บันทึกที่ ๑ บันทึกที่ ๒ บันทึกที่ ๓ บันทึกที่ ๔ บันทึกที่ ๕
บันทึกที่ ๖ บันทึกที่ ๗ บันทึกที่ ๘ บันทึกที่ ๙ บันทึกที่ ๑๐
บันทึกชุด เล่าไว้ในวัยสนธยา เป็นการเล่าเรื่อยเปื่อย นึกอะไรออกก็เล่าไว้ เป็นบันทึกชีวิตที่คนสมัยนี้อาจนึกไม่ถึง ว่าชีวิตสมัยก่อนเขาขาดแคลนและยากลำบากขนาดนั้น และเพื่อตอกย้ำว่า “ชีวิตที่ยากลำบากเป็นชีวิตที่เจริญ” (คำของ ศ. นพ. เสม พริ้งพวงแก้ว)
ตอนอยู่ที่บ้านที่ตำบลท่ายาง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร และเริ่มจำความได้ ก็จะมีช่วงฤดูกาลหนึ่งที่ชาวบ้านเดินผ่านหน้าบ้านผมกันเป็นทิวแถวในตอนเช้า ทักทายกันตามปกติว่า “ไปไหน” คำตอบคือ “ไปตัดตีน”
สมัยนั้น คนไทยทักทายกันด้วยคำว่า “ไปไหน” “กินข้าวยัง”
“ไปตัดตีน” ย่อมาจาก “ไปตัดตีนรังนก” หมายถึงไปตกแต่งรังนกนางแอ่น เอาส่วนขยะที่ติดกับหิน หรือที่มีขนนกหรือเลือดออกทิ้งไป เหลือแต่รังนกที่ขาวสะอาดน่ากิน บริษัทรังนกเขาจ้างคนไปนั่งเป็นแถวทำงานตกแต่งรังนกนางแอ่น และแม่เคยทำเส้นหมี่ผัดปู (ม้า) ให้ผมเอาไปขายคนเหล่านี้ ผมจึงเคยไปเห็นสภาพการทำงานของ “พนักงานตัดตีน”
คนแถวบ้านผมจำนวนหนึ่ง มีอาชีพรับจ้างเฝ้าเกาะ ซึ่งหมายถึงเกาะรังนก เพื่อไม่ให้มีคนมาขโมยรังนกนางแอ่น เข้าใจว่าไปคราวละหลายเดือน แล้วมีเรือไปรับกลับ ผมไม่แน่ใจว่ามีคนไปผลัดเปลี่ยนเฝ้าตลอดทั้งปีหรือไม่ มีอยู่คนหนึ่งไปเฝ้าจนร่ำรวย ปลูกบ้านใหญ่สวยงาม น้องชายของผมบอกว่า มีรายได้จากการขายรังนก ซึ่งหมายความว่าเขาแอบเก็บรังนกเอามาขายเอง
มีบางครั้ง คนที่ไป “ตัดตีน” เอารังนกมาขายแม่ผม หรือบางครั้งคนในบริษัทรับสัมปทานรังนก เอามาให้แม่ผมโดยไม่คิดเงิน แม่จะให้ผมช่วยเอารังนกแช่น้ำจนอ่อนนิ่ม แล้วใช้มีดแซะทำความสะอาดอีกชั้นหนึ่ง ก่อนเอาไปต้มกับน้ำตาลทรายกินเป็นของหวาน ถือเป็นขนมที่เป็นของสูง นานปีทีละหนที่จะได้กิน
ตอนผมอายุได้สัก ๑๑ - ๑๒ ขวบ พ่อเริ่มทำโรงสี เปลี่ยนอาชีพจากเถ้าแก่รถโดยสาร มาเป็นเถ้าแก่โรงสี หน้าโรงสีมีกองแกลบกองมหึมา มีแมลงตัวเล็กๆ บินออกจากกองแกลบ จึงมีนกนางแอ่นจำนวนมากมายบินว่อนอยู่เหนือกองแกลบ เพื่อโฉบจับแมลงกิน พวกผมเด็กๆ ซุกซน ก็เอาไม้ไผ่ไปตีนกตกลงมาตายเอาไปย่างไฟกิน ที่จริงนกตัวเล็กนิดเดียว แต่เด็กๆ ซุกซนไม่มีอะไรเล่นก็ประลองฝีมือด้วยชีวิตอื่น บาปแท้ๆ
แกลบกองมหึมานี้มีคนมาขอไปทำฉนวนเก็บน้ำแข็งไม่ให้ละลายเร็ว สมัยก่อนไม่มีลังปลาสติกใส่น้ำแข็งอย่างสมัยนี้ แต่ที่เขามาขอนับว่าน้อยมาก โรงสีปล่อยแกลบออกมาทุกวันกองเป็นภูเขา ในที่สุดพ่อผมก็เกิดความคิด เอาแกลบไปถมที่ เพราะที่หลังบ้านยกร่องเป็นสวนมะพร้าว ร่องสวนโดนแกลบถมหมด ในที่สุดสวนมะพร้าวหลังบ้านก็หมดสภาพเป็นร่องสวน กลายเป็นพื้นราบ และต้นมะพร้าวงามมาก ออกลูกดก เพราะได้ปุ๋ยธรรมชาติ การเปลี่ยนสภาพสวนด้วยการถมแกลบนี้ใช้เวลาเป็นสิบปี กว่าร่องสวนถมแกลบจะกลายเป็นพื้นดินสม่ำเสมอ
สมัยเป็นเด็ก ก่อนพ่อจะมีโรงสี ผมชอบมองท้องฟ้า ดูเรือบิน ดูเหยี่ยวบินวนอยู่บนฟ้าสูงลิบ และดูนกนางแอ่นตัวเล็กๆ บินสูงในระดับสิบวาขึ้นไป ไม่เคยเห็นนกนางแอ่นเป็นๆ มาเห็นก็ตอนที่เอาไม้ไปรอตีตอนเขามาโฉบแมลงเหนือกองแกลบนี่แหละ
คนบ้านนอกสมัยก่อนเวลาว่างมาก จึงมีของเล่นเยอะ อย่างหนึ่งคือเลี้ยงนก คราวหนึ่งผมได้ “นกแล้” (ภาษาท้องถิ่นชุมพร) มาตัวหนึ่ง ลักษณะเป็นนกแก้วตัวเล็กๆ สีเขียว กินกล้วยเป็นอาหาร เขาเลี้ยงในกรงไม้ไผ่ทรงกลมแป้น มันจะไต่กรงแบบห้อยหัวดูเพลินดี
มีอยู่คราวหนึ่ง ลูกน้องของพ่อขึ้นต้นมะพร้าวไปเจอรังนกเอี้ยง ในรังมีลูกนกสองตัว ที่ขนขึ้นเกือบเต็มแล้ว จึงขโมยเอามาใส่กรงแขวนไว้ ลูกนกร้องเรียกพ่อแม่ พ่อแม่ก็หาเหยื่อมาป้อนจนโต และเราหัดให้กินข้าวคลุกไข่ และหัดให้เลียนเสียงคน ตอนนั้นเราใช้คำว่าหัดให้นกพูด ซึ่งแท้จริงแล้วนกพูดไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจความหมาย เขาแค่เลียนเสียงคน
นกที่เรานิยมเลี้ยงไว้ดูเล่นและหาง่ายเลี้ยงง่ายเป็นนกกระจาบตัวเล็กๆ สีน้ำตาลแดงคอดำ จงอยปากใหญ่สั้น สำหรับขบเมล็ดข้าวกินแต่ข้าวกล้อง คายแกลบทิ้ง เราเลี้ยงด้วยข้าวเปลือก ทั้งที่เป็นรวง และที่ใส่กระบอกไม้ไผ่ไว้ในกรง กรงนี้ผมทำเอง ทำด้วยไม้ระกำตัดจากกอระกำข้างบ้าน เอามาปอกเปลือกทิ้ง ใช้เป็นโครงกรง ซี่กรงทำด้วยไม้ไผ่ที่เหลาเป็นซี่เล็กๆ กลมเกลี้ยง มีประตูสำหรับเปิดใส่นก ส่วนข้าวและน้ำใส่ผ่านซี่กรงได้ นกเหล่านี้มีมากมายในนาหลังบ้าน ช่วงข้าวสุกนกมากินข้าวและร้องระงม ชาวบ้านไปดักเอามาขายหรือเลี้ยง
ที่หลังบ้านไกลออกไป มีที่ดอนอยู่หน่อยหนึ่ง มีจอมปลวกและต้นตะขบ มีนกกระจาบหัวเหลืองมาทำรังเต็มไปหมด นกกระจาบหัวเหลืองเป็นนกนักถักรังจากหญ้าแห้ง มีทั้งรังสำหรับฟักไข่และรังชิงช้า เอาไว้เกาะเล่นลม ผมค้นกูเกิ้ลพบว่าเดี๋ยวนี้ชาวบ้านไปเก็บรังนกกระจาบเอาไปขาย คนซื้อเอาไปประดับบ้าน ถือได้ว่าเป็นการรังแกสัตว์อย่างหนึ่ง
นานๆ จะมีชาวบ้านเอา นกพริก หรือนกกระทุงมาขาย เขาดักได้และจัดการฆ่าถอนขน และควักไส้ทิ้งแล้ว แม่มักจะซื้อเอามาแกง หรือทำนกทอดพริกไทยให้ลูกๆ กิน
เริ่มจากรังนกนางแอ่น เล่าเรื่องนกอื่นๆ ไปเรื่อยๆ ตามลมพาไป เพื่อฟื้นความจำสมัยเด็กเมื่อเกือบ ๗๐ ปีก่อน ที่เด็กสมัยนี้หาประสบการณ์นี้ไม่ได้แล้ว รวมทั้งหลานๆ ของผมที่ชุมพร ซึ่งยังอยู่ที่บ้านเดิมของพ่อ
วิจารณ์ พานิช
๘ พ.ค. ๖๒
วัยสนธยา….นี้..เป็นเวลา กว่าเจ็ดสิบปี…เป็นเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว…และเป็นวัยที่ หวลกลับไปไม่ได้..หากเป็นความทรงจำ อัน ยาวนาน….ที่สดชื่น เสมอๆมา
เป็นเรื่องเล่าที่น่าอ่านมาก เด็กๆสมัยนี้ไม่ค่อยได้เจอ สมัยผมเด็กๆยังมีโอกาสยิงนกตกปลาอยู่เลยครับ