู้ที่มีคุณค่ามากกว่ามนุษย์ในกลุ่มอื่น สังคมได้กำหนดตัวชี้วัดคุณค่าของมนุษย์จากทุนภายนอกดังนี้ ๑) เศรษฐี มีเงินทองและทรัพย์สมบัติมาก ( ทุนทางทรัพย์สิน) ๒) เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ (ทุนทางสังคม) ๓) ข้าราชการระดับสูงหรือนักการเมือง (ทุนทางสังคม) ๔) นักวิชาการ (ทุนทางการศึกษา) ๕) ผู้ที่จบการศึกษาสูงๆ (ทุนทางการศึกษา)

จากตัวชี้วัดดังกล่าว ทำให้มนุษย์ต้องแข่งขันกันหาเงินและอำนาจเพื่อทำให้ตัวเองหรือลูกหลานได้รับ การยอมรับว่าเป็นผู้มีคุณค่า ผู้ที่ยังไม่ร่ำรวยหรือมีอำนาจวาสนาต้องวิ่งหาเงินทองเพื่อนำมาเป็นทุนให้ลูกได้เรียนสูงๆเพื่อมีโอกาสแข่งขันกับผู้อื่น เกิดการชิงดีชิงเด่น แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้สังคมขาดความสามัคคี ไม่มีความจริงใจ และซื่อสัตย์ มีแต่ผู้คอยรับ แต่ขาดผู้ให้ เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม มนุษย์ที่ร่ำรวยและมีอำนาจส่วนใหญ่ ไม่รู้จักพอเพียง ยิ่งรวยมากเท่าใดก็ยิ่งต้องการได้มากขึ้นอีกเป็นเงาตามตัว ไม่มีการแบ่งปันให้คนอื่น แถมยังเอาเปรียบและฉ้อโกงเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองและอำนาจที่มากขึ้น ทั้งๆที่อำนาจและเงินทองที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือไม่มีวันใช้ได้หมด แต่ก็ยังต้องการหามาเพิ่ม แทนที่จะนำไปแบ่งให้กับผู้ยากจนและขัดสน หรือให้การสนับสนุนกับผู้ที่ด้อยกว่า

มนุษย์ที่มีทุนภายนอกมากจะไม่ได้รับความสุขอย่างแท้จริงถ้าไม่มีทุนภายในมากพอ ยิ่งแสวงหาทุนภายนอกมากเท่าใด โดยไม่รู้จักความพอเพียง เอาเปรียบไม่รู้จักการแบ่งปันและให้ผู้อื่นบ้าง ทุนภายในก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆจนแทบจะไม่เหลือหรือติดลบ จนในที่สุดความล่มสลายก็จะเกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัว

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นตัวชีวัดทุนภายในของมนุษย์ได้ชัดเจนที่สุด ถ้ามนุษย์ผู้ใดเข้าใจ “เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และได้นำไปปฏิบัติ มนุษย์ผู้นั้นจะเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง

ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๙



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท