ชีวิตที่พอเพียง 3535. เล่าไว้ในวัยสนธยา (๑๕) อยู่บ้านบางขุนนนท์


บันทึกที่ ๑    บันทึกที่ ๒   บันทึกที่ ๓   บันทึกที่ ๔    บันทึกที่ ๕    

บันทึกที่ ๖    บันทึกที่ ๗    บันทึกที่ ๘   บันทึกที่ ๙   บันทึกที่ ๑๐   

 ตอนที่ ๑๑    ตอนที่ ๑๒    ตอนที่ ๑๓    ตอนที่ ๑๔ 

บันทึกชุด เล่าไว้ในวัยสนธยา เป็นการเล่าเรื่อยเปื่อย นึกอะไรออกก็เล่าไว้ เป็นบันทึกชีวิตที่คนสมัยนี้อาจนึกไม่ถึง ว่าชีวิตสมัยก่อนเขาขาดแคลนและยากลำบากขนาดนั้น    และเพื่อตอกย้ำว่า “ชีวิตที่ยากลำบากเป็นชีวิตที่เจริญ” (คำของ ศ. นพ. เสม พริ้งพวงแก้ว) 

วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ สาวน้อยนัดลูกชาย (ตั้ม - วิจักขณ์ พานิช) ไปเยี่ยมบ้านของตั้มที่บางขุนนนท์     ผมว่างจึงร่วมไปด้วย   ทำให้ได้รำลึกความหลังครั้งแต่งงานและทำงานใหม่ๆ ระหว่างปี ๒๕๑๒ – ๒๕๑๗ ที่ผมอยู่บ้านนี้สมัยทำงานที่ศิริราช     

บ้านหลังนี้แม่ซื้อให้ผม ตั้งแต่ผมเพิ่งเรียนแพทย์จบ    คือซื้อเมื่อปี ๒๕๑๐ ในราคา ๑ แสนบาท    มีบ้านไม้สองชั้นเล็กๆ บนที่ดิน ๕๔ ตารางวา    ในซอยตำรวจดับเพลิง (สมัยนั้น)  เดี๋ยวนี้เรียกว่าซอยสถานีดับเพลิง เป็นซอยที่แคบมาก รถสวนกันยากมาก    ด้านหลังบ้านเป็นคลองเล็กๆ แยกมาจากคลองบางกอกน้อย    ช่วยให้มีลมพัดเย็นสบาย   

เราแต่งงานที่ชุมพร  เพราะผมเป็นลูกคนโต    วันแต่งงานคือ ๙ พฤษภาคม ๒๕๑๑    แต่งแล้วก็ไปอยู่ที่บ้านนี้ โดยเราไปทาสี (ทากันเองสองหนุ่มสาว) และซื้อเตียงนอน   ชุดรับแขก   ทีวี    และรถยนต์ Mazda Familia 1,200 cc.   สำหรับขับไปกลับศิริราช    โดยผมมีตำแหน่งเป็นอาจารย์สังกัดบัณฑิตวิทยาลัย (เป็นอาจารย์หนุ่มฟ้อนักเรียนนอก)   สาวน้อยเป็นแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ ๑  ภาควิชาวิสัญญีวิทยา     พอเดือนเมษายน ๒๕๑๓ เราก็มีลูกคนแรก    เดือนกรกฎาคม ๒๕๑๖ มีลูกคนที่สอง     ดังนั้นลูกสาวสองคนแรกของเราจึงเริ่มต้นชีวิตที่บ้านนี้

ตอนนั้นถนนบางกอกน้อย-ตลิ่งชัน ดูใหญ่โตกว้างขวางมาก    มีรถน้อย และมีทางเท้ากว้าง    ผมขับรถไปทำงานโดยออกจากบ้านตอนเช้าราวๆ ๗ น.   ราวๆ ๗.๑๕ น. ก็ถึงที่ทำงาน    ถือเป็นคนที่ไปทำงานเช้ามาก    ขากลับก็ใช้เวลาราวๆ ๑๕ นาทีพอๆ กัน    รถสมัยนั้นเป็นรถเกียร์กระปุก และไม่มีเครื่องปรับอากาศ    มีหูช้างสำหรับเปิดรับลมเข้ามาในรถ    และเรานั่งรถเปิดหน้าต่าง ยกเว้นเวลาฝนตก    ภายหลังผมติดพัดลมเล็กๆ ด้านหน้ายิ่งทำให้สบายยิ่งขึ้น   

แม้บ้านจะเล็ก ก็มีสองห้องนอนชั้นบน และหนึ่งห้องนอนที่ชั้นล่าง    มีห้องน้ำแยกออกไป อยู่ที่ชั้นล่าง     มีระเบียงปูนซีเมนต์เล็กๆ ที่หน้าบ้าน    ถัดออกมาเป็นสนามเล็กๆ    มีต้นขนุนสองต้น    รั้วเป็นรั้วไม้ ประตูรั้วก็เป็นไม้    ผมปลูกต้นเฟื่องฟ้าที่ซุ้มประตู ออกดอกสวยงามมาก    ห้องทั้งหมดไม่ติดแอร์    แต่ราวๆ ปี ๒๕๑๔  ผมสามารถซื้อแอร์ชนิดติดหน้าต่างได้ในราคาลด ๓๐%   จากบริษัทเอื้อวิทยา  เพราะเจ้าของมาเป็นคนไข้ผมที่ตึกอานันทราช    จึงได้นอนห้องแอร์เย็นสบาย  

ในห้องนอนมีโต๊ะทำงานเล็กๆ ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่ง    สำหรับผมนั่งเขียนรายงานผลงานวิจัย หรืออ่านเอกสารวิชาการ    ต่อมาสาวน้อยซื้อทีวีเครื่องเล็กมาตั้งบนโต๊ะสำหรับนอนดูละคร    แรกๆ ผมเดือดร้อนมาก เพราะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง     คิดสงสัยว่าตนเองแต่งงานกับสาวผิดคนหรือเปล่า     ในที่สุดก็คิดได้ ว่าไม่มีทางเลือก ต้องทน  และฝึกให้มีสมาธิอยู่กับงานที่กำลังทำให้ได้    ซึ่งไม่นานผมก็ฝึกได้    ตอนนี้ผมเข้าใจว่าการฝึกฝนตนเองในช่วงนั้นเป็นการฝึก executive functions    แต่ตอนนั้นเราเรียกว่าฝึกสมาธิ    ให้มีสมาธิอยู่กับเรื่องหนึ่ง ไม่ถูกรบกวนโดยเสียงข้างๆ    กลายเป็นว่าผมแต่งงานกับสาวถูกคนแล้ว     ที่เขาทำหน้าที่ครูฝึก executive functions ให้    ผมจึงเป็นคนที่นั่งทำงานในสภาพแวดล้อมใดก็ได้ทั้งสิ้นในปัจจุบัน   

แถมตอนนี้เขายังฝึกวิธีมีชีวิตอยู่กับคนสมองเสื่อมให้แก่ผมอีกด้วย  

ผมขอให้ญาติที่ชุมพร ช่วยมาทำชั้นหนังสือติดผนังด้านหนึ่งของบ้าน    ไม่ช้าชั้นหนังสือนั้นก็มีหนังสือเต็ม  ทั้งหนังสือวิชาการ และหนังสือสารคดี หนังสือนวนิยายมีน้อย    เพราะผมชอบอ่านหนังสือที่ให้ความรู้    ใครไปใครมาเห็นชั้นหนังสือของผมตกใจกันทุกคน   

เมื่อผมย้ายไปทำงานที่หาดใหญ่ตอนปลายปี ๒๕๑๗ ผมขนหนังสือไปเพียงบางส่วน    ส่วนหนึ่งให้น้องเอาไปไว้ที่บ้านพ่อแม่ที่ชุมพร ให้พ่อแม่และน้องอ่าน    วันนี้เมื่อผมไปเยี่ยมบ้านตั้ม เขาก็อวดชั้นหนังสือติดผนังบ้านด้านหนึ่ง     และบอกว่าส่วนใหญ่เป็นหนังสือของผม

ผมเป็นคนชอบชีวิตในที่โล่ง    จึงซื้อชิงช้าเล็กๆ นั่งได้สองคนมาวางไว้ในสนามหญ้าริมรั้ว     สำหรับนั่งเล่นกับลูก    กล่าวได้ว่าแม้บ้านจะเล็ก เราก็เป็นครอบครัวที่สุขสบาย    มีพี่เลี้ยงลูกสองคน คือมะลิกับไพลินสองพี่น้องจากกำแพงเพชร    ที่ตอนที่สาวน้อยท้องแก่ และกำลังต้องการพี่เลี้ยงสำหรับเลี้ยงลูก    พยาบาลมาบอกว่ามีแม่ของเด็กคนไข้เอาลูกสาวอายุ ๑๔ มาให้อยู่กับคุณหมอ    แต่ไม่รู้ว่าหมอคนไหน    พยาบาลจึงบอกว่าหมอวิจารณ์กำลังต้องการเด็กช่วยเลี้ยงลูก ไปอยู่กับหมอวิจารณ์เอาไหม    ผมจึงได้พี่เลี้ยงลูกคนแรก ที่อยู่ด้วยกันเกือบ ๕ ปี    และอีกสามปีต่อมาเราจะมีลูกคนที่สอง น้องของมะลิชื่อไพลินอายุ ๑๒ ปี พอจะทำงานได้    แม่ของเขาจึงให้มาอยู่อีกคน    เป็นเด็กดีที่สองคน    ไพลินหน้าตาสวยแต่ตาเหล่ทั้งสองข้าง     เราจัดการให้ไปผ่าตัดแก้ไขที่ศิริราช    กลายเป็นเด็กวัยรุ่นที่สวยมาก  

ผมยังนึกถึงภาพไพลินอายุ ๑๒ ปี อาบน้ำน้องต้องอายุสองสามเดือนในกะละมังได้    เราทดสอบฝึกหัดอยู่หลายครั้ง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแน่ก็มอบความไว้วางใจให้    เมื่อเราจะย้ายไปทำงานที่หาดใหญ่ เราชวนสองสาวไปด้วย    แต่แม่ของเขาเห็นว่าไกลมากจึงขอไม่ตามไป    ทราบข่าวว่าทั้งสองคนยังอยู่ในกรุงเทพ    แต่ไม่เคยพบกันอีกเลย   

บ้านหลังนี้มีการปรับปรุงต่อเติมสองครั้ง    ครั้งแรกเนื่องจากบ้านโทรมและปลวกกิน    ผมขอให้ญาติที่ชุมพรซ่อมแซมและต่อเติม  ให้หลานๆ ลูกของน้องชายอยู่    หลังจากหลานๆ เรียนจบ    บ้านปิดอยู่นาน    ช่วงปี ๒๕๓๕ ญาติมาบอกว่ามีคนถามซื้อ ว่าจะให้ราคา ๑๕ ล้านบาท   ผมไม่สนใจ   

เมื่อตั้มกลับมาจากอเมริกา ขอไปอยู่บ้านนี้ และจัดการปรับปรุงขยายบ้านจนเกือบเต็มพื้นที่    ตอนแรกว่าจะใช้เป็นอาศรมฝึกปฏิบัติธรรมให้บริการแก่ศิษย์    ใช้อยู่ไม่นานก็ไปได้สถานที่ดีกว่าอยู่ที่ถนนพิชัย    ใช้ชื่อว่า เรือนธรรมวัชรสิทธา (๑)    กิจการดีมาก    ผมดีใจที่ลูกได้ทำประโยชน์ให้แก่สังคม    และใช้ชีวิตในกระแสทางเลือก โดยเลี้ยงตัวได้ดีพอสมควร    หลังกินอาหารเที่ยง ตั้มพาเราไปเยี่ยมโรงเรียนของเขาด้วย     

เมื่อปีที่แล้วตั้มมาปรึกษาว่า บ้านข้างๆ บอกขายในราคา ๓.๖ ล้าน ซื้อดีไหม    ผมบอกว่าซื้อเลย    จะได้อยู่บ้านที่มีพื้นที่ ๑๐๐ ตารางวา ค่อยโปร่งโล่งขึ้น   แต่ไปดูตอนนี้บ้านที่ซื้อก็ยังเหมือนเดิมคือ เป็นบ้านไม้สองชั้นที่ปลูกเต็มพื้นที่    ปลูกตั้งแต่สมัยผมยังอยู่ที่บ้านบางขุนนนท์    และเขาขอรื้อรั้วของผมแล้วสร้างรั้วขึ้นใหม่ แถมยังล้ำที่ดินเข้ามานิดหน่อยด้วย    ในที่สุดตั้มก็ได้ที่ดินที่เขาโกงไปคืน    ผมยุให้ตั้มรื้อบ้านลงเสีย และสร้างสวนแทน   

ตอนจะย้ายบ้านกลับมาอยู่กรุงเทพในปี ๒๕๓๘   มีทางเลือกว่า จะกลับไปอยู่บ้านบางขุนนนท์หรือซื้อบ้านใหม่    สาวน้อยเป็นคนตัดสินใจว่าซื้อใหม่    หาที่ที่อยู่สบายหน่อย    เราจึงได้มาอยู่ที่บ้านปากเกร็ดในหมู่บ้านสิวลี    เราเป็นเจ้าของที่ดินหลายสิบไร่ (เป็นเจ้าของร่วมน่ะครับ)   ถนนในหมู่บ้านกว้างขวาง     ตอนเช้ามืด หรือตอนค่ำออกไปเดินออกกำลังอากาศเย็นสบาย   

บ้านบางขุนนนท์ซอยแคบ  คนอยู่กันค่อนข้างจอแจ    แต่อยู่ใกล้ และกำลังจะมีรถไฟฟ้าแล่นผ่านสามแยกบางขุนนนท์ ห่างจากบ้านไม่ถึงกิโลเมตร    แถมแถวนั้นมีอาหารอร่อยๆ ราคาถูกมากมาย     และมีสวนสาธารณะอยู่ห่างจากบ้านเพียงราวๆ ครึ่งกิโลเมตร    สะดวกกันคนละแบบ                  

วิจารณ์ พานิช

๑๙ ส.ค. ๖๒    


1 แม่ลูกที่บันไดบ้านบางขุนนนท์

2 สองตายายที่บ้านบางขุนนนท์

3 แม่ลูกที่หน้าเรือนธรรมวัชรสิทธา

4 เรือนธรรมวัชรสิทธาอยู่บนชั้น ๔ และ ๕ ของอาคารพงศ์วราภานี้

5 ดอกไม้งามที่บ้านปากเกร็ด

หมายเลขบันทึก: 669849เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2019 16:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 ตุลาคม 2019 17:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อยากเห็นชั้นหนังสือค่ะอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท